สนามกรุงเทพฯพัลลภคุยได้นั่ง ผช.ผอ.กอ.รมน.
ปชป.เฟ้นตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เร้าใจ ฝันจีบ"เสี่ยปั้น"สวมเสื้อลงสนาม"ดร.แดน"อ้อนค่ายสะตอส่งกวดสับนายกฯ ปูดข่าวปรับครม.-สร้างทำเนียบใหม่ กลบกระแสข่าวประชาชนยี้รัฐบาลมากขึ้น จวก “สมชาย” เร่ขายฝันเอาตัวรอดไปวัน ๆ นายกฯ แพลมปรับ ครม.ใกล้สิ้นเดือน รอกลับจากประชุมเอเปคที่เปรูก่อน เอาแค่ปรับพอดี ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ คาด “พัลลภ” นั่ง ผช.ผอ.กอ.รมน. บีบ “เสธ.แดง” อยากร่วมงานต้องเลิกแหกคอก ส่วนสอบ ส.ส. ซุกหนี้บัตรเครดิต ป.ป.ช. ยังไม่บรรจุเข้าประชุม “สมลักษณ์” มองส่วนตัวแค่เรื่องหยุมหยิม “เรืองไกร” จี้ยึดตามมาตรฐาน ยันเคยมีรมต.แจ้งหนี้บัตรเครดิต กมธ.ป.ป.ช. พรางตัวลงเก็บข้อมูลฝายแม้ว ท้า “เจ๊เป้า” ลุยเอกซเรย์ทุจริต นายกฯ ไม่พูด “ทักษิณ-คุณหญิงอ้อ” หย่า อ้างเรื่องส่วนตัว คาด “พจมาน” ซุ่มกลับเมืองไทย
นายกฯเผยปรับครม.ต้องรอ
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่บ้านพักภายในหมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลล์ ถนนแจ้งวัฒนะ เวลา 11.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการหย่าร้างระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตรว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนจะมีผลอะไรต่อคดีความหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่วันนี้ขอร้องว่าอย่าไปถามเรื่องคนอื่นเขาเลย ยืนยันว่าตนไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องเหล่านี้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยคุยกันเลย ส่วนนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายกฯ น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณไม่พูดถึงข่าวการหย่าร้างของพี่ชาย เมื่อเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวดักรออยู่ที่หน้าบ้านพักก็ไม่ยอมออกมาพูดคุย และออกจากบ้านไปตั้งแต่เวลา 11.00 น.
ขณะที่นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการปรับครม.ว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะปรับหลังวันที่ 16 พ.ย.นี้ทันที เพียงแต่บอกว่ารอหลังเสร็จงานพระราชพิธีให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งจะมีถึงวันที่ 19 พ.ย. จากนั้นวันที่ 20-26 พ.ย.ตนมีกำหนดการเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (เอเปค) ที่ประเทศเปรู วันนั้นถ้าหากตนพูดผิดก็ต้องขอโทษ แต่เท่าที่จำได้ผมพูดประมาณว่าต้องรอให้เสร็จงานทุกอย่างก่อน
ให้ใจเย็นหยอกปรับพอดี ๆ
เมื่อถามว่า เป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายสมชาย หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่เล็กไม่ใหญ่” เมื่อถามอีกว่าปรับมากกว่า 1 ตำแหน่งใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า เอาแค่นี้ก่อนทีละช็อตดีกว่า เมื่อถามว่า จำเป็นต้องหารือกับใครอีกหรือไม่ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ตนเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะหารือ ก็คงหารือกับเจ้าตัวที่จะไปจะมามากกว่า
ต่อข้อถามว่า การปรับครั้งนี้จะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งภายในรัฐบาลได้ด้วยหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ความขัดแย้งภายในมันไม่มีอะไร ทุกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อถามถึงกระแสข่าวการดึงพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (รองผอ.กอ.รมน.) มาดำรงตำแหน่งรองผอ.กอ.รมน. อีกครั้ง นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้ขอพูดแค่นี้ก่อนแล้วกัน เมื่อถามว่า ขณะนี้ด้านการข่าวมีการรายงานความเคลื่อนไหวของการก่อความไม่สงบหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีมาบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตนติดตามข่าวทุกวัน
คาดนั่งผู้ช่วยผอ.กอ.รมน.
