จับ 2 การ์ด พธม.พกอาวุธโหรชี้ต้นปี 52 นองเลือด


จับ 2 การ์ด พธม.พกอาวุธโหรชี้ต้นปี 52 นองเลือด

"ทักษิณ"ประกาศแฉรายชื่อผู้อยู่เบื้องหลังไล่ตัวเอง ในการโฟนอินคราวหนัก ทางด้าน"พันลภ"เผยบินไปคุย"ทักษิณ"ที่เมืองจีน ยืนยันภักดีสถาบันกษัตริย์ไม่เปลี่ยนแปลง ชี้ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ย้ำการแก้ปัญหาความแตกแยกในชาติ พันธมิตรฯต้องยุติบทบาท นปช.ก็จะสลายตัวไปเอง ด้านตำรวจจับการ์ดพันธมิตรฯได้อีก 2 ราย พกปืนกระสุนเพียบ มีด บัตรพันธมิตรฯ และสายคาดหัวกู้ชาติ “จำลอง” ปัดการ์ดที่ถูกจับพกอาวุธ ถูกไล่ออกไปแล้ว เพราะเป็นพวกชอบความรุนแรง ปฏิเสธ “สนธิ” เดินทางไปจีนไม่ได้ไปพบ “ทักษิณ” และการ ใช้ไสยศาสตร์ไม่ใช่วิธีการต่อสู้ของพันธมิตรฯ “ยะใส” บอกหากการ์ดพันธมิตรฯ พกอาวุธออกนอกที่ชุมนุมให้ตำรวจจับทันที และจะไม่ไปประกันตัว ส่วนโหรดัง ทำนายต้น ปีหน้า มีเหตุการณ์ย้อนรอย 14 ตุลา อาจถึงขั้นนองเลือด ทหารจะออกมาแก้ปัญหาขัดตาทัพ ขณะที่ดวง “ทักษิณ” ยังตกต่อไปอีก 2 ปี ส่วนพันธมิตรฯ ขาลง ยิ่งใช้มนต์ดำ ยิ่งทำให้เสื่อมเร็วขึ้น ปัญหาชาติจะดีขึ้นหลังปี 53

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ขณะที่ ร.ต.ต.เด่น บุญอยู่ รอง สวป.สน.นางเลิ้ง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ตั้งด่านตรวจอยู่บริเวณหน้าบ้านพิษณุโลก ถนนพิษณุ โลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต พบรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ทะเบียน มง 7614 กรุงเทพมหานคร มีนายเกียรติศักดิ์ รักภู่ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 8 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร เป็นผู้ขับขี่มาจากแยกยมราช เมื่อพบเจ้าหน้าที่ นายเกียรติศักดิ์ มีท่าทีพิรุธเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดพับ 1 เล่ม กระบองแป๊บเหล็ก 1 อัน บัตรอาสา สมัครการ์ดพันธมิตร 9 ใบ บริเวณข้างประตูด้านคนขับ จึงได้ควบคุมตัว นายเกียรติศักดิ์มาสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายเกียรติศักดิ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าอาวุธที่พบนั้นเป็นของผู้โดยสารนำมาฝากเอาไว้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต และพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

จับปืนการ์ด พธม.กระสุนอื้อ

ส่วนอีกรายเมื่อเวลา 02.05 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับสารวัตรทหาร ตั้งด่านตรวจ อยู่บริเวณปากซอยลิขิต ถนนศรีอยุธยา ตรงข้ามสหกรณ์พัฒนา ด้านวัดเบญจมบพิตรฯ พบรถกระบะอีซูซุดีแมคซ์ไฮแลนเดอร์ 4 ประตู สีน้ำเงิน ทะเบียน ช-4917 กรุงเทพมหานคร มี นายกวียุทธ บุญทองแก้ว อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กท. เป็นคนขับพร้อมเพื่อนโดยสารมาในรถ 7 คน จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน .38 พร้อมเครื่องกระสุน 13 นัด บรรจุกระสุนพร้อมใช้งาน อาวุธมีด 2 เล่ม สายคาดเอว 1 เส้น และผ้าคาดศีรษะมีข้อความ “กู้ชาติ” 1 เส้น โดยตรวจพบบริเวณเบาะหลังคนขับ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า อาวุธ ปืนดังกล่าวเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่ของนายกวียุทธ เบื้องต้น ร.ต.ท.ขรรค์ชัย เดิมยิริง พงส.(สบ 1) สน.ดุสิต แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต พกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
เร่งขยายผลการ์ดขนระเบิด

