จนปัญญาสลาย พธม.เล็งสร้างทำเนียบใหม่


ปรับ ครม.มีแน่หลังพิธีสำคัญแทนที่เก้าอี้ว่าง
            

"สมชาย"เตรียมปรับ ครม.หลังเสร็จพระราชพิธี"พระพี่นาง"มั่นใจ"โอฬาร-ไชยา"เคลียร์กันได้โดยไม่ต้องใช้กรรมการ แย้มมีแนวคิดสร้างทำเนียบแห่งใหม่ เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ยกทำเนียบเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเรียนรู้ แถมไม่เชื่อพี่เมียจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่บาฮามาส บ่นเป็นรัฐบาลที่มีแต่ข้อกล่าวหา เผยหลังเสร็จพระราชพิธี “พระพี่นาง” อาจปรับ ครม. พร้อมเตรียมชี้แจง ป.ป.ช. ข้อกล่าวหาเขาพระวิหาร “ป้าอุ” ข้องใจ ครม.ทำตามคำแนะนำข้าราชการและกองทัพ แต่คนพวกนั้นไม่ถูกกล่าวหา ป.ป.ช. แย้มรัฐมนตรียังทำงานได้ตามปกติ ด้าน “มาร์ค” สวนปรับไปก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ด้าน “เสี่ยแม้ว” ออกจากจีนฝังตัวฮ่องกงเพื่อเตรียมบินไปอาหรับ แกนนำ พปช. ย่องพบหัวกระไดไม่แห้ง ขณะที่ ปชป. นัดประชุม เพื่อหามวยแทน “อภิรักษ์” โพลชี้ลาออกทำคะแนนเสียงตก สหภาพ อสมท เรียกร้อง 4 ข้อหลังปลด “วสันต์”



ปรับ ครม.หลังพระราชพิธี
 
 
เมื่อเวลา 05.35 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี และนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์นั้น นายกฯกล่าวว่า ทั้ง 2 คนตั้งใจและทำงานดี แต่ความคิดเห็นที่แตกต่างกันสามารถมีได้ เชื่อว่าคงจะพูดจากันได้ ความเห็นต่างกันไม่เป็นไรแต่สุดท้ายก็ต้องคำนึงกับประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องเรียกทั้ง 2 คนมาพูดคุยกัน เพราะเชื่อว่าจะคุยกันได้โดยที่ไม่ต้องมีกรรมการ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีแนวคิดที่จะปรับ ครม. หลังเสร็จงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า บอกแล้วการปรับ ครม.ต้องดูเวลาที่เหมาะสม ช่วงนี้มีงานสำคัญอยู่ต้องรอให้เสร็จงานก่อน เมื่อถามว่า จะปรับกี่ตำแหน่ง นายกฯกล่าวว่า มีว่างอยู่ที่เดียวคงปรับมากไม่ได้ ส่วนจะมีการสลับตำแหน่งหรือไม่ ต้องขอเวลาดูอีกหน่อย



แนวคิดสร้างทำเนียบใหม่

 
นายสมชายยังกล่าวด้วยว่า มีแนวความคิดในการหาสถานที่สร้างทำเนียบรัฐบาลแห่งใหม่ เพราะถ้ากลุ่มพันธมิตรฯ ยึดนานเกินไปเราก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ ที่ผ่านมาตนเดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ ได้ไปเห็นทำเนียบประธานา ธิบดีแต่ละประเทศก็หรูหราใหญ่โต มีวิธีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาถาวรมาก ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ทำเนียบรัฐบาลใหม่เราไม่ได้สร้างเพื่อกันว่าใครจะมาประท้วง แต่ถ้าเราจะให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความปลอดภัย
 
“ทำเนียบรัฐบาลปัจจุบันมีอายุมากและ คงต้องเข้าไปซ่อมแซมเยอะ อาจจะใช้เป็นที่รวบรวมข้อมูล พิพิธภัณฑ์หรือความเป็นมาของประเทศ

