ไทยพีบีเอส ยื่นหนังสือถึงนายกฯ วอนคุ้มครองเสรีภาพสื่อ

สำหรับความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนรักเชียงใหม่เข้าปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทย (ไทยพีบีเอส) ศูนย์ข่าวภาคเหนือ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน จนผู้บริหารไทยพีบีเอสออกมาขอโทษกรณีกล่าวหาว่ามีการจ้างวานไปร่วมกิจกรรมความจริงวันนี้นั้น
 
เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง นายเถกิง สมทรัพย์ รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ยื่นหนังสือลงนามโดยนายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคุ้มครองเสรีภาพของสื่อมวลชน โดยสาระสำคัญของหนังสือระบุว่า กรณีกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 บุกปิดล้อมศูนย์ข่าวภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพการทำหน้าที่สื่ออย่างรุนแรง แม้ผู้บริหารไทยพีบีเอสจะแสดงความเสียใจ และผู้ชุมนุมสลายตัวเวลาประมาณ 24.00 น.

แต่วันที่ 4 พฤศจิกายน กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ก็ยังแถลงข่าวแสดงความไม่พอใจและขู่ว่าจะมาชุมนุมประท้วงอีกหากผู้บริหารไทยพีบีเอสไม่ขอโทษอีกครั้ง

จึงขอให้นายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล สั่งการไปยังผู้เกี่ยวข้อง ให้กำกับดูแลสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เพื่อรับรองความปลอดภัยของพนักงานไทยพีบีเอส รวมทั้งต้องหามาตรการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนทุกแขนง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คงไปสั่งการกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ไม่ได้ เพราะเรื่องเกิดขึ้นที่จ.เชียงใหม่

และเป็นกรณีเฉพาะที่มีประชาชนไม่พอใจการนำเสนอข่าวของไทยพีบีเอส ที่ที่คลาดเคลื่อนไม่ครบถ้วน และไม่ได้คิดคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน เท่าที่เหตุการณ์ปรากฎ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า กลุ่มผู้ปิดล้อม ไม่พอใจการนำเสนอข่าว ของรายการข่าวภาคค่ำไทยพีบีเอส ที่เสนอข่าวว่า มีการจ่ายค่าจ้างให้มาชุมนุมในรายการความจริงวันนี้สัญจร หัวละ 2,500 บาท แต่สรุปแล้วไทยพีบีเอสได้มีการออกมาขอโทษ ทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี แต่เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้กับทั้งประชาชนและสื่อ เพราะสื่อมวลชนเอง ก็ต้องเคารพคำว่า ประชาชน ขณะเดียวกันประชาชน ก็ต้องเคารพการทำหน้าที่สื่อ แต่เมื่อเกิดเหตุล้ำเส้นกินแดนกัน จึงมีปฏิกิริยาตอบโต้