ส่วนที่ สน.สามเสน พ.ต.อ.ศารทูล ประดิษฐ์ ผกก.กล่าวถึงการจับกุม 2 ผู้ต้องหาพร้อมระเบิด ว่า ผู้ต้องหาทั้งคู่ยังให้การเหมือนเดิม ว่ากระเป๋าเป้เป็นของนายวัฒนาที่รับจ้างจาก นายนก ให้ไปนำมาจากแถวราชวัตรแล้วนำไปวางไว้ที่หน้าเวทีมวยราชดำเนิน ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปหาข่าวว่า นายนกที่ผู้ต้องหากล่าว อ้างนั้นมีตัวตนหรือไม่ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดเจน ขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการสร้างพยานหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง สำหรับผู้ต้องหาทั้งคู่นั้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดเพิ่ม เนื่องจากผลการตรวจปัสสาวะพบว่ามีสีม่วง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว ทางพนักงานสอบสวนถึงจะนำตัวส่งศาลฝากขัง ทั้งนี้ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนร้องคัดค้านการประกันทั้งคู่ไว้ด้วย

“จำลอง” อ้างไล่ออกไปแล้ว

เวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบฯ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย สองแกนนำพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต. จำลอง กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์นอกพื้นที่ของพันธมิตรฯ ส่วนกรณีที่ตำรวจจับกุมตัวการ์ดพันธมิตรฯ 2 คน แล้วตำรวจได้ตรวจสอบว่าพกระเบิด พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การ์ดพันธมิตรฯ คนดังกล่าวได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับพันธมิตรฯ แล้วชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งทางพันธมิตรฯ เห็นว่าไม่เหมาะ จึงให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้ว การ์ดคนดังกล่าวก็ได้กลับมาใหม่ พร้อมกับพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ แล้วตำรวจก็ได้จับตัวไป แล้วก็มีบุคคลบางคน อ้างตัวว่าเป็นการ์ดพันธมิตรฯ รวมทั้งการมีบัตรพันธมิตรฯ ติดตัว เป็นพวกเคยมีบัตรแล้วไม่คืน

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อมีบุคคลมาอ้างตนเป็นการ์ดพันธมิตรฯ ก็ได้ตรวจสอบแล้วบอกว่าไม่ใช่ สำหรับเรื่องที่มีบัตรพันธมิตรฯ ติดตัว บุคคลที่เคยเป็นการ์ดก็สามารถมีได้ ซึ่งในระยะแรกทางพันธมิตรฯ อาจไม่ค่อยจะรัดกุม กับเรื่องนี้ จึงทำให้บุคคลที่เคยมีบัตรแต่ไม่ ยอมคืนบัตร แล้วนำบัตรพันธมิตรฯ ไปอ้างได้ รวมทั้งบัตรพันธมิตรฯ ก็สามารถทำปลอมแปลงได้ง่าย ดังนั้น ถ้าจะตรวจสอบ ก็ควรมาตรวจสอบที่พันธมิตรฯ และถ้าเป็นคนของพันธมิตรฯ พันธมิตรฯ ก็จะรับผิดชอบ สามารถเอาผิดกับพันธมิตรฯ ได้

นายพิภพ กล่าวเสริมว่า พันธมิตรฯ ทำไปตามขั้นตอนเป็นไปอย่างเคร่งครัด แล้วบางทีที่เกิดเหตุอาจจะเป็นบางกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามาทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วก็จะอ้างว่าเป็นการ์ดพันธมิตรฯ เสมอ แล้วในกรณีดังกล่าว พันธมิตรฯ ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่การ์ดของพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯ มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้ว