ตั้งแต่ปี 2475 เพื่อประชาชนและเยาวชนจะได้เข้าไปหาความรู้ แต่เรื่องนี้ยังเป็นแค่แนวความคิด อย่าเพิ่งบอกว่าผมจะสร้างเลย ยังไม่แน่ ต้อง ลองปรึกษาหารือผู้ใหญ่ก่อน อาจมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ส่วนสถานที่ผมยังไม่ได้มอง แต่คงเป็นในกรุงเทพฯ แน่” นายกรัฐมนตรีกล่าว



ไม่เชื่อพี่เมียตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

 
ส่วนข่าวที่รัฐบาลบาฮามาสออกมาเปิดทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นได้นั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนก็เห็นข่าว แต่มันจะเป็นความจริงหรือไม่เราก็ไม่ทราบ เราฟังแล้วก็มาวิเคราะห์ เมื่อถามว่า ตามกฎหมายจะสามารถตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นได้หรือไม่ เพราะเรามีรัฐบาลอยู่แล้ว นายสมชายกล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ ในความรู้สึกตนก็คงไม่มีใครตั้ง
 
เมื่อถามว่า คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ถ้าเป็นความคิดของตน คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะมันไม่มีเหตุผล ขณะนี้เราก็มีรัฐบาลแล้ว เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เมื่อถามว่า การที่ต่างชาติมาพูดเรื่องการเมืองของไทยถือเป็นการแทรกแซงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งวิจารณ์เดี๋ยวจะเกิดผลกระทบ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน



บ่นเป็นรัฐบาลที่มีแต่ข้อกล่าวหา

 
ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช จำนวน 28 คน ข้อหาจงใจทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 และข้อหาจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เรียกว่าเป็นการชี้ มูล แต่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหากับรัฐบาล กลาย เป็นว่ารัฐบาลนี้มีแต่ข้อกล่าวหา ซึ่งรัฐบาลก็ต้องชี้แจงแต่จะไปด้วยตัวเองหรือส่งเอกสารไปนั้นต้องขอดูเอกสารของ ป.ป.ช.ก่อน
 
“เรื่องนี้คงไม่กระทบกับการทำงานของรัฐบาล ตราบใดที่ยังอยู่ในตำแหน่งก็จะลุยทำงานไปเรื่อย ๆ แต่จะไม่บุกอย่างอื่น จะทำงานจนหมดวาระ ผมได้คุยกับพรรคพวกว่าบางครั้งเกิดความรู้สึกในส่วนตัวเหมือนกันว่าพยายามที่จะทำงานให้ดี ให้มีประโยชน์กับประชาชน อดหลับอดนอน และยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นพิษภัยกับบ้านเมือง แต่ก็มีเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาก็แปลกดี” นายกรัฐมนตรีกล่าว



รัฐบาลตั้งทีมแก้ข้อกล่าวหา

 
นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด 28 รัฐมนตรีที่เห็นชอบกรณีเขาพระวิหารว่า จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด เพื่อนำเรื่องมาช่วยกันดูและสรุปความเห็นว่าจะต้องตอบประเด็น ใดบ้าง จากนั้นจะมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปชี้แจง ซึ่งนายกฯ เห็นชอบกับเรื่องนี้แล้ว และได้แจ้งให้เลขาธิการ ครม.ทราบแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐมนตรีบางส่วนแสดงความเห็นแย้งในที่ประชุม ครม.จะนำมาเป็นหลักฐานในการชี้แจงข้อกล่าวหาได้หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีการบันทึกการประชุมดังกล่าว เพราะท้ายที่สุดที่ประชุม ครม.ต้องถือมติรวมและไม่มีผู้ใดให้ความเห็นแย้ง เมื่อถามว่า แสดงว่าถ้าโดนก็โดนด้วยกันทั้งหมด ถ้าหลุดก็หลุดทั้งหมดใช่หรือไม่ เลขาธิการนายกฯ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ไม่ทราบ



“นพดล” พร้อมแจง ป.ป.ช.

