ม็อบนปช.ฉุนข่าวจ้างฟังทักษิณ


ปิดล้อม'ไทยพีบีเอส' กองทัพแกะเทป'โฟนอิน'เสื้อแดงหมิ่นเหม่สถาบัน


กองทัพเดินหน้าแกะเทปทุกตัวอักษรทักษิณโฟนอินม็อบเสื้อแดง จับผิดประเด็นหมิ่นเหม่สถาบัน หวั่นเป็นจุดสร้างความแตกแยก ส่วนอนุพงษ์ ประชุมหน่วยขึ้นตรง ย้ำจุดยืนสร้างเอกภาพ หลักประกันให้ประชาชน เน้น คำนึงประโยชน์สูงสุดของชาติ ด้านกลุ่มนปช.กว่า 300 คน ปิดล้อมทีวีไทยเชียงใหม่ อ้างไม่พอใจเสนอข่าวรับค่าตัวไปฟังโฟนอิน ตำรวจระดมกำลังดูแล กลุ่มสมาคมสื่อออกแถลงการณ์ วอนทุกฝ่ายยุติเหตุแตกแยก เผย กลุ่มสส.พปช.แห่พบแม้วที่ฮ่องกง อ้างเจอบังเอิญที่ร้านกาแฟจึงถกปัญหาการเมือง-วิจารณ์โฟนอิน ส่วนพันธมิตร อัดขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องไม่บังควร จี้ต้องสำนึกในความผิดเสียก่อน ติง เอ็นบีทีจะแพร่ซ้ำโฟนอินไม่เหมาะสม จำลอง ชี้ช่องรัฐบาลมาเจรจารอบใหม่ได้ โกวิท สั่งผวจ.ดูคดีหมิ่นสถาบัน พูดเป็นนัยจะทวงคืนทำเนียบฯ ยุวรัตน์ ชี้คกก.ชุดใหญ่ยังทำงานไม่ได้ต้องรอผลสอบ 5 อนุฯ หลังประชุมคกก.ชุดใหญ่ล่ม


พธม.อัดประเด็นอภัยโทษ
 
เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์สายตรง (โฟนอิน) จากต่างประเทศมายังกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอดีต นายกรัฐมนตรี ต้องการกลับประเทศไทยด้วยวิธีการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่คนใกล้ชิดได้ออกมาตอบโต้ว่าไม่มีแผนการดังกล่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.  จำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงกรณีที่พรรคพลังประชาชนและกลุ่ม นปช.จะเดินหน้าทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายพิภพ กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยอมรับผิดรับโทษแต่ยังกล่าวหาว่าถูกกลั่นแกล้ง และยังมาหาทางออกให้กับความผิดของตนเอง โดยการขอพระราชทานอภัยโทษและสร้างกลุ่มประชาชนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนว่าความผิดของตนเองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง


จวกทักษิณยังไม่สำนึกผิด

 
“การเดินหน้ายื่นขอราชประชาสมาสัย เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษนั้นจะต้องดูกระแสสังคมว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขณะนี้นักวิชาการก็ออกมาต่อต้าน เรื่องนี้แกนนำพันธ มิตรฯไม่ได้วิตกกังวลอะไรหากมีการขออภัยโทษจริง เพราะการต่อสู้ของพันธมิตรฯเอาความจริงมาเปิดเผยต่อประชาชนตลอดตั้งแต่ปี 49 เป็นสิ่งที่ยืนยันต่อสังคมได้ชัดเจนว่าการต่อสู้ของพันธมิตรฯเป็นสิ่งจำเป็นต่อประเทศ แต่นี่คือความร้าวลึกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะไม่ยอมแก้ไข นักการเมืองที่กระทำผิด เมื่อสำนึกผิด ก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่เคยพูดยอมรับความผิดเลย หากวันนี้อดีตนายกฯยังไม่สำนึกผิดและยังกล่าวหาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะทำให้มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น” นายพิภพ กล่าว


มหาเปิดช่องเจรจาครั้งใหม่

 
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมีความสำนึกผิดก่อน ไม่อย่างนั้นจะผิดไปเรื่อย ๆ ซึ่งตนเห็นว่าความผิดที่ผ่านมาเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ควรเอาประชาชนมากดดันสถาบัน การอภัยโทษตนเห็นว่าไม่บังควรเพราะเป็นคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดแล้ว ส่วนการที่ช่องเอ็นบีทีจะนำเทปของอดีตนายกฯมาเผยแพร่นั้นเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฝ่ายค้านไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่สภาเพื่อสอบถามความโปร่งใสของรัฐบาล และให้หยุดการกระทำดังกล่าว สำหรับการเจรจาสองฝ่ายระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรฯนั้นตอนนี้พร้อมที่จะเจรจา แต่ยังไม่มีการติดต่อมาจากรัฐบาล ซึ่งรูปแบบการเจรจาฝ่ายรัฐบาลจะต้อง ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลา ก่อนจึงจะพูดคุยเรื่องอื่นต่อไป


โจมตีแพร่ซ้ำโฟนอิน-ขออภัยโทษ
 
ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว. สรรหา กล่าวถึงกรณีขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ไม่ควรนำเรื่องนี้มากดดัน หรือจะแสดงพลังประชาชนเป็นแสนเป็นล้านคนก็ไม่ควรเช่นกัน ส่วนที่เอ็นบีทีจะนำเทปการโฟนอินมาเผยแพร่นั้น รมต.ประจำสำนักนายกฯ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผอ. สถานีเอ็นบีที จะต้องดูถึงความเหมาะสม ทั้งนี้  ขอวิงวอนไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องต่อสู้ในระยะยาวจะดีกว่าที่จะให้พลังมวลชนมากดดัน และการโฟนอินที่พาดพิงสถาบันและพูดกำกวมไม่เหมาะสม
 