ปัดข่าว “สนธิ” ไปจีนคุยทักษิณ

ส่วนกิจกรรมในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางพันธมิตรฯ มีการจัดกิจกรรมอะไรบ้าง พล.ต. จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯ ก็จะทำกิจกรรมกันภายในพื้นที่ชุมนุม ซึ่งต้องรอการประชุมกันก่อน โดยเฉพาะวันที่ 14-16 พ.ย. พันธมิตรฯ ได้ชักชวนกันใส่ชุดสีดำ สีขาว และสีที่เรียบร้อย เพื่อร่วมกันไว้ทุกข์ในวันดังกล่าว ส่วนกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ขึ้นเวทีปราศรัยว่าจะเดินทางไปยังประเทศจีนนั้น นายพิภพ กล่าวว่า คุณสนธิบอกว่า จะเดินทางไปประเทศจีนเพื่อเล่าข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้คนที่รู้จักฟัง ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเดินทางไปวันไหน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า การเดินทางไปครั้งนี้ของนายสนธิ อาจจะเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเจรจาข้อตกลงบางอย่าง นายพิภพ กล่าวว่า การเดินทางไปเพื่อพบ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเจรจากัน ตนเชื่อว่าคงเป็นไปไม่ได้

ยัน พธม.ไม่เล่นไสยศาสตร์

ส่วนเรื่องไสยศาสตร์ที่นายสนธิ ได้กล่าวบนเวที พล.ต.จำลอง เห็นว่าเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟัง ให้ความรู้ ซึ่งหลายเรื่องที่นำมากล่าวบนเวทีก็ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ เมื่อถามว่าการที่พันธมิตรฯ นำเรื่องไสยศาสตร์มากล่าวบนเวทีประจำ จะทำให้แรงสนับสนุนลดน้อยลงหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า บนเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ ได้มีการพูดหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องการเมือง เรื่อง ทางวิชาการ ส่วนเรื่องไสยศาสตร์ ตนคิดว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมมากกว่า และยืนยันว่าการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไม่ได้นำเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวโยงกับการต่อสู้

ผบช.สตม.ชี้ “สนธิ” ไปจีนได้

ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท. ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. กล่าวถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะเดินทางไปจีนว่า ตามกฎหมายแล้วบุคคลที่อยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่อสู้คดี โดยที่ศาลไม่ได้ตั้งเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หรือมีชื่ออยู่ในบัญชีเฝ้าระวังนั้น สามารถที่จะเดินทางออกนอกประเทศได้ทุกเวลา ตม. ไม่มีสิทธิที่จะไประงับหรือยับยั้งเอาไว้ ส่วนจะไปได้กี่วันก็ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางจะพิจารณาให้ แต่หากเป็นกรณีที่ถูกออกหมายจับไม่ว่าจะด้วยข้อหาอะไรก็ตามทาง ตม. คงจะไม่ยินยอมให้ออกนอกประเทศไปได้อย่างแน่นอน ยกเว้นแต่จะหลบหนีไปด้วยช่องทางไม่ปกติ

ชี้ไทยเข้าสู่สภาวะสงคราม

เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกันที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ สถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “บทบาทรัฐสภากับการปฏิรูปการเมืองไทย” โดยนายมิเชล โอ ไบรอัน ผู้แทนโครงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านรัฐสภา สถาบันแห่งธนาคารโลก บรรยายพิเศษตอนหนึ่งว่า ปัญหาจุดหนึ่งของเมืองไทยคือ สังคมไทยไม่มีการเรียนรู้การสร้างความขัดแย้งให้เป็นประโยชน์ ปัจจุบันความขัดแย้งพัฒนาไปถึงขั้นวิกฤติ ถึงขั้นใช้กำลังเข้าปะทะกัน เป็นภาวะสงคราม อย่างไรก็ดี ระบบรัฐสภาและบุคลากรในรัฐสภา ก็สามารถสร้างสันติภาพและป้องกันความขัดแย้งภายในประเทศได้ รวมถึงการสานเสวนาก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เมื่อสถานการณ์กำลังจะข้ามเส้นแดง ต้องหาทางให้ยุติความรุนแรง เท่าที่เห็นคือสังคมได้ช่วยกัน รณรงค์เรียกร้องไม่ให้ทุกฝ่ายใช้ความรุนแรง ถือเป็นเรื่องที่ดี ถัดมาคือกฎหมายถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้หลักทางประชาธิปไตยอ้างอิง

