ปลัดกลาโหมห่วงบึ้มพันธมิตรฯ สั่งหน่วยข่าวสอบหาข้อเท็จจริง

ปลัดฯกลาโหม ห่วงบึ้มพธม.สั่งหน่วยข่าวสอบข้อเท็จจริง

ระบุ“ทักษิณ” ถูก“กุนซือ-คนรอบข้าง”ดันก้น“โฟน-อิน” ทวงถามท่าที เคยประกาศต่อสู้อย่าง“คานธี ” ระบุ ผบ.เหล่าทัพ จับเข่าคุยประเมินสถานการณ์ตลอด ยันไม่กลัว “แม้ว”แต่เหตุที่ปิดปากเงียบเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เชื่อใจ “ สมชาย ” เป็นตัวของตัวเอง

(20พ.ย.) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุระเบิดหน้าเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน และสาหัส 4 คน

ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นอาวุธชนิดใด ทั้งนี้เป็นห่วงต่อสถานการณ์ระเบิดรายวัน เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ในส่วนของหน่วยงานด้านการข่าวกำลังตรวจสอบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งไม่ได้ละเลย
เมื่อถามถึง กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอิน จะเป็นการปลุกระดมโดยนำเรื่องเหตุการณ์ 19 ก.ย.49 เป็นการปลุกเร้าให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าท่านจะพูดอะไร แต่จริงๆอยากจะขอร้องท่านด้วยซ้ำไปว่าไม่ควรจะดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะน่าจะเกิดประโยชน์มากนักในแนวทางการต่อสู้ที่ท่านคิดว่าที่ท่านกำลังทำอยู่ ทั้งนี้ ตนคิดว่าตัวท่านอาจจะไม่ได้คิดเรื่องนี้เอง อาจจะเป็นคนใกล้ชิดหรือกุนซือของท่านเองที่ท่านใช้อยู่ให้แนวทางท่านให้ท่านต่อสู้ในลักษณะนี้


“ แต่แนวความคิดของท่านเองเมื่อปี 2544 ที่ท่านได้เคยพูด ถึงลักษณะของการต่อสู้ในตอนนั้น ที่จัดรายการทักษิณพบประชาชน ท่านได้พูดว่าจะใช้แนวทางของ ท่านมหาตมะ คานธี ในการต่อสู้ หรือในการดำเนินการอะไรต่างๆ แต่ ขณะนี้ มันไม่ใช่ ซึ่งผมวิเคราะห์เองว่าน่าจะเป็นกุนซือของท่านที่อยู่รอบข้างพยายามผลักดันท่านออกมา หวังประโยชน์จากท่านมากกว่า ถ้าพูดไปแล้ว คือผมห่วงท่านนายกฯทักษิณ จะถูกหลอกมากกว่า ” ปลัดกลาโหม กล่าว


เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเสียดายความเก่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ท่านกลับไปสร้างความวุ่นวายมากกว่าสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ก็ใช่

ตนจึงพยายามเน้นตรงที่อยากให้ท่านคิดเองมากกว่าที่จะฟังกุนซือรอบข้างท่าน ซึ่งทุกคนที่เข้าไปหาท่านต้องการรับประโยชน์จากท่านทั้งสิ้นและตรงนี้ท่านจึงถูกผลักออกมาให้ดำเนินการอะไรต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นแนวความคิดของคนที่พยายามวางแผนให้ท่านเพื่อที่จะสร้างปัญหาอะไรต่างๆ ขึ้นมา แต่ด้วยแนวความคิดของท่านถ้าปล่อยให้ท่านคิดเองท่านคงไม่ทำในลักษณะเช่นนี้


เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพมีความหวั่นไหวต่อการประกาศจุดยืนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจัดการกับศัตรูทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า พวกเราไม่หวั่นอยู่แล้ว พวกเราไม่ได้ไปเดือดร้อนอะไร

ซึ่งเราก็ได้มีการพูดคุยกันโดยตลอดว่า เราไม่ได้เป็นศัตรูทางการเมืองกับท่าน เราไม่ได้เล่นการเมือง เราเป็นข้าราชการประจำ เพียงแต่เราดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในภาระหน้าที่ที่เรารับผิดชอบกันอยู่
เมื่อถามย้ำว่า การที่ ผบ.เหล่าทัพ ปิดปากเงียบเป็นเพราะกลัวอิทธิพลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ที่ประกาศไว้ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า

