พัลลภบอกจำลองไปไกลแล้ว ย้ำเสียใจเรื่องผ้าอนามัย

พล.อ.พัลลลภ ปิ่นมณี  อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)  ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 

ถึงกรณีการติดต่อเข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ที่ประเทศจีน และพูดคุยถึงปัญหาทางการเมืองว่า  ตนเป็นคนติดต่อขอเข้าพบอดีตนายกฯเอง   เพราะเกิดความไม่สบายใจที่สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ประชาชนถูกแบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่า  และก็พลันให้นึกถึงคำให้สัมภาษณ์ของ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยบอกไว้ว่า คนที่จะแก้ปัญหาประเทศและทำให้เรื่องราวต่างๆ ยุติลงได้ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวเท่านั้น  ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยินดีให้พบ โดยเป็นการพูดคุย ตีกอล์ฟ และรับประทานอาหารด้วยกันกับก๊วนของตน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า รู้สึกเครียด กรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำผ้าอนามัยของผู้หญิงที่ใช้แล้วไปวางไว้หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนถือมาก เนื่องจากในฐานะที่เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเป็นทหารที่ก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่เคารพบูชาของทหารทุกคน   เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่ถือมาก เพราะไม่ถูกต้อง และตนก็เสียใจสุดๆ

เมื่อถามว่า  เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้อยู่ๆ ถึงไปพบ ไปพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเป็นมิตร ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามาตลอด

พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ตนยึดถือความมั่นคง และความสันติสุขของประเทศเป็นใหญ่มาตลอด เพราะฉะนั้นอะไร ที่จะทำให้บ้านเมืองสงบตนก็จะทำ และคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คิดเช่นเดียวกับตน การไปคุยก็ไปพูดถึงความหลังเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น และก็เห็นว่า ขณะนี้  พันธมิตรฯ ต้องหยุดได้แล้ว

ส่วนที่ว่า การเข้าไปพูดคุยกันนี้ เพื่อเป็นการเปิดทางในการมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงหรือไม่ นั้น พล.อ.พัลลภกล่าว่า  ไม่ได้คุยกัน แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวกับตนว่า  ตนมีประสบการณ์สูงที่จะแก้ปัญหา 

แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อไปแก้ปัญหาบ้านเมืองจากรัฐบาลแต่อย่างใด เมื่อถามว่า จะกลับไปพูดคุยกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นเพื่อนตายได้อีกหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า  ตนคุยกับจำลองได้เสมอ คุยเมื่อไหร่ก็คุยได้  แต่ พล.ต.จำลองวันนี้ไม่ใช่ พล.ต.จำลองคนเดียว เพราะอยู่ในทีมหลายคน ก็ไม่รู้ คุยแล้วจะหาทางออกได้มาอย่างไร   พล.ต.จำลองวันนี้ ดูแล้วไปไกลเหลือเกิน คุยยาก แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่ประเทศต้องมาก่อน  ส่วนเรื่องการเมืองใหม่ ตนก็พยายามถามว่า จะโยงเชื่อมโยงเข้าสู่อำนาจรัฐอย่างไร ก็พบว่า ยังหาทางออกไม่ได้   ทั้งนี้ เชื่อว่า การทำปฏิวัติน่าจะเกิดขึ้นยาก เท่าที่คุยกับคนในกองทัพ  แต่ถ้าเกิดสงครามการเมืองระหว่างประชาชนกับประชาชน  ทหารก็จะออกมาแค่เป็นกรรมการเพียงเท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ยืนยันว่า  แม้วันนี้ตนจะไม่ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ แต่ก็ยืนยันว่า ไม่มีทางที่จะไปเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก  หรือกลุ่ม พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ  อย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า มองการเมืองวันนี้จะยุติอย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า   ยังมองไม่ออกเพราะทุกคนต่างตั้งป้อม เป็นหอรบกลางประเทศ

ซึ่งไม่มีในโลกนี้ ยิ่งกว่าสงครามเวียดนามที่ตนไปรบอีก  ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงเหตุระเบิดรอบๆ ที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ  บริเวณทำเนียบรัฐบาล ที่เกิดขึ้นรายวัน  เมื่อตั้งป้อมกันอย่างนี้ โดยกล่าวหาซึ่งกันและกันระหว่างรัฐบาล และพันธมิตรฯ ต่างคนต่างเป็นคนทำ  ก็นำไปสู่สงครามการเมือง  ต่างฝ่ายยิ่งอยู่นานยิ่งสะสมอาวุธ เพื่อป้องกันตัวและปฏิบัติการ   เผชิญหน้าไปสู่สงครามการเมืองที่ทุกคนไม่ปรารถนา มองไม่ออกจะยุติอย่างไร

อย่างไรก็ตาม พล.อ.พัลลภ ระบุ ยังไม่ทราบข่าวกรณีที่ ตำรวจสันติบาล ออกมาระบุว่า ต้องระวังเป็นพิเศษ ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ ขึ้นในวันที่ 16 พ.ย.