สมชายถึงฟิลิปปินส์ไม่เจอแม้ว รับคลิปชู้สาวเป็นตัวเองบางส่วน

"สมชาย"ถึงฟิลิปปินส์ แต่ไม่เจอ"แม้ว" ระบุถ้าใครเจอฝากบอกด้วยว่า "คิดถึง" ไม่ยกเรื่องในประเทศชี้แจง "อาร์โรโย" ยอมรับคลิปชู้สาวเป็น "ตัวเอง" บางส่วนจริง แต่ถูกตัดต่อเพื่อดิสเครดิต ขออโหสิกรรมให้

นายสกนธ์ จินดาวรรณ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ซึ่งติดตามภารกิจของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี

เดินทางเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ วันที่ 10 พ.ย. รายงานว่า นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าหารือกับนางกลอเรีย มาคาปากัลป์ อาร์โรโย ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่ทำเนียบประธานาธิบดีว่า การเดินทางมาเยือนฟิลิปปินส์ครั้งนี้ จะไม่หยิบยกสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ มาชี้แจงกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาภายในประเทศจะต้องดูแลกันเอง รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมาจะต้องดูแลประชาชนส่วนรวม

ทุกประเทศเข้าใจสถานการณ์ของไทยอย่างดี และขอให้ใช้ความรอบคอบในการแก้ปัญหา พร้อมกันนี้ ได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาฟิลิปปินส์ เพื่อดักพบ

"ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือ เพราะเมื่อเดินทางมาถึง ผมก็มองหาอยู่ แต่ไม่พบ แสดงว่าท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ และการเดินทางมาครั้งนี้ กำหนดไว้นานแล้ว ไม่ได้เดินทางมาเพื่อพบคนใดคนหนึ่ง ผมเชื่อว่าท่านจะไม่เดินทางมาฟิลิปปินส์  ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่าท่านอยู่ที่นี่  ถ้าท่านมา แล้วใครเจอ ก็บอกด้วยว่า ผมคิดถึง" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปที่ไหน   

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคลิปวิดีโอในเชิงชู้สาว ที่มีบุคคลที่หน้าเหมือนตัวเอง ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำมาเผยแพร่ว่า

ยอมรับว่า บุคคลในคลิปดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นตัวเองแต่บางส่วนไม่ใช่ มีการตัดต่อบางรูป เพื่อจงใจดิสเครดิตทำให้เสียชื่ออย่างร้ายแรง ถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป และทราบแล้วว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ขออโหสิกรรมให้ไม่คิดจะดำเนินการทางกฎหมายใดๆ

---------------------------------------------------------------------
 
เนื้อหาของคลิปวิดีโอดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
      
ตอนแรก เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2549 เวลา 17.58 น.ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ยี่สิบสี่ชั่วโมงเซเว่นอีเลฟเว่น แห่งหนึ่ง สังเกตได้ว่า จากการแอบถ่ายนี้ เป็นการถ่ายผ่านกระจกหน้ารถที่ขับตามรถของเป้าหมาย ซึ่งในไฟล์แรกที่ถูกตัดต่อมานั้น รถของเป้าหมาย เป็น รถเบนซ์สปอร์ตสองประตู สีแดงเข้ม เลขทะเบียน ศฐ-1119 กรุงเทพมหานคร ที่กำลังแล่นไปบนถนน โดยระหว่างการแอบถ่ายนั้น มีเสียงผู้หญิงบรรยายเหตุการณ์เป็นระยะ ลักษณะคำพูดคล้ายกับว่าเป็นทีมนักสืบเอกชนที่ถูกว่าจ้างให้ติดตามพฤติกรรมบุคคลปริศนาผู้อยู่ในรถ
      

รถสปอร์ตคันดังกล่าว มุ่งหน้าไปทางอรุณอัมรินทร์-บรมราชชนนี ออกไปเส้นเพชรเกษม-พุทธมณฑล-ท่าพระ มีการจอดที่หน้าปากซอยเพชรเกษม ซอย 7/2 เพื่อแวะรับ ผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวผิวสองสีสวมเสื้อสีขาว กางเกงสีขาว ขึ้นรถ จากนั้นรถได้แล่นไปบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดใน ร้านอาหาร “ปักษ์ใต้” แล้วประตูฝั่งคนขับก็ถูกเปิดออก บุรุษรูปร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ผูกไทเรียบร้อย ก็เดินลงมา แว่นดำ ขณะที่ด้านคู่คนขับที่ลงมา คือ สาวชุดขาวที่ชายแว่นดำแวะรับขึ้นรถมานั่นเอง
      