นอกจากนี้ การเข้ามาดูแลผู้ที่ได้รับความเสียหายก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยรัฐต้องเข้ามาดูแลเยียวยาไม่ว่าเป็นฝ่ายใด แต่ถ้าไม่ดำเนินการ จะทำให้เกิดความขัดแย้งใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิม นอกจากนี้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกภาคส่วนมีความสำคัญในการเข้ามาช่วยบรรเทาสถานการณ์ ส่วนรัฐสภาที่เป็นตัวแทนประชาชนต้องมาช่วยตรวจสอบกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม นอกจากนี้สังคมจะต้องศึกษาวัฏจักรความขัดแย้งของประเทศ ความตึงเครียดของสังคม เพื่อระวังไม่ให้เกิดความขัดแย้งเชิงโครงสร้างสังคมที่รุนแรง รวมถึงการใช้ระบบธรรมาภิบาลก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสันติ ส่วนทหารมีหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ล้มล้างรัฐธรรมนูญ

“สมพงษ์” หวั่นเสียความสัมพันธ์

ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน ระบุว่ากระทรวงการต่างประเทศจะทำหนังสือสอบถามเหตุผลการถอนวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ต่อสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ว่า ตนรู้สึกไม่สบาย ใจต่อข่าวนี้ ซึ่งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ยืนยันว่าการถอนวีซ่าดังกล่าวเป็นสิทธิเด็ดขาดของทางการอังกฤษ โดย กระทรวงการต่างประเทศจะไม่สอบถามเหตุผลกับเอกอัครราชทูตอังกฤษฯ และทางกระทรวงฯพร้อมให้ความร่วมมือกับสำนักงานอัยการสูงสุดในการประสานขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี เพราะสามารถตรวจสอบได้ผ่านสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ทั้งนี้ การไม่ทราบที่อยู่ของอดีตนายกฯ จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการติดตามตัว แต่ล่าสุดยังไม่ได้รับการประสานจากสำนักงานอัยการสูงสุดให้ดำเนินการในเรื่องนี้

พาสปอร์ตแดงไม่ได้พิเศษกว่า

สำหรับรายงานข่าวที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในประเทศจีนและเตรียมขอลี้ภัยในประเทศฟิลิปปินส์นั้น รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยและจีนมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เหมือนกับที่ไทยมีสนธิสัญญาลักษณะนี้กับหลายประเทศ ส่วนการถอนหนังสือเดินทางการทูตของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนพร้อมดำเนินการโดยพิจารณาอย่างเป็นธรรม แต่ส่วนตัวเห็นว่าการถือหนังสือเดินทางการทูตไม่ได้มีความพิเศษกว่าหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา

“เรื่องนี้ต้องมาสอบถามที่ผม อย่าไปถามข้าราชการประจำ เพราะจะติดมาตรา 157 เนื่องจากถือว่าไม่ปฏิบัติ ให้มาลงที่นายสมพงษ์ ถ้าทำอะไรไม่ดี ก็ถอดถอนผมได้ และแน่นอนว่าผมจะพิจารณาด้วยตัวเองโดยจะสอบถามเรื่อง ต่าง ๆ ให้ถ่องแท้ พาสปอร์ตแดงก็เป็นศักดิ์ศรี และไปไหนมาไหนถูกตรวจน้อยหน่อย แต่ปัจจุบัน แทบไม่มีความหมายแล้ว เราต้องแยกแยะว่า การจะยึดพาสปอร์ตแดงจะอยู่ในรูปของคณะกรรมการ” นายสมพงษ์ กล่าว

ชี้จับ “ทักษิณ” หน้าที่ สตช.

นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานอัยการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กล่าวว่า ต้องรอความชัดเจนทั้งการยื่นอุทธรณ์คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และแหล่งพำนักในต่างประเทศ ซึ่งหากปรากฏข้อเท็จจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ายไปพำนักประเทศอื่นที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน อัยการต้อง เตรียมการพิจารณาข้อกฎหมายเพิ่มเติมของประเทศนั้นเพื่อยื่นคำร้องโดยใช้หลักการต่างตอบแทน

ด้านนายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า ตามขั้นตอน การขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะดำเนินการได้ต่อเมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่าบุคคลนั้นมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศใด แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหน บาง กระแสข่าวว่าไปที่ประเทศฟิลิปปินส์ บางกระแสก็บอกว่าอยู่ในประเทศจีน จึงเป็นหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับของศาล ที่จะสืบหาข้อมูลที่ชัดเจน

แจ้ง ปปป.เล่นงาน “อภิรักษ์”