“ ไม่มีใครกลัวหรอกครับ เพียงแต่ว่าให้สัมภาษณ์ไปแล้วอาจจะเป็นข่าวในเชิงลบกับตัวท่าน ท่านก็คงไม่อยากให้สัมภาษณ์มากกว่า ซึ่งเรื่องต้องให้ความเป็นธรรม กับ ผบ.เหล่าทัพด้วย
เพราะว่าการไม่ให้สัมภาษณ์ของผบ.เหล่าทัพเหมือนกับว่าไม่อยากเป็นข่าวและไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต แม้แต่สิ่งที่ผมพูดสื่อมวลชนอาจจะไปเขียนหรือไปทำอะไรต่างๆ ทำให้เกิดสถานการณ์บานปลายไปได้ แต่สิ่งที่ ผบ.เหล่าทัพต้องการอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง กรอบที่ถูกต้อง หรือแนวทางที่ถูกต้องมากกว่า คือฟังทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฟังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือไม่ใช่ต้องไปปรามท่านนายกฯ ทักษิณ ไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ในขณะที่อีกฝ่ายก็รุกตลอดให้ดำเนินการอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งทางกองทัพไม่อยากให้สองฝ่ายมีปัญหากัน ”



เมื่อถามว่า สังคมคาดหวังกับกองทัพในการคานการใช้อำนาจของรัฐบาลไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลคนอื่น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพจะออกมาคานรัฐบาลคงเป็นไปไมได้อยู่แล้ว

ในประเทศที่เจริญแล้วกองทัพต้องเป็นเครื่องมือของรัฐบาลและประเทศไทยก็เป็นประเทศที่เจริญแล้วประเทศหนึ่ง กองทัพเป็นข้าราชการต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐ ผู้มีอำนาจรัฐ ที่มีอำนาจปกครองบังคับบัญชาอยู่แล้ว ซึ่งกองทัพต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อรัฐบาลยังไม่สั่งใช้ตามสายงานของ กอ.รมน.ก็ยังทำไมได้ ซึ่งสายงานที่รัฐบาลสั่งใช้กำลังได้ ในส่วนของกองทัพคือสายงานของ กอ.รมน. ส่วนจะประกาศภาวะฉุกเฉินหรือกฎอัยการศึก คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในขณะนี้ หรือสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พนักงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราไม่ได้ผลักภาระไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูแล แต่เราอยากให้ทุกคนทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายมากกว่า


เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้มีการพัฒนาเลยไปถึงจุดทีต้องเสียเลือดเนื้อและต้องมาเริ่มกันใหม่จะทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสหรือไม่

พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เราห่วง แต่ในอำนาจหน้าที่ของเราไม่สามารถก้าวล่วงไปได้ เมื่อไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ซึ่งใน พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร หาก กอ.รมน. จะใช้ก็จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยจะต้องให้ครม.เห็นชอบและประกาศอย่างชัดเจน ทั้งนี้ โครงสร้างกอ.รมน.ใหม่มีกรอบและขั้นตอนในการกำหนดไว้อย่างชัดเจนโดยมีข้อจำกัดในการปฏิบัติมากกว่ากฎหมายฉบับก่อนๆ ซึงสถานการณ์ขณะนี้จะประกาศหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล
 

เมื่อถามถึง การแก้ไขรัฐธรรมนูญควรจะชะลอไปก่อนหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า พ.อ.อภิวัณ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ กล่าวว่า น่าจะชะลอไปก่อน

เพราะฝ่ายพันธมิตรฯ ยังยืนยันว่าถ้ามีการดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะมาชุมนุมกันอีก ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ตนไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข รัฐธรรมนูญแต่รายละเอียดของการแก้ไขตนยังไม่รู้ว่า สสร. 3 ที่ตั้งขึ้นมาจะแก้ไขในเรื่องใด เราตีตนไปก่อนหรือเปล่าว่าจะแก้ไขเพื่อสนับสนุนให้ นายกฯ ทักษิณ และพวกจะได้กลับเข้ามาหรือกลับเข้ามาดูแล หรือแม้กระทั่ง สสร. 3 ว่าจะดูแลแก้ไขอย่างไร ซึ่งอยากให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก หากชะลอได้ก็จะเป็นการดีเป้ฯการถอยคนละก้าวเพื่อ ให้ทุกอย่างดีขึ้น


เมื่อถามว่า มีการมองว่า นายสมชาย เป็นเครือญาติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ ทั้งที่ควรตัดขาดความเป็นนอมินี เพื่อหันมาทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า โดยตัวท่านนายกฯเองก็เป็นอิสระพอสมควร

ถ้าคุยกับท่านหลายๆ เรื่องท่านสามารถตกลงใจเองได้ แต่ในความเป็นเครือญาติ ท่านนายกฯ ทักษิณอาจจะห่วงใยและพูดคุยกันเข้ามา แต่อำนาจในการตกลงใจ เท่าที่ได้พูดกับนายกฯ สมชาย อยู่ที่ ท่านนายกรัฐมนตรีบัญชา
เมื่อถามว่า นายกฯ ควรจะตัดสินใจเองเพื่อประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่าใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาติ กล่าวว่า อยู่ที่ตัวท่าน แต่ตัวท่านยืนยันมาโดยตลอดว่าอำนาจตัดสินใจอยู่ที่ตัวท่าน เพราะท่านเป็นผู้บริหาร เป็นหัวหน้าผู้บริหาร ท่านมีอำนาจในการตัดสินใจ แม้แต่เรื่องการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ท่านเป็นคนตัดสินใจ


เมื่อถามว่า ขณะนี้ผบ.เหล่าทัพยังคงมีความเป็นปึกแผ่นเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เราก็เจอกันทุกวัน ในช่วงพระราชพิธีเราก็คุยกันตลอด

ซึ่ง ผบ.เหล่าทัพ มีความเหนียวแน่นยิ่งกว่าสมัยก่อนๆ ด้วยซ้ำไป รุ่นเราใกล้กัน มีความใกล้ชิดกันและมีโอกาสได้พูดคุยกันตลอด เราจะพูดคุยและเห็นในเรื่องเดียวกัน ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกันตอลด
เมื่อถามว่า ในระดับ ผบ.เหล่าทัพมีความลึกซึ้ง เหนียวแน่นกันก็จริง แต่ในระดับ ผบ.หน่วยคุมกำลังมีการเคลื่อนไหว ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ไปยัง ผบ.ทบ.หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทั้งหมดอยู่ที่ ผบ.ทบ.ท่านไม่มีปัญหาตรงนี้ ท่านอดทน อดกลั้น มาโดยตลอด ถึงขณะนี้ท่านก็คงสงบนิ่งอยู่ ท่านไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ขณะนี้ท่านเข้มแข็งพอสมควร ท่านไม่ค่อยเดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แม้จะถูกพันธมิตรฯ ตำหนิบ้าง อะไรบ้าง ท่านก็ไม่เดือดร้อนกับเรื่องพวกนี้ ตนเชื่อว่า ผบ.เหล่าทัพ ทุกคนมีความหนักแน่น และไม่ได้ห่วงการที่จะถูกตำหนิจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรายืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
 

“ ผมไม่เชื่อว่าหน่วยระดับล่างแตกแถวออกไปอย่างนั้น ส่วนของ สำนักงานปลัด ทางรองปลัดฯ 4 ท่านก็จะมีการพูดคุยกันทุกเรื่อง ในส่วนของกองทัพบก นั้นทางแม่ทัพภาคที่ 1 มีความใกล้ชิดกับ เสธ.ทบ. หรือ ผบ.ทบ.ก็มีการพูดคุยกันตลอด ไม่น่าจะมีปัญหา และไม่มีความแตกแยก ซึ่งระดับล่างเองก็ไม่มีปัญหา ส่วนท่าทีรัฐบาลกับกองทัพในตอนนี้ก็ไม่มีปัญหา นายกฯ ไม่เคยตำหนิ ติติงพวกเรา “ พล.อ.อภิชาต กล่าว


เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีใบสั่งให้ นายกฯ ปลดผบ.เหล่าทัพที่ไม่สนองนโยบายรัฐบาลพล.อ.อภิชาต กล่าวว่า “ ผมไม่เชื่อว่านายกฯจะทำ และในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพก็ไม่เคยได้ข่าวในลักษณะนี้ และเราก็ไม่เคยพูดคุยเรื่องพวกนี้ว่าจะมีการลงโทษ ผบ.เหล่าทัพ ด้วยการปลดออกจากตำแหน่งต่างๆ แต่พวกเราก็เฉยๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็ดีกับพวกเรามาตลอด ”


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์