ฉากต่อมา รถคันดังกล่าวก็แล่นกลับไปยังย่านท่าพระอีกครั้ง เลี้ยวเข้าถนนเพชรเกษม  จอดให้ผู้หญิงชุดขาวลงบริเวณถนนเพชรเกษม 7/2 ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ถูกรับไปก่อนหน้านี้ ผู้หญิงคนดังกล่าวแวะซื้อผลไม้ข้างทาง

ตอนที่สอง - รถปริศนาในม่านรูด ภาพได้ถูกตัดออกไปและปรากฏเป็นภาพป้าย “คานาแมนชั่น” โดยมีเสียงหญิงผู้ตามสืบพฤติกรรมคนเดิมระบุว่า “นี่คือคานาแมนชั่น ที่พักของเป้าหมาย” และจากตัวเลขการบันทึกภาพ ระบุว่า เป็นการบันทึกในวันที่ 24 มีนาคม 2549 คือ 2 วันถัดมาจากวันที่บุรุษลึกลับรายนั้นไปรับสาวชุดขาวไปรับประทานอาหารร้านปักษ์ใต้
      
 
รถที่ถูกติดตามแอบถ่าย เป็น รถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู 730 i สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ณ 8198 กรุงเทพมหานคร  รถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้า โรงแรมม่านรูดที่ชื่อ “เวสตอิน” โดยเสียงหญิงผู้บรรยายคนเดิมกล่าวว่า “รถคันที่แล่นออกจากบ้านของเป้าหมาย แล่นเข้าไปในโรงแรมเวสตอิน หลังจากแวะรับหญิงสาวหนึ่งคนจากหมู่บ้านซื่อตรง” รถของผู้เฝ้าติดตามพฤติกรรมได้ตามเข้าไปในม่านรูด และภาพสุดท้ายที่ถ่ายได้ในวันนั้นคือรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหรู เลี้ยวเข้าซองของโรงแรมม่านรูด 


ตอนที่สาม  ถูกตัดต่อมาเป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่ระบุว่า เป็นวันที่ 26 มีนาคม 2549 หลังจากเหตุการณ์บีเอ็มดับเบิลยูปริศนาในโรงแรมม่านรูด ภาพจากการติดตามฉายให้เห็นวิวเดิมบริเวณบ้านของเป้าหมาย เรื่อยมาจนถึงซอยชลลดา 23 ออกไปยังถนนกาญจนาภิเษก เข้าเส้นบรมราชชนนี มุ่งหน้านครปฐม สำหรับรถที่ถูกติดตามในวันดังกล่าว เป็น รถเอสยูวี ยี่ห้อเลกซัส รุ่น LX 470 สีขาว ทะเบียน กบ 8888 เชียงใหม่
      
 
รถทะเบียนสวยคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าไปใน ร้านอาหาร “ส้มแก้ว” จากนั้นหนุ่มใหญ่-สาวใหญ่ร่างท้วมที่คล้ายนักการเมืองคนสำคัญ คู่หนึ่งก็ลงมาจากรถ โดยหนุ่มใหญ่ปริศนาเป็นคนเดียวกับที่ไปรับสาวจากซอยเพชรเกษม 7/2 ไปกินอาหารใต้ แต่สาวใหญ่ผู้มีใบหน้ คล้ายคลึงกับ ภรรยาของนักการเมืองใหญ่ ส่วนเสียงผู้หญิงซึ่งสะกดรอยตามคนเดิม ก็ระบุว่า “เป้าหมายมารับประทานอาหารกับภรรยา” ขณะที่เวลาในวิดีโอระบุ 11.54 น.