ที่ บก.ปปป. นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นิทัศน์ ศรีกฤษณรักษ์ พงส. (สบ 3) บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ กับกลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ที่ชุมนุมปิดถนน เช่น ถนนราชดำเนิน ถนนพิษณุโลก สะพานมัฆวานรังสรรค์ เป็นต้น ซึ่งนับเป็นการละเมิดข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2523 ข้อ 4 และ 15

นายพิชา กล่าวว่า ข้อบัญญัติในการจัดระเบียบกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อมีเหตุการณ์เกิดกลุ่มพันธมิตรฯ ปิดกั้นถนนราชดำเนิน และสะพานมัฆวานฯ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ กทม. กลับไม่ดำเนินการใด ๆ ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้กำลังจะมีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และพระประมุขของประเทศต้องใช้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ดังนั้นการให้พระองค์ท่านใช้เส้นทางอื่นนั้น ถือว่าเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง เพราะชื่อถนนก็บอกอยู่แล้วว่าชื่อถนนราชดำเนิน นอกจากนี้เส้นทางดังกล่าวยังเป็นเส้นทางสาธารณประโยชน์ที่ประชาชน ได้ใช้ร่วมกัน ดังนั้นนายอภิรักษ์ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบจากข้อบัญญัติดังกล่าวได้ ทีพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ รถเข็นทาง กทม. ก็ไปสั่งให้จับปรับหมด แต่พอกรณีที่ผู้ชุมนุมปิดถนนราชดำเนิน สะพานมัฆวานฯ ก็เห็นอยู่ว่ามีใครเดือดร้อนบ้าง กลับนิ่งดูดายไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนาย พิชาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะประมวลเรื่องส่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน

ทหารดึงมวลชนป้องสถาบัน

ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขานุการ กอ.รมน. เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติด้านมวลชน โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องร่วมมือร่วมใจทำให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัย ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใด ทุกคนต้องร่วมกันทำงาน ปัญหาภัยคุกคามขณะนี้มีมาก ทั้งปัญหายาเสพติด และก่อการร้าย ไม่ใช่จะให้ทหารหรือตำรวจทำงานอย่างเดียว ประชาชนต้องช่วยกัน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานมาก แต่บางคนมองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำงานอะไร เรื่องปัญหาความมั่นคงจะแก้ได้ ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่เคารพกฎหมายจะแก้ปัญหาอย่างไรก็แก้ไม่ได้ ถามว่าหากเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงใช้มาตรการเด็ดขาด เราก็สามารถทำได้ แต่วัฒนธรรมไทยรับได้หรือไม่ เรารับกันไม่ได้ หากใช้ความรุนแรง หากมีการบาดเจ็บ ประชาชนก็รับไม่ได้ บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้ โดยนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงทำมากว่า 80 ปีมาใช้ เราไม่คิดว่าจะมีวันนี้ คือ วันที่เราจะต้องมาปวดหัวอย่างนี้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่ทั้งทหาร และตำรวจ แต่บางทีเราพูดไม่ได้ แต่มีคนมาว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ความจริงเราดำเนินการมาตลอด

โหรดังชี้ปีหน้าย้อนรอย 14 ตุลา

ที่ กอ.รมน. นายเก่งกาจ จงใจพระ โหรชื่อดัง กล่าวถึงดวงเมืองไทยว่า ในปีหน้า 2552 เป็นปีที่เปลี่ยนแปลงแรง เพราะว่าดาวพฤหัส ที่เป็นดาวประจำประเทศไทยจะย้ายเข้าราศีมังกร ไปร่วมกับดาวราหู ดาวพฤหัสจึงเสื่อมไปไม่มีกำลัง เพราะดาวราหู ถือเป็นดาวทำลาย ทำให้ทุกคนเห็นสิ่งผิดเป็นถูก เห็นกงจักรเป็นดอกบัว และจะมีภัยธรรมชาติรุนแรงมากมีแผ่นดินไหวหลายจุดทั่วโลก ทั้งนี้ด้านการเมืองต้องรอผล การตัดสินคดียุบพรรคจึงจะเห็นภาพ ส่วนกองทัพยังแข็งแรงเป็นตัวหลักแต่ดวงในปีนี้ไม่ควรจะปฏิวัติ แต่ปีหน้าไม่แน่ เพราะจะมีเหตุการณ์เหมือน 14 ต.ค. ในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. จึงต้องระวัง เพราะจะรุนแรงมาก อาจถึงขั้นนองเลือด และห่วงว่ามีการนำระเบิดมาโยนใส่กัน ขณะนี้ทหารไม่ควรออกมา เพราะดวงยังเป็นมฤตยู รอให้เขาล่อกันให้เละ แล้วค่อยมาเคลียร์และเก็บศพ เหตุการณ์จึงจะสงบ ทั้งนี้หากมีการปฏิวัติจะมีความวุ่นวายตามมาแน่นอน

