"งานระดมทุน" ของ "พรรคประชาธิปัตย์" เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กลายเป็นยุทธ ศาสตร์หลักที่พรรคใช้เดินเกมการเมือง เพื่อวัดกระแส "กลุ่มทุนต่างๆ" ว่ายังคงเชื่อมั่นกับตรา "ประชาธิปัตย์" จนยอมควักกระเป๋าสนับสนุนการทำงานการเมืองแค่ไหน
ผลการ "วัดใจ-ล้วงกระเป๋า" ประสบความสำเร็จตามคาด แม้ว่ายอดเงิน "ซื้อโต๊ะ" จะไม่ทะลุเป้า 400 ล้านบาท แต่เม็ดเงินกว่า 300 ล้านที่ได้มา ก็ไม่ขี้เหร่นัก สำหรับคำกล่าวอ้างที่ว่าเตรียมไว้สำหรับ "การเลือกตั้ง" ที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้
แถมยังเป็นจำนวน เงินที่มากพอที่จะจับ "หน.มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ "ใส่กระเช้าลอยฟ้า" เพื่อดันสู่ตำแหน่ง "นายก รัฐมนตรีคนที่ 27" ของประเทศไทย ?
คนที่ไม่ยอมเก็บอาการไว้เลยเห็นจะเป็น "แม่บ้านเทพ" สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ในฐานะ "ประธานการจัดงาน" ได้สวมบท "ป๋าดัน" อย่างออกหน้าออกตา ถึงกับประกาศกลางงานระดมทุน เปรียบเทียบเส้นทางการเมืองที่คล้ายคลึงกันระหว่าง "บารัค โอบามา" ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ กับ "มาร์ค" อภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
"สุเทพ" พูดคำโตเอาไว้ว่าในไม่ช้านี้ "มิสเตอร์มาร์ค" จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้นเช่นเดียวกับที่ "โอบามา" ได้รับคะแนนเสียงจากชาวอเมริกาแบบถล่มทลาย และจะกลายเป็น "โอบามาร์ค" ในเวลาอันใกล้!!
"ไฮไลต์" การจัดงานระดมทุนที่สื่อมวลชนและนักธุรกิจ และกลุ่มทุนต่างๆ ที่ไปร่วมงานให้ความสนใจและจับตามองมากเป็นพิเศษคือ การกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ "เชื่อมั่นประเทศไทย มั่นใจประชาธิปัตย์" ของ "อภิสิทธิ์"
เพราะถือเป็นจุดสำคัญที่ "อภิสิทธิ์" จะได้แสดงตัวตนให้สังคมเห็นถึง "พลังและภาวะผู้นำ" ที่มีอยู่ในตัว อันจะนำไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้ "ประชาธิปัตย์" สามารถเปลี่ยนขั้วไปเป็น "พรรครัฐบาล" ในการเลือกตั้งครั้งหน้าสักที
แต่แล้วสิ่งที่ทุกคนหวังไว้ ก็ไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เมื่อ "หัวหน้ามาร์ค" ก็ยังคงอยู่ใน "จุดยืนเดิมๆ" พูดในเรื่องเดิมๆ จนกลายเป็น "แผ่นเสียงตกร่องยุค 2"
"...ประชาธิปัตย์พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราในฐานะพรรคการเมืองที่ดีในระบอบรัฐสภา พร้อมนำเสนอแนวนโยบายต่างๆ ที่นำพาประเทศออกจากวิกฤต และทำให้ทั่วโลกจับตาศักยภาพ ที่สำคัญพร้อมเสนอตัวเองเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และจะทำให้คนไทยทุกคนภูมิใจในความเป็นธรรม"
"อภิสิทธิ์" ได้แต่ย้ำคิดย้ำทำที่ว่าอยากเป็น "รัฐบาล" ทุกลมหายใจ แต่กลับไม่หาญกล้าที่จะเสนอตัวขอเป็น "นายกรัฐมนตรี"
ว่ากันว่าสาเหตุที่ "หน.มาร์ค" ไม่กล้าเสนอตัวเอง เพราะเป็นมารยาททางการเมือง หรืออีกเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ "ฝังใจ" กับกระแสต่อต้านจากกลุ่มคนบางกลุ่มที่คอยโจมตีว่า "มาร์ค ม.7 อยากเป็นนายกฯ" หรือบางคนมองเลยเถิดไปว่า "ไม่อยากแบกภาระประเทศ" ที่ขณะนี้ใครก็พูดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลก็เจอศึกหนัก !!
ประเด็นการ "ไม่กล้าเสนอตัว" ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไม่น้อยในพรรคแม่พระธรณีบีบมวยผม เพราะความกล้าเป็นบุคลิกหนึ่งที่จะสร้างความมั่นใจให้สังคมและประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรค ซึ่งทุกคนอยากเห็นความพร้อมและการมีภาวะผู้นำที่เกินร้อย
และ "ความไม่ชัดเจน" ในท่าทีที่แสดงออกไปนั้น อาจพาลทำให้ "สังคม" ไม่กล้าตั้งความหวังว่า "พรรคประชาธิปัตย์" จะเป็นทางออกของวิกฤตชาติได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือกลุ่มทุนของพรรคอาจจะลังเลใจที่จะร่วมงานในการระดมทุนครั้งหน้า !?
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
