“สมชาย”ใส่เกียร์ห้าตั้งส.ส.ร.
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม ครม. ถึงกรณีที่หลายฝ่ายรวมถึงฝ่ายค้านออกมาเสนอให้รัฐบาลยุติการเดินหน้า ส.ส.ร.3 ว่า ตนเห็นว่า ส.ส.ร.3 ก็ดี แต่ก็ต้องฟังดูก่อน ใครจะเห็นอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าจะผิดหรือถูก ทุกคนพูดมาเราก็รับฟังและเคารพความเห็น อย่างไรก็ตามความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องที่ประธานสภา นัดมาดำเนินการ และพรรคพลังประชาชนในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาลก็เห็นด้วยและสนับสนุน เมื่อถามว่าแสดงว่าเรื่องของ ส.ส.ร.3 ขึ้นอยู่กับประธานสภา ใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ถูกต้อง เพราะท่านต้องเป็นคนเรียกประชุม
เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคก็เริ่มไม่เห็นด้วยแล้ว นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เป็นไร ทุกคนมีความคิดเห็นได้ ซึ่งก็ต้องรอการหารือกัน และผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรขณะนี้ก็ยังไม่ทราบ เมื่อถามว่าในการหารือของพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 5 พ.ย. นี้ จะมีการทบทวนท่าทีเรื่องการตั้ง ส.ส.ร.3 หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ทบทวน แต่เวลามาเจอกันก็มาพูดคุยกันว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าสรุปแล้วรัฐบาลจะเดินหน้าหรือชะลอเรื่องนี้ นายสมชาย กล่าวว่า “ผมเดินหน้าอยู่แล้ว แต่ถ้าใครมีความคิดอย่างอื่นก็มาคุยกัน”
“เติ้ง”เอาด้วยแก้ให้เดินหน้า
ที่พรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลมีมติจะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรม นูญมาตรา 291 ในสัปดาห์หน้าว่า ยังไม่เห็นญัตติ แต่จะสอบถามนายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ไปร่วมประชุมกับวิปรัฐบาลว่าเป็นอย่างไร แต่หากจะแก้ตนเห็นว่าควรแก้เพียงบางมาตรา อย่าไปแก้มากเดี๋ยวจะเป็นปัญหา แก้เฉพาะที่สำคัญ ๆ เช่นมาตรา 190 เวลาจะไป เจรจากับต่างประเทศต้องนำเข้าที่ประชุม รัฐสภาเห็นชอบ ส่วนมาตรา 237 เกี่ยวกับการยุบพรรคไม่จำเป็นต้องแก้ก็ได้
นายบรรหาร กล่าวต่อว่า ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลยังสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรม นูญ เพราะเห็นว่ายังมีปัญหาบางอย่างโดยเฉพาะหากยุบสภาแล้วก็จะมีปัญหาในการเลือกตั้ง เช่นวิธีการเลือกตั้งก็ควรจะใช้แบบเดิม ระบบปาร์ตี้ลิสต์อย่างเดิมจะดีกว่าแบบสัดส่วน นอกจากนี้ตนเห็นว่าไม่ต้องชะลอเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือรอให้มีการสานเสวนาฯ ก่อนเพราะมองเป็นข้ออ้างมากกว่า ตนคิดว่าถ้าแก้เพื่อให้งานเดินหน้าแล้วมันจะมีปัญหาอะไร แต่คงกลัวว่าแก้ไปแล้วมันจะเลยเถิดไปแก้เรื่องอื่นเข้า จึงต้องรับรองว่าจะแก้เพื่ออะไร อย่าไปแก้เพื่อจะช่วยใครเพราะทำไม่ได้ และก็ขอให้อย่าคิดมากเลยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตั้ง ส.ส.ร. จะไปทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
เซ็งปัญหาขัดแย้งอยากบวช
เมื่อถามว่าพันธมิตรฯ ระบุว่าหากมีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมาล้อมสภาเหมือนวันที่ 7 ต.ค. นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่เป็นไรตอนนี้มันมีเสื้อแดงมาแล้ว ก็ตอบไม่ได้ไม่ใช่หน้าที่ของตน ไปเจรจากันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ห่วง อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ ทำอะไรไม่ได้ บางคนพูดก็ไม่ฟัง เมื่อ ถามว่าบ้านเมืองเลยจุดปรองดองแล้ว ต้องให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ตอบไม่ได้เพราะต่างคนต่างไม่ยอม บางคนบอกเจรจาแต่ก็มีเงื่อนไขมันก็จบแต่ถ้าละเงื่อนไขแล้วตั้งหน้าเจรจากันเสีย อะไรยอมได้ก็ยอม มันก็สามารถคุยกันได้ บ้านเมืองก็เป็นอย่างนี้แต่ละคนก็ล้วนไม่ได้จบ ป.4 แต่ระดับมหาวิทยาลัย ปริญญาทั้งนั้นที่ทะเลาะกันล้วนไม่ใช่ชาวบ้าน
เมื่อถามว่า มีการมองว่าหากยื่นญัตติในสัปดาห์หน้าจะทำให้พันธมิตรฯ ปิดล้อมได้ยากเนื่องจากอยู่ในช่วงพระราชพิธี นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าคิดให้มันลึกไปเลย ตอนนี้การเมืองมันอยู่ในทะเลแล้ว อยู่ใต้ทะเลลึกต้องหานักประดาน้ำไปงมแต่ตนจะไม่เป็นกัปตันจะหนีไปบวชแล้ว
หนุนแก้ ม.190 เอื้องาน ตปท.
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ถึงเรื่องการ แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่า ต้องแยกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาในตัวของมันเองอยู่แล้ว ส่วนปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ นั้นบางเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ แต่เราต้องแก้ไขปัญหาและลดการเผชิญหน้า ส่วนที่นักวิชาการเตือนรัฐบาลว่าหากยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปอาจจะเกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงนั้น ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเรื่องรัฐธรรมนูญ ปัญหาความขัดแย้งก็คาอยู่แล้ว
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเห็นว่ามาตรา 190 เป็นประเด็นที่จำเป็นต้อง เร่งแก้ไข เพราะเป็นปัญหาของบ้านเมือง ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะทำอะไรกับใครไม่ได้และทำให้เราเสียโอกาส ส่วนการแก้ไข ม.291 นั้นคงจะมีการหารือกันว่าจะแก้ไขกันอย่างไร อย่างไรก็ตาม ปัญหาขณะนี้ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการไม่ไว้ใจกันมากกว่า แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องที่คิดแล้วทำได้ในชั่วพริบตา
พผ.แบ่ง 2 ขั้ววัดใจแก้รธน.
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่นายเกียรติกร พากษ์เพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐ ธรรมนูญว่า น่าจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งพรรคได้พิจารณามาโดยตลอด และได้สอบถาม ส.ส. ของ พรรคทุกคน ซึ่งทุกคนก็เห็นตรงกันแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันควรจะมีการแก้ไข
เมื่อเวลา 17.00 น. นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรค กล่าวภายหลังการประชุมพรรคเพื่อแผ่นดินว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสมาชิกพรรคให้ความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหนึ่งอยากให้พิจารณาเรื่องการอยู่ร่วมรัฐบาล ขณะ ที่อีกฝ่ายขอให้ระมัดระวังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะอาจเป็นชนวนให้เกิดการปะทะกันระหว่างม็อบเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติว่าจะขอดูกรอบของญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคพลังประชาชนเสนอมาก่อน และมอบหมายให้ตนและ รมต.ของพรรคเป็นตัวแทน ในการพูดคุยกับนายกฯ ในวันที่ 5 พ.ย. นี้
พปช.ยืนยันมติรื้อมาตรา 291
ที่พรรคพลังประชาชน เวลา 16.30 น. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน รักษาการรองโฆษกพรรค แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมได้หารือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 โดยเห็นตรงกัน ว่าสนับสนุนรัฐบาลในการจัดตั้ง ส.ส.ร.3 เนื้อหาการแก้ไข ม.291 รัฐบาลยกร่างเรียบร้อยแล้วแต่มีการเพิ่มเติมข้อย่อย เช่น ม.291/1, ม.291/2 โดยขั้นตอนของการมี ส.ส.ร. ทั้งหมดมี 120 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศ จังหวัดละ 1 คน ให้เลือกกันเองโดยทางอ้อม ซึ่งมอบหมายให้ กกต. เป็นผู้รับผิดชอบ กลุ่มที่ 2 ผู้ทรงคุณวุฒิ 24 คน จากสายนิติศาสตร์ 8 คน, รัฐศาสตร์ 8 คน, การเมืองการปกครอง 8 คน กลุ่มที่ 3 สาขาอาชีพ 20 คน
นายบุญจง กล่าวว่า จะใช้เวลา 60 วันในการสรรหา ส.ส.ร.3 ส่วนการยกร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงกระบวนเลือกประธาน, รองประธาน ส.ส.ร. รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและการนำมาปรับปรุงแก้ไข จะ ใช้เวลา 180 วัน รวมเวลาทั้งหมด 240 วัน จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสองสภา หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยก็จะสามารถบังคับใช้ได้ทันที แต่หากไม่เห็นด้วยก็จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ซึ่งพรรคพลังประชาชนจะนำรายละเอียดทั้งหมดไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล อีกครั้ง
รวมกลุ่มอ้อน “ป๋าเปรม” หย่าศึก
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมพรรคพลังประชาชนมี ส.ส. กว่า 10 คน อาทิ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน ได้อภิปรายเรื่องเงื่อนเวลาและความเหมาะสมต่อการเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 อย่างกว้างขวาง ต่าง ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเสนอญัตติแก้ไข ม.291 ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากมีงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ไม่เหมาะ สมและจะถูกนำไปโจมตีได้ว่าห่วงแต่ผลประโยชน์ทางการเมือง จากนั้นที่ประชุมจึงได้ขอมติ ปรากฏ เสียงส่วนใหญ่เห็นชอบให้เลื่อนออกจากกำหนดเดิมที่จะเสนอญัตติในวันที่ 12 พ.ย. ตามที่ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชนเคยแถลงไว้ และจะพิจารณาความเหมาะสมเงื่อนเวลาอีกครั้ง แต่ยืนยันจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนเที่ยงวันที่ 5 พ.ย. นายอำนวย คลังผา ส.ส. ลพบุรี พรรคพลังประชาชน กลุ่มผู้แทนปวงชนชาวไทย พร้อมด้วย ส.ส.พรรคพลังประชาชนจำนวนหนึ่งจะเดินทางไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อยื่นหนังสือเรียนเชิญ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเป็นคนกลางในการประสานให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยหาทางออก แก้ไขวิกฤติในประเทศ
ปชป.วอนรัฐบาลเลิกดื้อดึง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล จะผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในสัปดาห์หน้าว่า ถ้ารัฐบาลต้องการเห็นทุกอย่างสงบเรียบร้อย ไม่ควรทำเรื่องนี้ มิฉะนั้นเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นอีก จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนและชะลอเรื่องนี้ เพราะถ้ามีการปิดล้อมสภาเกิดขึ้นอีกครั้ง ถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล จึงอยากให้รัฐบาลไปรับฟังให้ดี เพราะยิ่งจุดพลุเรื่องนี้ยิ่งทำให้สังคมเคลือบแคลงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความพยายามที่จะทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ไม่ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประเทศและประชาชน
ส่วนบทบาทของพรรคร่วมรัฐบาลต่อกรณีนี้ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ทุกคนเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องตั้งคำถามว่าเหตุผลอะไรที่จะต้องเร่งรัดในภาวะความขัดแย้งอย่าง นี้ อันที่จริงควรนำรายงานของคณะกรรมาธิการ วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของสภา มาดูก่อนว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ ตนยืนยันว่า ถ้ายังมีการผลักดันเรื่องนี้ต่อไป พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ได้ถึงขั้นว่าจะไม่เข้าร่วมประชุม แต่ไม่อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งของสังคม จึงอยากให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบหรือหาทางออกให้กับเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา
“เกชา”ล่า 50 ส.ว.เชียร์แก้รธน.
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี แกนนำการรวบรวมรายชื่อ ส.ว.สนับสนุนญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เปิดเผยว่า ขณะนี้รวบรวมรายชื่อ ส.ว. ได้ประมาณ 50 คน และสามารถยื่นสนับสนุนญัตติดังกล่าวพร้อมกับส.ส. ได้ทันที ส่วนบางมาตราที่ ส.ว. ที่สนับสนุนญัตติยังเห็นต่าง เช่น การกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกเป็น ส.ส.ร. ห้ามสังกัดพรรคการเมืองมาไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือไม่ และในขั้นสุดท้ายให้ทำประชามติเลยไม่ต้องผ่านรัฐสภาหรือไม่นั้น ซึ่งเรื่องนี้สามารถพูดคุยและแก้ไขได้ในชั้นกรรมา ธิการ จึงไม่เป็นปัญหา
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการปรับเนื้อหาบางมาตรากำหนดว่า “ห้ามยุบสภาช่วงที่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น” นายเกชา ระบุว่า คงเป็นไปไม่ได้ และคงไม่มีการแก้ไขในชั้นกรรมา ธิการ เพราะหากระบุแบบดังกล่าวเท่ากับเป็นการมัดตัวเอง และสาเหตุของการยุบสภามีได้จากหลายสาเหตุ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน จึงไม่น่าจะมีการแก้ไขให้เป็นแบบนั้น
กลุ่ม 40 ส.ว.ห่วงเกิดกลียุค
ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา แถลงภายหลังการหารือถึงกรณีที่ประธานรัฐสภาเตรียมนัดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวันที่ 12 พ.ย. ว่า การบรรจุวาระเรื่องนี้ในช่วงใกล้งาน พระราชพิธีพระราชทานเพลิงฯ ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น รัฐบาลไม่ควรฉวย โอกาส จึงขอให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนการบรรจุวาระดังกล่าวออกไปก่อน ส่วนจะบรรจุเมื่อไหร่นั้น ให้พิจารณาภายหลัง ทั้งนี้กลุ่ม 40 ส.ว. ยังมีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร.3 เพราะจะทำให้เกิดกลียุค
ด้าน น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว. เพชรบุรี กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว. ยังหารือกรณีที่ 144 ส.ส.พรรคพลังประชาชน โดยมี ส.ส.หญิงเป็นแกนนำ จะยื่นถอดถอน น.ส.รสนา โตสิ ตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กรณีมีผู้ติตตามเข้าไปร่วมประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยตนขอเรียกร้องให้ ส.ส. ที่เข้าชื่อ พิจารณา อย่าเอาเรื่องนี้เป็นประเด็นการเมือง ไม่ควรใช้ ส.ส. หญิง ทั้งนี้ แม้คนติดตามของ น.ส.รสนา จะเข้าไปในห้องประชุม ถือว่าผิดระเบียบ แต่ไม่ใช่ความผิดมหันต์ ไม่ถึงขนาดต้องถอดถอน จึงขอเรียกร้องประธานรัฐสภาพิจารณา
ครม.ตั้ง “ชัยยันต์” เลขามท.1
น.ส.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม. ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติแต่งตั้ง ข้าราชการการเมืองประกอบด้วย 1. พล.ต.ท. ชัยยันต์ มะกล่ำทอง เป็นเลขานุการ รมว. มหาดไทย 2. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย 3. นายบัวสอน ประชามอญ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว. มหาดไทย ปฏิบัติราชการประจำ รมช.มหาดไทย (นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข) 4. นายจิรัฎฐ์ สันติวงษ์สกุล เป็นที่ปรึกษา รมช.มหาดไทย (นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข)
5. น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน เป็นเลขานุ การ รมว.การต่างประเทศ 6. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี เป็นที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข 7. นายธวัชชัย สุทธิบงกช เป็นที่ปรึกษา รมช.สาธารณสุข นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังมีมติแต่งตั้ง นพ.กระแส ชนะวงศ์ เป็นที่ปรึกษารองนายกฯ (นายโอฬาร ไชยประวัติ)
“ประวิตร” ปัดถูกทาบร่วมครม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวถูกทาบทามให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงว่า ไม่เป็นความจริง ตอนนี้ตนอยู่เฉย ๆ ข่าวที่ออกมาสื่อเขียนไปเอง ทั้งที่ขณะนี้ตนไม่ได้ทำอะไร และขณะนี้ยังไม่ได้ถูกใครทาบทามให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ด้านความมั่นคง เมื่อถามว่าหากได้รับการทาบทามให้เป็นรองนายกฯ ท่านจะรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “คงไม่ไปเป็นหรอก ต้องแล้วแต่ทางด้านการเมือง”
3 พรรคดิ้นเร่งแจงยุบพรรค
นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดเผยว่า วันที่ 4 พ.ย. จะครบ 15 วันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ส่งคำชี้แจงกรณียุบพรรค ทางพรรคได้ขอเลื่อนการส่งเอกสารไปอีก 45 วัน แต่ทางศาลอนุญาตให้เพียง 15 วัน จะครบในวันที่ 19 พ.ย. นี้ แต่ทางพรรคยังขาดเอกสารสำคัญคือคำวินิจฉัยของ กกต. ที่ต้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งเพื่อจะได้นำมาประกอบการ เขียนคำชี้แจง แต่พรรคก็ต้องเร่งดำเนินการให้ทันตามกำหนด
ขณะที่นายยืนหยัด ใจสมุทร ผู้รับมอบ อำนาจดำเนินคดียุบพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ก่อนจะครบกำหนดทางพรรคได้ยื่นต่อศาล ขอขยายเวลาไปอีก 30 วัน แต่ทางศาลแจ้งกลับมาว่าอนุญาตให้ขยายเวลาได้ 15 วัน ครบกำหนดวันที่ 19 พ.ย. ซึ่งจะต้องส่งเอกสารคำชี้แจง ส่วนนางพรทิวา นาคาสัย เลขาธิการพรรคมัชฌิมาฯ กล่าวว่า พรรคยื่นต่อศาล ขอขยายเวลาอีก 60 วัน แต่ได้รับการอนุญาตเพียง 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 พ.ย. เช่นกัน.