พล.อ.พัลลภ ให้สัมภาษณ์ทางโทร ศัพท์ ถึงกระแสข่าวเตรียมเข้ารับตำแหน่งรองผอ.รมน.อีกครั้ง ในรัฐบาลนายสมชายว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า ตนจะเข้ามามีตำแหน่งในกอ.รมน.อีกครั้ง แต่จะเป็นตำแหน่งใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของครม.ว่าตนจะเหมาะสมในตำแหน่งใด แต่ในส่วนของผู้ช่วยผอ.กอ.รมน.นั้นตนเป็นได้ จึงจะไปอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว โดยจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม.ในวันที่ 18 พ.ย.นี้ สำหรับกรอบการทำงาน ตนจะเข้าไปช่วยดูงานด้านความมั่นคงเป็นหลักโดยจะทำเพื่อประเทศชาติ นำความสันติมาสู่ประชาชนเป็นหลัก
พล.อ.พัลลภ ระบุอีกว่า การกลับมาทำงานตนไม่กังวลเลย ตามที่ได้แถลงไปแล้วว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดิมตนสนับสนุน แต่วันนี้พอมาดูแล้วมันจบกันไม่ลง พันธมิตรฯเองก็ไม่รู้จะไปอย่างไรต่อ แม้ตนจะเห็นด้วยกับแนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ แต่มันไม่มีทางที่จะไปได้ หากไม่เกิดการรัฐประหาร พันธมิตรฯไม่มีเส้นทางที่จะไปสู่การเมืองใหม่ได้ เพราะไม่มีส.ส. ไม่มีรัฐสภา ส่วนเรื่องพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ต้องบอกว่าเพื่อนก็ส่วนเพื่อน แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน
ไล่ “เสธ.แดง” เลิกแหกคอก
ส่วนกรณีหลายฝ่ายกังวลสถานการณ์การเมืองจะรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธี พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ก็นี่ไง ตนถึงได้อาสาเข้ามาทำงานใน กอ.รมน. เพื่อสร้างความเข้าใจอีกครั้ง มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะตนไม่ต้องการที่จะให้มีคนบาดเจ็บล้มตายกันอีก ไม่ใช่แนวทางของตน
พล.อ.พัลลภ ยังกล่าวถึงการที่พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ประกาศเป็นคอหอยกับลูกกระเดือกคู่กับตนนั้นว่า พล.ต.ขัตติยะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนมานานแล้ว แต่พอรู้ว่าตนจะได้ไปอยู่ในกอ.รมน.ก็อยากมาทำงานด้วย เป็นอาการอยู่ไม่สุข เมื่อเช้าวันที่ 15 พ.ย. ตนโทรฯไปต่อว่า พล.ต.ขัตติยะว่ามาทำงานกับตนไม่ได้หรอก ถ้ายังพูดว่าจะจับแกนนำพันธมิตรฯ ผูกเฮลิคอปเตอร์ไปสอบสวนที่เกาะตะรุเตา ตนรับไม่ได้ประชาชนก็รับไม่ได้ ที่จริงพล.ต.ขัตติยะมีความสามารถ แต่ชอบเสนออะไรแปลก ๆ ถ้าจะกลับมาทำงานด้วยกัน ต้องกลับไปเปลี่ยนทัศนคติและท่าทีให้หมด
ปชป.สับปูดกระแสปรับ ครม.
