พล.อ.ชัยสิทธิ์ ประกาศเล่นการเมือง

ร.1 รอ. “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” ญาติผู้พี่ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ประกาศเข้าสู่สนามการเมือง หลังถูกทาบทามจาก “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เผยเหตุผลมีความรู้สึกลึก ๆ จากกรณีคนในตระกูลเดียวกันถูกกระทำ และสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นทุกวัน เรียกร้องพันธมิตรฯ ตั้งพรรคสู้กันตามระบอบ ลั่นถ้าบ้านเมืองเรียบร้อย พร้อมกลับบ้านเลี้ยงหลาน

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ อดีตผู้บัญชาการทหารบก ลูกพี่ลูกน้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็ก รักษาพระองค์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พร้อมลงเล่นการเมืองแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าระบบ ส.ส.หรือ ปาร์ตี้ลิสต์  โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้มาทาบทามให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ตอบรับไปแล้ว แต่ก็เงียบ ๆ ไป และมี ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนบางคนระบุว่า ตนไม่สู้ เอาตัวรอด จึงตัดสินใจประกาศลงเล่นการเมือง

“ผมยังไม่ได้ปรึกษาคนในครอบครัว ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของการตัดสินใจครั้งนี้ ความรู้สึกลึก ๆ เกิดจากเพราะคนในตระกูลเดียวกันถูกกระทำ และเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนยังเดือดร้อน จึงอยากทำให้เป็นตัวอย่างแก่คนที่ชุมนุมกันอยู่ในทำเนียบรัฐบาล  ขอให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งพรรคการเมืองมาต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย” พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว

พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า พร้อมรับทุกตำแหน่ง รวมทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่คิดว่าตัวเองยังพรรษาการเมืองไม่ถึง จึงขอให้เป็นไปทีละขั้นตอน จะให้ดำรงตำแหน่งใดก็พร้อม หากคิดว่าตนมีความรู้ความสามารถ  ไม่ได้ต้องการเข้ามาแสวงหาประโยชน์หรือเสวยสุข เพราะอยู่บ้านมีความสุขมากกว่า และหากบ้านเมืองกลับสู่ความเรียบร้อยก็สัญญาว่าพร้อมจะกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เพราะอยากใช้ชีวิตในบั้นปลายด้วยความสงบสุข

อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ไม่เคยคุยเรื่องการตัดสินใจครั้งนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และยังไม่ได้คุยกับคนในตระกูลชินวัตร ที่มีชื่อคาดการณ์กันว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ นายพายัพ ชินวัตร หากพรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค

พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เคยประสานกับหัวหน้าสำนักงานผู้บัญชาการทหารบก เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองแก่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะที่เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับ ทั้งนี้ เห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้มีความจำเป็นต้องจับเข่าคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง.