แม้ว่ากระแสความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์จะปรับตัวดีขึ้น หลังจาก อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.สมัยที่ 2 ยอมไขก๊อกสละเก้าอี้ เพื่อสร้างมาตรฐานทางการเมือง กรณีถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับคดีฉาวการทุจริตเรือ-รถดับเพลิง
แต่งานหินก็เป็นหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ในการเฟ้นหาตัวผู้สมัครชิงเก้าอี้พ่อเมืองเสาชิงช้า
จึงน่าจับตายิ่งในการประชุมคณะกรรมการสรรหาตัวผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 21 พฤศจิกายน เพื่อสรุปรายชื่อและส่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคประชุมพิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกใคร
หลักๆ แม้ว่านาทีนี้จะเหลือแคนดิเดตที่พอสมน้ำสมเนื้อคือ กรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กทม.และรองหัวหน้าพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม.กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ส.ส.สัดส่วน อดีต ส.ส.กทม.หลายสมัย
แต่สปอตไลท์กลับถูกส่องไปยัง "กรณ์" มากที่สุด แม้ว่าขณะนี้เจ้าตัวยังอยู่ในอาการสงวนท่าที
ทว่า ชื่อของ "กรณ์" กลับถูกแรงต่อต้านจากสมาชิกพรรคฟาก สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ในฐานะแบ็กอัพตัวจริงเสียงจริงที่หนุนให้ "หล่อเล็ก" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ต่อไปจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
แม้ผลการลาออกของอภิรักษ์ จะกระทบชิ่งไปยังพลังประชาชนถึงเรื่องบรรทัดฐานทางการเมืองแต่กลับทำให้รอยร้าวภายในยิ่งบาดลึก
"กรณ์" ถูกเสนอขึ้นมาชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ หลังจาก "หล่อเล็ก" กลายเป็นเนื้อร้ายที่พรรคจำใจตัดทิ้ง
ประกอบกับก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า "อภิรักษ์" เตรียมแปรพักตร์ หลังได้รับกระแสความนิยมส่วนตัวสูงขึ้น มีการปล่อยคลิปเสียงคล้าย กรณ์ จาติกวณิช ที่ออกมาทวงถามบุญคุณการวิ่งเต้นช่วยให้พ้นคดีในชั้น คตส.
มิหนำซ้ำ "กรณ์" ยังถือเป็นหน่วยกล้าตายที่ออกมาเรียกร้องให้ "อภิรักษ์" ปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 55 หลัง ป.ป.ช.มีคำวินิจฉัย
จนเป็นเหตุให้ระดับรองหัวหน้าพรรคร่วมกันออกมาบีบให้ "อภิรักษ์" สละเก้าอี้เพื่อรักษาภาพของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค
หากยังคงยืนตามแนวทางของ "สุเทพ" มีหวังกระแสกดดันให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมแสดงความรับผิดชอบมาถึงตัว "อภิสิทธิ์" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อชื่อ "กรณ์" ถูกเสนอขึ้นมาเป็นเต็งหนึ่ง ย่อมถูกอีกฝ่ายไม่พอใจอย่างหนัก จึงเป็นเหตุให้ เทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค ออกมาเสนอชื่อแคนดิเดตเพิ่มเติมเป็น กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค และ กษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตกรุงวอชิงตัน
เมื่อเทียบดีกรีกับ "กรณ์" แล้ว ถือว่าสูสีไม่แพ้กัน แถมพรรคยังไม่ถูกด่า เพราะไม่ต้องลาออกจากเก้าอี้ ส.ส.เพื่อมาลงชิงชัยครั้งนี้ให้เสียงบประมาณ ซึ่งรังแต่จะเป็นเป้าโจมตีทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม ที่ผนึกกำลังเตรียมรุมกินโต๊ะพรรคประชาธิปัตย์
แต่อาการแฝงยังเหลืออยู่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้สร้างภาพการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นและสุดท้ายกลับเข้าทำนองว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ดังนั้น งานนี้ "กรณ์" จึงไม่กล้าออกตัว เพราะเกรงว่าจะเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ให้รุนแรงขึ้น
เพราะส่วนตัวเขาเองไม่คิดจะลงสู่สนามท้องถิ่น หากแต่เป้าหมายของเขาคือระดับชาติดูแลนโยบายเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน การเข้ามาบริหารงาน กทม.ต้องรับผิดชอบงบประมาณมหาศาล แต่ "กรณ์" ไม่มีขุมเครือข่ายทางการเมือง แม้จะเป็นรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบ กทม. แต่บทบาทของเขากลับไม่มีความสำคัญต่อ ส.ก.หรือ ส.ข. แต่อย่างใด
เชื่อว่างานนี้ต้องเกิดอาการงัดข้อกับ "สุเทพ" อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างน้อยการปักธงพ่อเมืองเสาชิงช้าได้อีกครั้ง ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการเตรียมกระสุนดินดำในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ "กรณ์" ลังเลที่ตัดสินใจ เพราะต้องเสี่ยงกับการถูกด่าที่ลาออกจาก ส.ส.ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการเลือกตั้งใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท แถมงบในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ร่วม 150 ล้านบาท
แต่เหตุผลหลัก หากได้รับเลือกตั้งก็ใช่ว่า "กรณ์" จะทำงานได้อย่างสะดวกโยธิน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า กระเป๋าของพรรคคือ "สุเทพ" ที่เป็นคนเดินเกมทั้งใต้ดินและบนดิน คงไม่ปล่อยให้ "กรณ์" ทำงานได้อย่างอิสระแน่
ที่สำคัญ 4 ปีที่ผ่านมา "อภิรักษ์" ได้สร้างเครือข่ายการเมืองผนึกกำลังกับ "สุเทพ" เป็นอย่างดีใน กทม. ไม่เช่นนั้นคงไม่มีกระแสข่าวหน่วยงานต่างๆ ใน กทม.ยอมลงขันซื้อโต๊ะระดมทุนของพรรค เพราะไม่เช่นนั้น "สุเทพ" คงไม่ดันหล่อเล็กลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.รอบ 2 ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องโดนชะตากรรมเช่นไร
ดังนั้นจึงต้องรอวัดใจ บัญญัติ บรรทัดฐาน ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครของพรรค จะตัดสินใจอย่างไร อย่างน้อยก็ต้องหาทางออกและร่วมรับผิดชอบ ที่ไฟเขียวให้ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" อดีต ส.ส.ก้นกุฏิ ออกมาเดินเกมแฉพร้อมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบ
งานนี้พรรคประชาธิปัตย์เจอศึกภายในและภายนอกรอบทิศ หากตัดสินใจเลือกคนในก็รังแต่จะเกิดความบาดหมางใจกัน หากเลือกคนนอกแต่ไม่โดนใจคนกรุงจริง งานนี้ก็มีสิทธิ์ปิ๋วได้เหมือนกัน
เพราะอย่าลืมว่า ศึกเที่ยวนี้ คู่แข่งรอวันประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำ เพื่อกลับมาล้างตาอีกครั้ง