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย ประกาศจะปรับ ครม.หลังเสร็จงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพว่า รัฐบาลพยายามจะสร้างข่าวขึ้นมากลบกระแสความไม่ยอมรับของประชาชนที่นับวันจะเพิ่มขึ้นจึงจำเป็นต้องสร้างข่าวขึ้นมาในขณะนี้เพื่อต่ออายุตัวเอง และเบี่ยงเบนประเด็นที่สังคมอยากจะได้คำตอบและความรับผิดชอบจากรัฐบาลในกรณีเหตุการณ์ 7 ต.ค. จึงทำสองเรื่องขึ้นมาในขณะนี้ คือ การรีบประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะปรับ ครม. ทั้งที่ความจำเป็นในการปรับแทบจะไม่มี
นายเทพไท กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังพยายามสร้างข่าวเรื่องการจะสร้างทำเนียบรัฐบาลใหม่หลังกลับมาจากเยือนประเทศอินเดียแล้ว ตนอยากถามว่านายกฯ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไร เพราะนายสมชายเป็นนายกฯ ที่ไร้ทำเนียบตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วกลับมาเรียกร้องหาทำเนียบใหม่ทำไม การจุดประเด็นเรื่องนี้ทั้งที่ไม่ได้เตรียมแผนงานและเตรียมการใด ๆ เลย ซึ่งประชาชนก็ไม่คิดจะร่วมฝันกับนายกฯ คนนี้ไปด้วย ตราบใดที่มีนายกฯ คนนี้ประชาชนก็คงจะฝันร้ายตลอดไป
ชี้หนี้บัตรเครดิตหยุมหยิม
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ส.ส.ร่วม 200 คนที่มีบัตรเครดิตแต่ไม่แจ้งหนี้สินบัตรเครดิตในวันเข้ารับตำแหน่ง อาจถือว่าปกปิดบัญชีทรัพย์สินในเรื่องเงินเบิกเกินบัญชีหรือไม่ว่า หนังสือดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ เพียงแต่หยิบยกมาคุยกันบ้างเพราะเป็นข่าวออกทางสื่อมวลชน คณะกรรมการจึงยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ แต่ในความเห็นส่วนตัวตนมองว่า
กรณีนี้เป็นเรื่องหยุมหยิม
น.ส.สมลักษณ์ กล่าวอีกว่า ยกเว้นแต่มีเจตนาใช้บัตรเครดิตในทางไม่ชอบ เช่น ให้คนอื่นนำไปซื้อสินค้าราคาแพงอย่างรถยนต์เป็นการต่างตอบแทน หรือมีเจตนาทุจริตในการใช้บัตรเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับเงิน แต่ถ้าเป็นว่า เรื่องหนี้บัตรเครดิตต้องแจ้งทั้งหมด มันจะเดือดร้อนกันไปหมด เพราะใคร ๆ ก็มีบัตรเครดิต ใช้แล้วก็จ่ายคืนเป็นปกติ แม้แต่กรรมการ ป.ป.ช.ก็มี ถ้าเทียบกรณีใกล้ ๆ กับเรื่องนี้ก็คือกรณีที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯไม่แจ้งว่ามีหุ้นส่วนในสหกรณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้นายชวนไม่ได้มีเจตนาปกปิดแต่ลืม
รอที่ประชุมป.ป.ช.ตีความ
น.ส.สมลักษณ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ถ้ามีการนำคำร้องเข้าที่ประชุมป.ป.ช.ก็ต้องนำมาตีความกันว่าเข้าลักษณะการปกปิดหนี้สินเบิกเกินบัญชีหรือไม่ แต่ส่วนตัวแล้วย้ำว่าต้องมองเจตนาว่ามีความทุจริตหรือไม่เท่านั้น เมื่อได้ผลการพิจารณา จึงจะแจ้งให้ผู้ร้องคือนายเรืองไกร ทราบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่สำคัญคือเราต้องพิจารณาประเด็นที่ว่าในคำร้องมีข้อมูลอะไรเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตในทางไม่ชอบหรือไม่ ถ้ามีการตีความว่าการไม่แจ้งหนี้บัตรเครดิตถือเป็นการปกปิดบัญชีทรัพย์สินในส่วนของหนี้เบิกเกินบัญชี แล้วเกิดมาตรฐานใหม่ มันก็ต้องเป็นไปตามมติที่ประชุม
ด้านนายเรืองไกร เปิดเผยว่า ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจากคณะกรรมการป.ป.ช.แต่อย่างใด คิดว่าทางป.ป.ช.คงกำลังตรวจสอบ ในแบบของป.ป.ช.ที่ให้นักการเมืองกรอกข้อมูลเพื่อยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้นมีการระบุไว้ชัดว่าให้แจ้งเงินที่เบิกเกินบัญชีซึ่งหมายถึงหนี้บัตรเครดิตด้วย และมีส.ส.ถึง 96 คน และรมต.ถึง 12 คน ที่แจ้งข้อมูลหนี้บัตรเครดิตต่อป.ป.ช. รวมถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในสมัยเป็นรมว.ศึกษาธิการ ก็ได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวต่อป.ป.ช.ด้วย ดังนั้นป.ป.ช.จะต้องวินิจฉัยมาให้ชัดว่าความถูกต้องเป็นอย่างไร
ยังคาใจ “แม้ว” หย่าการเมือง
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงกรณีการหย่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับคุณหญิงพจมาน ชินวัตรว่า ฟังดูก็แปลก ๆ เพราะตามข่าวบอกว่าคุณหญิงพจมานไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก แต่เหตุใดในวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาที่เวทีสนามราชมังคลา จึงมีข่าวว่าคุณแม่ของคุณหญิงพจมานไปร่วมฟังด้วย นอกจากนี้ยังมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยิ่งน่าสงสัย เพราะถ้าจะหยุดเล่นการเมืองแต่กลับเอาน้องมาเล่นต่อ และยังมีนางเยาวภาที่ยังยุ่งกับการเมืองอีก จึงไม่แน่ใจว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นการเดินเกมของคุณหญิงพจมานหรือไม่ ซึ่งก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวกันต่อไป
รายงานข่าวจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแจ้งว่า ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานไปจดทะเบียนหย่านั้นก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนท้องถิ่นในฮ่องกงได้นำเสนอข่าวดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว ส่วนคุณหญิงพจมานมีกระแสข่าวเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในเร็ววันนี้ โดยแกนนำพรรคพลังประชาชนรายหนึ่ง ยืนยันสาเหตุการหย่าว่า ต้องการใช้เป็นเหตุผลในการต่อสู้คดีเป็นหลัก จะได้แยกกันสู้คดีไม่ให้เกิดการเหมารวมทั้งเรื่องคดีความและกรณีการเพิกถอนวีซ่า และเพื่อให้คุณหญิงพจมานจะสามารถเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ได้
“ตือ” ชงไขกุญแจทางออกรธน.
สำหรับความเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้ามา จึงยังไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาในการประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้หรือไม่ ทั้งนี้ในวันที่ 24 พ.ย. เวลา 09.30 น. จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศทั้งหมด 12 เรื่อง แต่ละเรื่องมีแขนกแยกออกไปอีก 5 เรื่อง รวม 60 เรื่องซึ่งถือว่าเป็นวาระการประชุมที่แน่นมากแล้ว ส่วนนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลคงไม่เสนอเข้ามาพิจารณาในสมัยประชุมนี้
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเกรงหลังงานพระราชพิธีฯจะเกิดความรุนแรงว่า คิดกันไปเอง ตนเชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อประเทศ ส่วนรัฐบาลจะยังคงเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมนี้หรือไม่ อยู่ที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ส่วนตัวอยากให้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าสภาในสมัยประชุมนี้ เพื่อนำสู่กติกาใหม่ โดยมั่นใจว่าการแก้ไขดังกล่าวจะไม่นำสู่ความขัดแย้ง เพราะเราแก้ไขเพื่อให้เป็นกุญแจไขไปสู่การเมืองภาคพลเมือง
ท้า “เจ๊เป้า” ลุยป่าผ่าฝายแม้ว
นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย.นี้ กมธ.ส่วนหนึ่งจะลงพื้นที่ตรวจสอบการสร้างฝายแม้วในโครงการลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยจะไม่ระบุพื้นที่และเวลาล่วงหน้าจะไปโดยไม่ให้รู้ว่าเป็น กมธ.ด้วย เพราะได้ข่าวมาว่ามีการบอกคนในพื้นที่ล่วงหน้าว่าถ้าเป็น กมธ.อย่าให้ข้อมูลใด ๆ ซึ่งความคืบหน้าขณะนี้ เรากำลังให้ ส.ส.พิษณุโลก และแพร่ ช่วยเก็บข้อมูลเกี่ยวกับฝายแม้ว โดยเฉพาะในส่วนของจ.พิษณุโลกเพียงจังหวัดเดียว ก็เรียกได้ว่า ปิดคดีได้เลยเพราะพบปัญหามาก