“ทักษิณ” ดวงไม่ดีจนอายุ 60 ปี

นายเก่งกาจ กล่าวว่า ส่วนดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับ มาประเทศไทยยาก เพราะดวงในปลายปีหน้า ดาวเสาร์จะไปทับลักษณ์ และจะไม่ดีไปจนถึง 60 ปี โดยเฉพาะอายุ 60 ปี รวมถึงดวงของคุณหญิงพจมาน ภริยา หากจะแก้ต้องแก้หลายอย่างแต่ท่านคงไม่เชื่อ ส่วนรัฐบาลชุดนี้คงร่อแร่ไปเรื่อย และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี คงอยู่ไม่ถึงสิ้นปี ส่วนดวงผู้นำคนต่อไปคงต้อง รอว่าจะเสนอใครแล้วนำดวงมาผูกกับดวงเมืองว่าจะไปกันได้หรือไม่ ส่วนดวงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พอได้ แต่ถือว่าเร็วเกินไป ส่วนบุคคลที่เหมาะสมจะมาเป็นผู้นำตอนนี้ ควรจะเป็นทหารที่เข้ามาเป็นผู้ดูแลปัญหาต่าง ๆ จึงจะเรียบร้อย เพราะต้องมาหยุดปัญหาตอนนี้และมาปรับกันใหม่จะเอาอย่างไร คิดว่าช่วงนี้ดวง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. น่าจะเหมาะสมที่จะมารักษาการ คล้ายสมัยของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ แต่ตอนนี้คงยังมาไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ยังไม่สุกงอมต้องรอให้ถึงที่สุดก่อน

พธม.ยิ่งใช้มนต์ดำยิ่งเสื่อม

นายเก่งกาจ กล่าวถึงดวงของรัฐบาลว่า ตราบใดที่รัฐบาลยังอยู่ดอนเมืองรัฐบาลจะยิ่งใหญ่ไม่ได้ เพราะดอนเมืองเป็นดาวมฤตยูเป็นเขตทหารอากาศธาตุลม ผู้นำเมื่อไปอยู่ที่นั่นต้องหมดกำลัง เหมือนงูเหลือมเจอเชือกกล้วย รัฐบาล ต้องอยู่ที่ทำเนียบ ส่วนดวงของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะการเริ่มใช้ไสยศาสตร์ ว่า ปัญหาบ้านเมืองจะมาใช้ไสยเวทย์แก้ปัญหาไม่ได้ โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้านมืด ยิ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมมากกว่าตอนนี้ นายสนธิเริ่มเพี้ยนใกล้จะกลายเป็นผีบุญทุกวัน กำลังจะกลายเป็นศาสดา การใช้ผ้าอนามัยมาวางไว้ที่พระบรมรูป ร.5 ยิ่ง ทำให้เสื่อม ส่วนที่พันธมิตรหันมาเล่นไสยศาสตร์เพราะต้องการสร้างกระแส บิดเบือน เนื่องจากคนไทยเชื่อไสยศาสตร์จึงนำเรื่องนี้มาจับ และยิ่งไม่เปิดเส้นทางเสด็จฯ ยิ่งทำให้เสื่อม

“พันธมิตรฯ เป็นดวงของดาวพฤหัสซึ่งเป็นสีเหลือง จะเริ่มเสื่อมลงหลังเดือน ธ.ค. เพราะจะเริ่มเข้าใกล้ดาวมังกรที่จะแรงขึ้นในปีหน้า ซึ่งสีของดาวมังกรคือสีแดง ดังนั้นปีหน้าสีแดงจะมีกำลังแรงเสริมเพิ่มมากขึ้น โดยดาวพฤหัสกับดาวมังกรจะโคจรมาเจอกันช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. ซึ่งจะทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ทางแก้ประชาชนควรอยู่เฉย ๆ หรือเดินสายกลาง สรุปคือปีหน้าเป็นปีถอนรากถอนโคน หลังปี 2553 จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ยาวนาน 20 ปี เรียกว่า ปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้เผาจริง ปีหน้าเก็บกระดูกนำไปลอยอังคาร” นายเก่งกาจ กล่าว

“พัลลภ”เผยคุยเปิดอก“ทักษิณ”

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ. รมน. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนไปประเทศจีนกับเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ประมาณ 3-4 คน บังเอิญรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศจีน ก็ติดต่อขอเข้าพบ เพราะอยากเจอเพื่อถาม 2 เรื่องที่มีคนกล่าวหาว่า ท่านไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์ รวม ถึงเรื่องที่ท่านถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในประเทศทุกวันนี้ และจะทำอย่างไรให้ประเทศได้อยู่อย่างสันติสุข

“พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่ามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และผมก็เชื่ออย่างนั้น เพราะพวกเราที่จบมาจากโรงเรียนทหาร ตำรวจ ถูกหล่อหลอมมาให้ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ และท่านก็ถามผมกลับมาว่าเชื่อหรือไม่ ซึ่งจากการที่ผมสังเกตด้วยจากคำพูด สีหน้า และลักษณะท่าทาง ผมมีความเชื่อ และมีอย่างหนึ่งท่านบอกว่า กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังย้ำอีกว่า ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะจบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เคยสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน” พล.อ.พัลลภ กล่าว

ขอใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

เมื่อถามว่า ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ที่ถูกกล่าวหาในเรื่องความไม่จงรักภักดี พล.อ. พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เฮิร์ทและวอรี่กับเรื่องนี้มากที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพต่อสถาบัน และต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ยืนยันว่าไม่เคยคิดสักนิดเดียว ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ย้ำว่าเรื่องกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด สำหรับปัญหาเรื่องความแตกแยกของคนในชาตินั้น ตนและท่านมีความเห็นตรงกัน คือไม่อยากเห็นคนไทยต้องหาฆ่ากัน และเกิดความแตกแยก ตนถามไปว่าจะยุติปัญหาได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ามีทางเดียว ถ้ากลุ่มพันธมิตรฯยุติบทบาทจะทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร. ก็จะยุติบทบาทลง ทุกอย่างก็จะยุติลง

ขอสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

“ส่วนเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาก็ขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เป็นปกติ ต้องรอให้เป็นปกติก่อน จะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท. ทักษิณ นั้น ท่านก็บอกว่าไม่มีปัญหา เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่ยังรองรับเขาอยู่ ตอนนี้ต้องขอเวลานิดหนึ่งแล้วจะกลับมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมด ตอนนี้พูดง่าย ๆ คือมีการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายอย่างกลุ่มพันธมิตรฯ ใช้กฎหมู่ ไม่ทำตามกฎหมาย ฉะนั้นในการเดินทางกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังลำบาก แต่ท่านติดตามการเมืองไทยอยู่ตลอด และห่วงเรื่องสถาบันมาก” พล.อ.พัลลภ กล่าว

ระบุ พธม.เลอะจนรับไม่ได้

เมื่อถามว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะยุติบท บาทลงอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ต้องยุติด้วยข้อกฎหมาย แต่วันนี้กลุ่มพันธมิตรฯ พยายาม อ้างสถาบันมาโดยตลอด ซึ่งทหารเคยมีคำขวัญที่ว่าอย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าทำหินแตก อย่าแยกแผ่นดิน ซึ่งวันนี้เลอะเทอะกันไปใหญ่ เราจะไปทำอะไรเขาไม่ได้ รวมถึงการปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ไหนว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องนี้ประชาชนโดยทั่วไปรับไม่ได้ กลุ่มพันธ มิตรฯ วันนี้เริ่มเลอะเทอะ เอาไสยศาสตร์คาถาอาคมเข้ามาเล่น โดยเฉพาะการเอาผ้าอนามัยมาถูที่ทางพระบรมรูปทรงม้า เรื่องนี้ตนรับไม่ได้ เพราะ ประชาชนทั้งประเทศสักการะพระบรมรูป ร.5 โดยเฉพาะผู้ที่จบ จปร. ถือว่าเป็นพระบิดา

ชี้ทหารอยู่ในสภาวะลำบาก

พล.อ.พัลลภ กล่าวถึงบทบาทของทหารในขณะนี้ว่า อยู่ในสภาวะลำบาก เพราะการปฏิวัติที่ผ่านมา และประสบความล้มเหลว ทำให้ทหารเราจะต้องระวังตัวมาก ทหารจะออกมาทำอะไรก็ยากมาก ทหารเองก็อยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข แต่อยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้ แต่หากมีการปะทะกันของประชาชน ทหารจะต้องออก มาระงับเหตุการณ์แน่ เมื่อถามว่า มองบทบาทผู้นำทหารอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ผบ.เหล่า ทัพ ทุกคนเป็นคนดีใช้ได้ แต่ถูกเรียกร้องจาก กลุ่มพันธมิตรฯ ให้ทหารทำการปฏิวัติ น่าเห็นใจ ผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกกดดัน เพราะทางที่ดีที่สุดทาง ผบ.เหล่าทัพ จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมที่จะเข้ามาระงับเหตุการณ์ หากเกิดการจลาจล หรือนองเลือดระหว่างประชาชนกับ ประชาชน หากทหารจะปฏิวัติ แทนที่สงครามจะเล็กก็จะกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศ ชาติเสียหายบอบช้ำไปมากกว่านี้

ตากาล็อกเผย “ทักษิณ” ไม่ลี้ภัย

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงมะนิลาประเทศฟิลิปปินส์ในวันเดียวกันนี้ว่า นายจีซัส ดูเรซา โฆษกของประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์เอเอ็นซีของฟิลิปปินส์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย จะถูกปฏิเสธหากยื่นคำร้องขอลี้ภัยในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ก็ยังไม่ได้รับหนัง สือคำร้องขอลี้ภัย หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยกำลังแสวงหาที่ลี้ภัยเพราะถูกทางการอังกฤษยกเลิกวีซ่า

เอเอฟพีรายงานต่อไปว่า ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ตามที่มีหนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเดินทางไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงเวลาเดียวกับที่นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีของไทยและมีศักดิ์เป็นน้องเขย กำลังเดินทางไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการนั้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะมาขอลี้ภัยในประเทศฟิลิปปินส์ และ กระทรวงการต่างประเทศยังไม่ได้รับคำร้องขอลี้ภัยแต่อย่างใด แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณทำเรื่องขอจริง ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมที่จะเป็นผู้พิจารณาคำร้องขอลี้ภัย ส่วนทำเนียบประธานา ธิบดีฟิลิปปินส์แถลงว่า นายกรัฐมนตรีของไทยจะพบหารือกับนางกลอเรีย อาร์โรโย ประธานา ธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งคงจะหารือกันเรื่องวิกฤติการเงินโลกและผลกระทบต่อภูมิภาคนี้

“ทักษิณ” ประกาศโฟนอินอีกครั้ง

ขณะเดียวกันสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จาก กรุงปักกิ่งประเทศจีน กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ นาย นพพร วงศ์อนันต์ว่า กำลังจะเดินทางออกจาก กรุงปักกิ่ง แต่ไม่เปิดเผยสถานที่จะไปที่ใด กล่าวแต่เพียงว่าจะเดินทางต่อไป นอกจากนั้นยังปฏิเสธข่าวที่ออกมาทางหนังสือพิมพ์ของไทย กำลังสร้างคฤหาสน์ราคา 60 ล้านหยวน (ประมาณ 300 ล้านบาท) ที่สนามกอล์ฟใกล้กับกรุงปักกิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อไปว่า ได้ยกเลิกคำร้องขอลี้ภัยการเมืองในประเทศอังกฤษ เพื่อที่จะได้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเป็น อิสระ ตนไม่ชอบคำว่า “ลี้ภัย” ตนชอบคำว่า เสรีภาพมากกว่า เพราะตนคือแชมป์แห่งระบอบประชาธิปไตย ตนไม่ชอบอะไรที่ปิดกั้นเสรีภาพ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งต้องโทษจำคุก 2 ปีข้อหาทุจริตที่ดินรัชดา กล่าวอีกว่า ตนจะกล่าวทางโทรศัพท์ (โฟนอิน) เพื่อพูดคุยกับผู้สนับสนุนของตนในการชุมนุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นฐานเสียงที่ทำให้ พ.ต.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์