ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กล่าวฝากแสดงความเสียใจต่อนายอภิรักษ์
และบอกด้วยว่า เคยเตือนนายอภิรักษ์แล้วว่าไม่เหมาะสมที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่ออีกสมัย เพราะยังติดปัญหาคดีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณในการเลือกตั้งหากถูกชี้มูลความผิด นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย โดยต้องขอโทษประชาชน เพราะเป็นผู้ที่มาค้ำประกันว่านายอภิรักษ์เป็นผู้บริสุทธิ์ ขณะเดียวกันเงินที่ใช้เงินในการจัดการเลือกตั้งจำนวน 150 ล้านบาท หากนายอภิรักษ์ประกาศลาออกจริงพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
นายชูวิทย์กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองของตนเองว่า เบื้องต้นต้องมีความชัดเจนว่านายอภิรักษ์จะดำเนินการอย่างไร
แต่ที่คิดไว้ หากจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะร่วมมือกับนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ทั้งนี้ต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ อย่างไรก็ตาม มีข้อแม้ว่านายประภัสร์จะต้องลงสมัครในนามอิสระ เพราะตนจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคพลังประชาชนแน่นอน เพราะหากแยกกันลงก็คงแพ้อีกเช่นเดิม
ขณะที่นายประภัสร์ให้สัมภาษณ์ว่า คงต้องรอให้พรรคพลังประชาชนประสานมาก่อนจึงจะตัดสินใจว่าจะลงสมัครหรือไม่ แต่ยังยืนยันว่าหากจะให้ลงก็ต้องให้อิสระ เพราะตนไม่ได้สังกัดพรรคพลังประชาชน
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ประธาน ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะทำงานภาค กทม.กล่าวว่า ในเย็นวันที่ 13 พฤศจิกายน จะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้