            
คลิปต่อมา ระบุว่า เป็นการบันทึกในวันที่ 27 มีนาคม 2549 เวลา 09.24 น.โดยเสียงบรรยายกล่าวว่า “เป้าหมายนั่งรถบีเอ็มดับเบิลยูออกมากับคนในบ้าน” โดยภาพที่แอบถ่ายได้แสดงให้เห็นว่า รถบีเอ็มดับดับเบิลยูสีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน ศฐ 9995 กรุงเทพมหานคร คันดังกล่าวแล่นไปตามถนน

จากนั้นไฟล์ก็ตัดไปเห็นภาพรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน 777 ในภาพระบุว่าบันทึกในวันเดียวกัน เวลา 11.03 น.เสียงผู้ติดตามหญิงคนเดียวระบุว่า สถานที่ดังกล่าวคือ “กระทรวงแรงงาน เป้าหมายนำรถเบนซ์ตองเจ็ดเข้ามาจอดที่ทำงาน” ก่อนจะจับภาพบอร์ดประชาสัมพันธ์ที่มีการติดชื่อกระทรวงแรงงาน

      
จากนั้น 12.10น. รถเบนซ์สีดำคันดังกล่าวแล่นไปบนถนน พร้อมเสียงผู้ติดตามหญิง ระบุว่า “เป้าหมายนั่งรถเบนซ์ออกจากที่ทำงาน ขึ้นทางด่วนดินแดง ... ลงทางด่วนที่ถนนแจ้งวัฒนะ” จากนั้นรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าไปในกระทรวงยุติธรรม โดยมีการบรรยายตรงตามเส้นทางที่เลี้ยวไปว่า “รถเลี้ยวเข้ากระทรวงยุติธรรม”

แต่เข้าไปได้ครู่เดียว รถคันดังกล่าวก็แล่นออกจากกระทรวงยุติธรรม ขณะนั้นเวลาบนกล้องแอบถ่ายบันทึกไว้ว่าเป็นเวลา 12.29 น.รถของชายที่ถูกเรียกว่า “เป้าหมาย” ก็เลี้ยวเข้าไปในเมืองทองธานี และจอดที่ ร้านอาหาร “เก็จแก้ว” ในเมืองทองธานี เสียงผู้ติดตามหญิง ระบุว่า “ฝ่ายชายแวะรับผู้หญิงที่กระทรวงยุติธรรม และพาไปรับประทานอาหารที่เมืองทองธานี”
      


จากนั้นทั้งคู่ขึ้นรถเบนซ์สีดำคันเดิม แล่นออกไปจากร้าน และแล่นไปตามถนน ก่อนที่ในเวลา 13.36น.จะเลี้ยวเข้าจอดที่ห้างคาร์ฟูร์ สาขาแจ้งวัฒนะ และทั้งคู่ควงกันลงไปเลือกซื้อตู้เย็นที่โฮมโปร ภายในห้างคาร์ฟูร์ โดยมีพนักงานขายเข้ามาแนะนำ หลังจากใช้เวลาประมาณ 30 นาที ตกลงใจซื้อตู้เย็น ทั้งคู่ก็ขึ้นรถและขับออกไปทางถนนติวานนท์ โดยผู้ติดตามหญิงได้บรรยายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “เป้าหมายชายพาผู้หญิงไปซื้อตู้เย็นที่โฮมโปร และกำลังพากลับเข้ากระทรวงยุติธรรม ที่ได้แวะรับหญิงคนดังกล่าวไปรับประทานอาหารที่เมืองทองธานี”
      
 
ต่อมา 16.25 น.ของวันเดียวกัน ผู้ชายคนที่เป็น “เป้าหมาย” ก็ขึ้นรถคันเดิมออกจากกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ ขับรถเลี้ยวเข้าวัดพระศรีมหาธาตุ และจอด ชายคนดังกล่าวในชุดสูทสีดำดูภูมิฐาน ลงจากรถ โดยมีบุคคลในชุดสูทและเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบมารอรับด้วยท่าทีนอบน้อม ลักษณะงานที่ไปร่วม เป็นงานศพ
 

จากนั้นภาพตัดไปที่การแอบถ่ายที่ตัวเลขในกล้อง ระบุว่า เป็นวันที่ 28 มีนาคม 2549 เป็นภาพ รถบีเอ็มดับดับเบิลยูซีรีส์เจ็ด 735Li ทะเบียน ศฐ 9995 กรุงเทพมหานคร บนถนนติวานนท์ ที่กำลังมุ่งหน้าแยกแคราย ขึ้นทางด่วนประชาชื่น ไปยังกระทรวงแรงงาน เป็นอันสิ้นสุดคลิปวิดีโอ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์