 
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงเรื่อง      ดังกล่าวว่า เป็นเพียงขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา ต้องขอบคุณ ป.ป.ช.ที่ให้โอกาสได้ชี้แจง ตนมั่นใจว่าจะชี้แจงได้ โดยขอให้ ป.ป.ช.ใช้ความเป็นธรรมในการตัดสินข้อเท็จจริง เนื่องจากตนและ ครม.ทั้งคณะไม่มีเจตนาที่จะไม่ดำเนินการตามสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนด
 
“ผมและทางการกัมพูชาเห็นตรงว่า แถลงการณ์ร่วมไม่ได้เป็นสนธิสัญญาและไม่มีการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต รวมถึงตุลาการรัฐธรรมนูญ เสียงข้างน้อยก็เห็นว่าไม่เข้าข่ายการละเมิด ม.190 แต่อย่างใด สิ่งที่ผมกระทำไปถือเป็นการปกป้องดินแดนจำนวน 4.6 ตารางกิโลเมตร ไม่ได้ทำให้ชาติเสียหายตามที่ถูกกล่าวหา” นายนพดล กล่าว เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดจะส่งผลให้ ครม.ที่ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ต้องยุติการปฏิบัติงานหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ครม. ชุดปัจจุบันเป็น ครม.ในรัฐบาลของนายสมชาย เป็น ครม.คนละชุดกัน โดยสามารถยกกรณีหวยบนดินมาเทียบเคียงได้



“ป้าอุ” ข้องใจทำไม 6 คนรอด

 
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหารัฐมนตรี 28 คน ที่ร่วมเห็นชอบในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อสนับสนุนขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารว่า กรณีนี้ไม่เหมือนกับกรณีนายอภิรักษ์  โกษะโยธิน เพราะนายอภิรักษ์ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นแล้วจึงลาออก แต่ ครม.นาย สมัคร 28 คนเพียงแต่เห็นชอบสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นข้อเสนอจากกระทรวงการต่างประเทศ และ ครม.ได้อนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เสนอมาทุกอย่างคงไม่ต้องแสดงสปิริตลาออกอะไร
 
“ดิฉันสงสัยว่าเมื่อทำตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ แล้วทำไมข้าราชการ ระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองทัพไทย 6 คน เหตุใดถึงไม่โดนด้วย แล้ว อย่างนี้มันคืออะไร” นางอุไรวรรณตั้งข้อสงสัย



ป.ป.ช.ชี้ รมต.ยังทำงานได้

 
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล ป.ป.ช. กล่าวว่า หนังสือแจ้งข้อกล่าวหารัฐมนตรีทั้ง 28 คน อย่างช้าวันที่ 17 พ.ย.จะส่งหนังสือไปให้ทั้ง 28 คนได้ หลังจากที่ได้รับหนังสือแล้วต้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างช้าภายใน 15 วัน อาจมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือส่งเป็นหนังสือก็ได้ และผู้ถูกกล่าวหาสามารถเลื่อนการแก้ข้อกล่าวหาได้ 2 ครั้ง คิดว่ากว่าจะสรุปผลการไต่สวนได้ ขึ้นอยู่กับผู้ถูกกล่าวหาว่าจะมีการอ้างพยาน หรือเลื่อนการชี้แจงมากน้อยเพียงใด ระหว่างนี้ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นรัฐมนตรีอยู่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีบางคนที่ร่วมประชุม ครม.ในวันที่ 17 มิ.ย. ระบุว่า ได้คัดค้าน การลงนาม ถือว่ามีน้ำหนักพอที่จะทำให้หลุดข้อกล่าวหาได้หรือไม่ น.ส.สมลักษณ์กล่าวว่า ต้องขอฟังเหตุผลและดูพยานก่อน คณะทำงานจะพิจารณาว่ามีความน่าเชื่อถือและรับฟังขึ้นหรือไม่ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทุกคน หากเหตุผลที่ชี้แจงฟังขึ้นก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้



“เติ้ง”ทิ้งปริศนาให้รัฐบาลคิด

 
นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะปรับ ครม.หลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า หากปรับในตำแหน่งรองนายกฯ ที่ยังว่างอยู่ก็เป็นเรื่อง เหมาะสม ส่วนของพรรคชาติไทยยังไม่ต้องปรับตำแหน่งใด ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตนเห็นด้วย หากแก้ไขบางมาตราโดยเฉพาะมาตรา 190 ว่าด้วยฐานความผิดของคนสามารถยื่นต่อ ป.ป.ช. ได้ทั้งคณะ เป็นเรื่องที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ เพราะตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ยังไม่เคยเกิดปัญหากับผู้อยู่ระดับบนหรือผู้ทรงเกียรติ 


“ผมขอฝากถึงรัฐบาลและ ครม.ว่า อะไรที่ไม่ควรได้มาเป็นของตัวเองก็ไม่ควรยึดเอาไว้เป็นของตัวเอง” หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าว    ฝากถึง ครม.แบบเป็นปริศนา



“มาร์ค” ชี้ปรับ ครม.ไม่ช่วยอะไร

 
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ระบุว่าจะปรับ ครม.ว่า ตนไม่คิดว่าการปรับ ครม.จะแก้ปัญหาพื้นฐานในสังคมได้ ส่วนจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้นหรือไม่นั้นต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร
 
ต่อข้อถามว่า หลังงานพระราชพิธี นายกฯ ควรมีมาตรการมาดูแลเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้นอย่างไร ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลมีข่าวชัดเจนว่าจะมีคนนำอาวุธเข้ามา ต้องดำเนินการสกัดกั้นและดำเนินการกับคนที่คิดจะก่อ ความไม่สงบ ตนอยากเห็นรัฐบาลที่ใส่ใจปัญหา      ของประชาชน และพร้อมที่รับผิดชอบ รวมถึงเคารพกระบวนการตรวจสอบต่าง ๆ จึงจะทำให้บ้านเมืองเดินไปได้



แฉเหตุเกาเหลาเพราะถูกบีบ

 
ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่าง นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ กับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ว่า นายโอฬารต้องยอมรับเรื่องการเมืองบ้าง การเป็นสภาผู้แทนราษฎรจะไปใช้นโยบายนาน ๆ ไม่ได้ เรื่องนี้นายไชยาก็ถูก ส.ส.ในพรรคบีบมาอีกทีหนึ่ง เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน
 
นายสุชาติกล่าวต่อว่า ตนและ ส.ส. พรรคเคยหารือกันว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหากรณีที่รัฐมนตรีคนนอกของพรรคไม่สามารถประสานงานกับ ส.ส.ในพรรคได้ นายกฯต้องห้ามพิจารณาแต่งตั้งจากโควตา แต่ควรที่จะพิจารณาจากผู้ที่มีความเหมาะสม รวมถึงต้องเป็นคนที่มีความเชื่อมโยงกับ ส.ส.และประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะเสนอไปยังนายกฯให้พิจารณาต่อไป



“ไชยา”พลิกชั่วข้ามคืน

 
นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความขัดแย้งกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีว่า ขอปฏิเสธข่าวความขัดแย้ง ตนกับนายโอฬารทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งในช่วงเที่ยงวันที่ 14 พ.ย. นายโอฬารได้เชิญ   ตนไปทานข้าวและร่วมประชุมกันเพื่อพิจารณา แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้งบกลางจำนวน 100,000 ล้านบาท แต่ช่วงนี้ทุกคนติดงานพระราชพิธีฯ จึงไม่สามารถเข้าไปร่วมประชุมได้ ประกอบกับสุขภาพของตนไม่ค่อยดี แต่ได้เรียนให้นายโอฬารทราบแล้ว จึงไม่มีปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น
 
“พอเกิดข่าวก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาผม 700 กว่าสาย สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังทำงานร่วมกันได้ แต่ที่ไม่เข้าประชุมร่วมกับนายโอฬาร เพราะมีปัญหาเรื่องเส้นเอ็นที่ขา นั่งนานไม่ได้ จึงมอบให้ รมช.ทั้ง 2 คน เป็นตัวแทนร่วมประชุมแทน” นายไชยากล่าว



“ทักษิณ” ฝังตัวที่ฮ่องกง
 
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทาง ออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ได้เดินทางมาพักที่โรงแรมบนเกาะฮ่องกง โดยมีแกนนำพรรคพลังประชาชนเดินทางเข้าพบจำนวนมาก ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข นายเนวิน ชิดชอบ โดย พ.ต.ท.ทักษิณยังคงยืนยันอย่างแข็งกร้าวว่าจะสู้ต่อเพื่อกลับประเทศ
 
สำนักข่าวเอพีรายงานจากฮ่องกงในวันเดียวกันนี้ว่า นายจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดทางการเมืองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเคยดำรง ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ฮ่องกงจริง แต่กำลังจะเดินทางต่อและไม่ทราบเช่นกันว่าจะไปไหนและเมื่อไหร่ ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงเช่นกันว่า เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาฮ่องกงจริง

หาช่องพา “แม้ว” กลับไทย
 
นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรค พลังประชาชน กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณและภริยาว่า ทราบ มาว่าภายใน 1-2 วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางออกจากเกาะฮ่องกงไปประเทศในกลุ่มตะวันออก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่มีความสามารถสมองไม่ธรรมดา ถ้าทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองคงคิดได้ว่าคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะได้กลับมาทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่แน่อีกสักระยะ พ.ต.ท.ทักษิณอาจกลับไทยก็ได้ คงไม่ถึง 10 ปีตามอายุความของคดี
 
นายศักดายังกล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย เตรียมปรับ ครม.ว่า ตนไม่เกี่ยงว่าจะเป็นคน ในหรือคนนอก ขอให้เข้ามาแล้วทำงานได้ ถ้ามาแล้วใจเสาะบ้านเมืองจะเสียหาย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ควรจะชะลอการเสนอญัตติเข้าสู่สภาออกไปก่อน อาจเลื่อนไปเป็นสมัยประชุมต่อไป เพราะวันนี้มีปัญหาหลายอย่างให้คลี่คลาย



นัดประชุมหามวยแทน “อภิรักษ์”

 
อีกด้านหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ภายหลังนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประกาศลาออกว่า พรรคจะประชุมสรรหาผู้สมัครในวันที่ 24 พ.ย. และเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาในวันที่ 25 พ.ย. จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะส่งใคร
 
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวความขัดแย้งในการตัดสินใจให้นายอภิรักษ์ลาออกว่า ยอมรับว่ามีแนวคิดที่แตกต่างจากนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่านายอภิรักษ์ไม่จำเป็นต้องลาออก เนื่องจาก ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต จากนี้ต้องสรรหาตัวบุคคลที่เหมาะสมมาสานงานต่อจากนายอภิรักษ์ ตนยังเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ จะยังให้การสนับสนุน
 
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สมาชิกพรรคสามารถเสนอรายชื่อผู้เหมาะสมเข้ามาได้จนถึงวันที่ 21 พ.ย. โดยรายชื่อที่มีสมาชิกเสนอ เพิ่มเติม ได้แก่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค และนายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย



“หล่อเล็ก”ลาออกคะแนนตก

 
ด้านกรุงเทพโพลได้สำรวจความเห็นของประชาชนในเขต กทม. จำนวน 1,225 คน เรื่อง “ความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ต่อการ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน” พบว่า เห็นด้วย 69.2% ไม่เห็นด้วย 30.8% ส่วนคะแนนนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ หลังนายอภิรักษ์ประกาศลาออก เพิ่มขึ้น 16.7% ลดลง 31.0% ส่วนแนวโน้มของคนกรุงเทพฯในการเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯครั้งต่อไป 40.2% จะเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ 18.4% และยังไม่แน่ใจ 52.3%
 
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว. สาธารณสุข กล่าวถึงการลาออกของนายอภิรักษ์ว่า สังคมต้องตั้งสติ ไม่ใช่ชื่นชมแล้วบอกว่า ลาออกแล้วสปิริตสูงสุด ถ้าจะนำไปเปรียบกับกรณี ที่ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเซ็นลงนามยินยอมให้กัมพูชาเสนอปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไม่ได้ เพราะต้องถามว่าแล้ว ครม.ไปรับเงินใครหรือไม่ อย่างไรก็ตามคงไม่กล้าวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ เพราะเขาเป็นพรรคที่มีมาตรฐานสูงส่ง



“วสันต์” เศร้ายุติบทบาท

 
ส่วนการเมืองอื่นที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดแถลงข่าวว่า การทำงานในตำแหน่งทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อผลประโยชน์ขององค์กร ส่วนจะมีการแทรกแซงจากการเมืองหรือไม่นั้น ต้องไปถามความคิดเห็นจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท ดีกว่า
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายวสันต์ แถลงข่าว มีสีหน้าที่ค่อนข้างเศร้าหมอง และปฏิเสธที่จะตอบเรื่องการเมือง และเหตุผลสำคัญที่ต้องยุติบทบาท



สหภาพโวยเรียกร้อง 4 ข้อ

 
นางอรวรรณ ชูดี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ว่า ต้องการคำอธิบายที่ชัดเจนจากบอร์ดถึงเหตุผลการยุติบทบาทของนายวสันต์ เนื่องจากเหตุผลขาดความชัดเจน สถานะของ อสมท หลังจากนี้คงเป็นเป็ดง่อย เพราะต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนกว่าจะสรรหากรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ได้ ทำให้แผนธุรกิจในอนาคตอาจจะสะดุดได้ อสมท เป็นสถานีโทรทัศน์ ที่ให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เป็นกลางมากที่สุดในภาวะที่เกิดวิกฤติในประเทศ และคาดไม่ได้ว่าหลังการคัดเลือกกรรมการผู้อำนวยการคนใหม่แล้ว จะนำเสนอข่าวโดยความเป็นกลางหรือไม่
 
นางอรวรรณกล่าวต่อว่า สหภาพฯ ต้องการเรียกร้องดังนี้ 1.ให้คณะกรรมการปกป้อง อสมท จากการแทรกแซงของการเมือง และต้องการให้บอร์ดชี้แจงข้อเท็จจริงกับสหภาพฯ ในวันที่ 17 พ.ย. 2.ให้กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและรวดเร็ว 3.การดำเนินการที่เกิดขึ้นจากนี้ต้องไม่สร้างความ เสียหายหรือซ้ำเติมองค์กรในช่วงที่เกิดการเปลี่ยน ผ่าน และ 4.ระหว่างการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสูงสุด หากเกิดความเสียหายขึ้นกับองค์กร คณะ  กรรมการ อสมท ต้องรับผิดชอบ



เล็งใช้ ม.46 เล่นงานนักการเมือง

 
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เป็นเรื่องการเมืองที่ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลนายสมัคร เพราะไม่  พอใจในการทำงานของนายวสันต์ การเปลี่ยนรูปลักษณ์ของ อสมท จากบันเทิงมาเป็นรายการที่มีสาระอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของการถูกปลด
 
“ผมอยากเรียกร้องให้นายวสันต์จะต้อง ออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง เพราะ อสมท  ไม่ใช่ของ พนักงาน อสมท เพียงอย่างเดียว แต่เป็นของประชาชนด้วย” นายสมชายกล่าวและว่า ถ้ากรรมาธิการได้ข้อมูลเกี่ยวกับ ม.46 เกี่ยวกับการห้ามแทรกแซงสื่อฯ ว่ามีนักการเมืองแทรกแซง เราก็จะต้องดำเนินการ โดยยื่นต่อ ป.ป.ช.



ฟัน “สมบัติ” ซุกเงิน 111 ล้าน

 
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ได้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสุธา ชันแสง อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรค พลังประชาชน ในกรณีพ้นจากตำแหน่งโดยนายสุธามีทรัพย์สิน 24,265,590 บาท นางวีณา ชันแสง คู่สมรส มีทรัพย์สิน 19,355,341 บาท ขณะที่บุตร 3 คนได้แก่ น.ส.ญาณิศา อายุ 18 ปี ด.ช.ศุภกร อายุ 11 ขวบ ด.ญ.วิศรุตา ชัยตระกูลสวัสดิ์ อายุ 1 ขวบ 6 เดือน มีทรัพย์สิน 442,908 บาท รวมแล้วนายสุธาและครอบครัวมีทรัพย์สินรวม 44,063,840 บาท เมื่อเทียบกับสมัยยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ กรณีเข้ารับตำแหน่งนายสุธามีทรัพย์สิน 27,080,237 บาท นางวีณามีทรัพย์สิน 20,328,038 บาท บุตรมีทรัพย์สิน 431,786 บาท รวมทรัพย์สิน 47,840,062 บาท ดังนั้นนายสุธาและครอบครัวมีทรัพย์สินลดลง 3,786,222 บาท
 
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดนายสมบัติ อุทัยสาง อดีต รมช.มหาดไทย ข้อหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ โดยพบว่านายสมบัติปกปิดจำนวนทรัพย์สินฯ ที่แท้จริงของตน คู่สมรสต่อ ป.ป.ช.สมัยที่เป็นประธาน คณะกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย รมช.มหาดไทย และที่ปรึกษา รมว.เทคโนโลยีฯ ไม่ได้ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรสและบุตร มียอดเงินรวม 111,503,500 บาท จึงถือว่านายสมบัติปกปิดบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. ให้เสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี



ได้ 23 ชื่อคัดเป็น ส.ว.ลากตั้ง

 
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า กกต. ได้มีการพิจารณารายชื่อบุคคลที่ถูกเสนอ ชื่อจากองค์กรภาคอื่นให้เข้ารับการสรรหาเป็น ส.ว. 23 คน จาก 25 องค์กร มี 2 องค์กรเสนอรายชื่อซ้ำกัน 2 คน จากนี้ กกต.จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งไปให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว. พิจารณาสรรหาในวันที่ 17 พ.ย. คาดว่าคงไม่เกินต้นเดือน ธ.ค. น่าจะได้รายชื่อ ส.ว.สรรหา
 
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำให้รัฐต้องเสียค่าโง่กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท จากการบอกเลิกสัญญาโครงการโฮปเวลล์ ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องนี้มีการพิจารณามาหลายรัฐบาล สมัยที่ตนเป็น รมว.คมนาคม ได้เป็นผู้ลงนามบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ โดยทำตามสิ่งที่ได้มีการพิจารณาไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าจะมาโยนความผิดให้ตนก็ไม่มีปัญหาเพราะพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ตนคิดว่าเรื่องนี้ยังมีทางต่อสู้



3 ชื่อแคนดิเดต หน.“เพื่อไทย”

 
นายศักดา นพสิทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจะตั้งคนนามสกุลชินวัตรเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า เป็นแค่โครงการที่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคมันต้องมีเหตุ แต่ยอมรับว่ามีการโยนชื่อนายพายัพ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องชาย และน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณขึ้นมาพูดคุยกันจริง แต่ก็ไม่ได้มีแค่คนนามสกุลชินวัตรเท่านั้น ยังมีคนอื่นด้วย อีก 3-4 คน เป็นนักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ 1 คน อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 1 คน และอดีตปลัดกระทรวงอีก 1 คน อาจมีเซอร์ไพร้ส์ก็ได้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับบุคคลทั้ง 3 ที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชาชนหยิบยกขึ้นมาพิจารณาคุณสมบัติวางตัวให้เป็นนายกฯ สำรองเผื่อกรณียุบพรรคนั้นได้แก่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. และนายสุจริต ปัจฉิมนันท์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
 
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พร้อมจะลุกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และหากมีการปรับ ครม. และมีคนที่เหมาะสมตนก็ยอมลุกเช่นกัน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์