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า กรณีฝายแม้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับลูกกับทาง กมธ.แล้ว ถ้าเป็นคดีทุจริต เขาจะสามารถดำเนินการได้ทันที ในส่วนของการส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. นั้น ก็มีคนร้องเรียน และส่งให้แล้วส่วนหนึ่ง เราจะส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. เพิ่มเช่นกัน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าโครงการที่ต้องก่อสร้างแสนกว่าฝาย อย่างไรก็คงทำกันครบแล้ว เพราะมีคนบอกตนว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้จี้ให้ทำให้ครบแล้ว ส่วนกรณีที่นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทส. ยืนยันว่าฝายแม้วไม่มีปัญหานั้น ตนขอท้าให้นางอนงค์วรรณหรือนายอุภัย วายุพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานฯลงพื้นที่พร้อมตน จะได้เห็นกันว่าฝายไม่ได้มาตรฐานเป็นอย่างไร
เฟ้นชื่อดีหวังกู้ศรัทธาปชป.
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการสรรหาบุคคลลงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะส่งใครลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ที่มีชื่อบุคคลต่าง ๆ ปรากฏออกมาล้วนมีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งพรรคคำนึงทั้งความรู้ความสามารถทั้งคนในและคนนอกที่อุดมการณ์และแนวคิดที่สอดคล้องกับพรรค พรรคได้มีการพูดคุยบุคคลภายนอกด้วยหลายคน อาทิ นายภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ และอดีตผู้บริหารของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริษัท อมตะโฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งนายวิกรมได้เสนอ
ความคิดเห็นต่อแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้น้ำหนักไปที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ยังเป็นรองหัวหน้าพรรค ได้เคยทาบทามนายกรณ์และนายอภิรักษ์ โดยเห็นว่าทั้งคู่มีความเหมาะสม แต่มีความเป็นไปได้สูงที่นายกรณ์จะปฏิเสธการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นในพรรค เพราะมีสมาชิกพรรคบางส่วนคัดค้านชื่อของนายกรณ์ แต่ถ้านายกรณ์ปฏิเสธ พรรคได้มองหาผู้ที่เหมาะสมอีกคือนายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.
ฝันจีบ “เสี่ยปั้น” ชิงผู้ว่าฯกทม.
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ผู้ใหญ่ของพรรคได้มอบหมายให้นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ไปทาบทามนายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย ให้มาลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เคยชักชวนนายบัณฑูรมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว แต่นายบัณฑูรได้ปฏิเสธ ทั้งนี้มีข่าวว่านายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้ให้ทีมงานส่งเมล์มาถึงผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของพรรค เพื่อเสนอตัวเป็นทางเลือกให้พรรคประชาธิปัตย์ โดยขอให้ให้อภัยต่อกันในเรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมา แต่มีการตอบ อีเมลสั้น ๆ กลับไปว่าขอบคุณสำหรับความคิดเห็น
ขณะที่แหล่งข่าวจากธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทาบทามนายบัณฑูร ล่ำซำ ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ว่า มีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากนายบัณฑูร ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และแม้จะมีการทาบทามจริงคงเป็นการพูดคุยกันมากกว่า แต่การตกปากรับคำแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าในยุคสมัยไหนที่เคยมีกระแสข่าวออกมา นายบัณฑูรก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง.