ยุบพรรคแล้วยังไม่ลาออก

กล่าวถึงการกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสำนักงานอัยการสูงสุดได้ประชุมพิจารณาและมีมติให้นยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคว่า พี่น้องประชาชนอย่าเพิ่งตกใจ เพราะศาลรัฐธรรมนูญต้องเชิญพยาน บุคคลที่เกี่ยวข้องมาพิจารณากันให้รอบคอบอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 นั้น คณะกรรมการฯ เห็นว่า เป็นกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.66 (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และ (3) กระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ซึ่งยังมีพรรคชาติไทยที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายเดียวกัน จะมีการเสนอให้ยุบพรรคด้วยหรือไม่ กรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการมีคนร้องเข้ามา ซึ่งทุกพรรคต้องมีมูลเหตุ คือมีผู้ร้องเข้ามา หากพรรคอื่นมีคนร้องเข้ามาว่าผิดตามกฎหมายข้อไหน เราก็จำเป็นต้องตรวจสอบ หากเห็นว่าเข้าข่ายก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุดเหมือนกัน

เมื่อกกต.เสร็จภารกิจยุบพรรค ถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญแล้วใช่หรือไม่ ที่กกต.จะประกาศลาออก นายปริญญา กล่าวว่า จริง ๆ อยู่ที่การเลือกตั้ง มีสภาผู้แทนราษฎร มีรัฐบาล และทำให้ประเทศชาติสงบเรียบร้อย คือภารกิจที่สุดท้ายที่เราคิดว่าจะต้องมี



"ที่มีการกล่าวหาว่า กกต.ทำอย่างโน้นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย แต่ประชาชนอาจยังไม่ทราบข้อเท็จจริง กกต.ไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้หากไม่มีกกต.จะหนักกว่าที่มีก็ได้ จุดนี้ ที่มาถามกันมากว่าทำไม กกต.ไม่ลาออก ซึ่งก็บอกไปว่า หากลาออกแล้วจะมีปัญหากว่าที่อยู่เพื่อทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเรียบร้อย " นายปริญญา กล่าว และว่า ความคิดในการลาออกยังมีอยู่ แต่ขอทำทุกอย่างให้เรียบร้อย อยากให้บ้านเมืองเรียบร้อย และให้ทุกคนเข้าใจว่า ที่กกต.ถูกกล่าวหานั้นไม่จริง เช่นความไม่เป็นกลางทางการเมือง หรือหาว่าเข้าข้างพรรคการเมือง เป็นต้น " ใจอยากอยู่จนมีรัฐบาลใหม่ แต่คงไม่ถึง คาดการณ์ไม่ได้"

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