วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.อมรา สัจจาสัย ตุลาการศาลปกครองมีคำสั่งในคดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์
โดยนายวุฒิพงษ์ เวชยานนท์ ผู้รับอบอำนาจ ยื่นฟ้อง กรมสรรพากร เป็นผู้ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา เรื่องพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ ขอให้ศาลทบทวนคำสั่งกรมสรรพากร ที่มีคำสั่งอายัดห้ามธนาคาร จำหน่าย จ่ายหรือโอนสิทธิ เรียกร้องเงินในบัญชีเงินฝากของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีคำสั่งให้ธนาคารนำส่งเงินให้กรมสรรพากร มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท ที่ คตส.สั่งให้อายัดเงินครอบครัว บุตร บริวาร ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่กองทุนเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2550
ทั้งนี้ ศาลปกครอง พิจารณาคำฟ้องและเอกสารที่ได้จากการไต่สวนคู่ความและบทบัญญัติกฎหมายแล้ว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่า คำสั่งอายัดของ คตส. ลงวันที่ 11 มิ.ย. 50 อาศัยอำนาจตามประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 ก.ย.49 ส่วนคำสั่งอายัดของผู้ถูกฟ้อง อาศัยอำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12 จึงเห็นได้ว่า หน่วยงานทางปกครองทั้งสองแห่ง อาศัยอำนาจตามกฎหมายคนละฉบับ
รวมถึงการพิจารณาอัตราภาษีก็ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ของนายพานทองแท้ ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงอัตราได้
หากธนาคารไทยพาณิชย์ จะส่งเงินในบัญชีเงินฝากให้กับกรมสรรพากร อาจอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี จึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ธนาคารไทยพาณิชย์ระงับการส่งเงินในบัญชีดังกล่าวให้กรมสรรพากร จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น