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงประเด็นการนำเทป พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินมาเผยแพร่ว่า อยากเห็นการใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐในการที่จะทำให้บ้านเมืองสงบ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะนำไปสู่ความแตกแยก แต่ถ้ายังยืนยันอยู่ก็ถือว่ารัฐบาลมีความจงใจที่จะเป็นกระบอกเสียงให้อดีตนายกฯและให้มีความแตกแยกมากขึ้น รายการนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมากกว่าชี้แจงผลงานรัฐบาล


ชี้แม้วทำผิดเองต้องโทษอาญา
 
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการล่ารายชื่อพระราชทานอภัยโทษนั้น นายสมชายซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม ก็บอกว่าการขอพระราชทานอภัยโทษนั้น เจ้าตัวต้องทำเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรนำมาเป็นเรื่องการเมือง และความ ผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ความผิดทางการเมือง เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาต้องรับโทษตามกฎหมาย เมื่อถามว่ากรณีนี้เทียบเคียงกับคดี พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยได้รับพระราชทานอภัย โทษในคดีกบฏหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แต่ละกรณีต้องดูเป็นรายกรณีไป


ชี้ขออภัยโทษเป็นสิทธิส่วนตัว

 
ที่พรรคพลังประชาชน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกฯ กล่าวถึงการจัดงานเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขอขอบคุณประชาชนเสื้อแดงที่แสดงให้เห็นถึงการชุมนุมอย่างสันติและยึดหลักกฎหมาย และขอขอบ คุณผู้นำเหล่าทัพที่ปล่อยให้มีการพิสูจน์ว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย อย่างไรก็ตามขอประกาศว่านายกรัฐมนตรีและรักษาการหัวหน้าพรรค ได้สนับสนุนกลุ่มเสื้อขาวสัญลักษณ์ของกลุ่มสานเสวนา ที่ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้
 
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคพลังประชา ชนต่อกรณีที่ ส.ส.ของพรรคส่วนหนึ่งเตรียมที่จะยื่นฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท. ทักษิณนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ ส.ส. อย่างไรก็ตาม ตนเรียนว่าเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ และเรื่องนิรโทษกรรม เป็นคนละเรื่องกัน เพราะกรณีของการ พระราชทานอภัยโทษนั้นเป็นเรื่องของคนที่ ต้องการได้รับพระเมตตาที่จะต้องดำเนินการเอง ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมนั้นเป็นการดำเนินการโดยรัฐสภา ที่จะออก พ.ร.บ. เหมือนกับในอดีต ที่เคยมี


ไม่ห้ามไม่หนุนใครจะทำ

 
เมื่อถามว่าเรื่องการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรม จะชูเป็นนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เป็นไปได้ถ้ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เพราะพรรคการเมืองต้องการความสมัครสมานสามัคคี ส่วนที่มีการเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการประโคมข่าวทำให้บุคคลดังกล่าวต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม และเมื่อถามว่าจะห้าม ส.ส.ของพรรคให้ยุติการขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นสิทธิของประชาชน แต่ถ้า ส.ส. จะดำเนินการอย่างไรต้องเป็นสิทธิของเขา แต่เป้าประสงค์ที่ต้องการคืออะไรได้ตามเป้าหรือไม่ ถ้าไปเคลื่อนไหวที่จะทำให้เกิดความสับสนความเสียหายต่อผู้ที่รักเคารพ ก็จะต้องใช้วิจารณญาณของตัวเอง


โกวิทติวเข้มผวจ.ดูคดีหมิ่นฯ

 
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว. มหาดไทย เป็นประธานประชุมกระทรวงเพื่อมอบนโยบายผ่านระบบดาวเทียมยังผวจ.ทั่วประเทศ โดย พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีการหมิ่นสถาบันเพิ่มมากขึ้น จนรู้สึกน่าห่วง กระทรวงฯได้ส่งหนังสือเวียนให้ ผวจ.ดูแลแล้ว อยากให้กวดขันให้เข้มงวด และหากพบผู้กระทำความผิดให้เอาผิดอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้จะมีการฟื้นฟูลูกเสือชาวบ้านและอบรมตลอดทั้งปี โดยใช้งบ 98 ล้านบาท เฉลี่ยอำเภอละ 1 แสนบาทเพื่อเป็นการสร้างความสามัคคี 


เปรยรัฐจะยึดทำเนียบฯคืน
 
พล.ต.อ.โกวิท กล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องการจัดระเบียบสังคม ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่กระทรวงมหาดไทยต้องรับผิดชอบทั่วประเทศ  แต่ปัจจุบันมีการละเมิดชัดเจนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ การมีกลุ่มคนมายึดทำเนียบรัฐบาล กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งหลายคนบ่นว่าเหตุใดไม่ เห็นทำอะไรให้เรียบร้อย ยอมรับว่าตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรี รัฐบาลมีความพยายามปรองดองมาโดยตลอด กระทรวงฯมีส่วนร่วมทุกอย่าง ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วม ต้องช่วยกันแก้ไข ซึ่งขอให้เชื่อว่าคงไม่มีรัฐบาลไหนในโลกที่จะปล่อยให้ทำผิดกฎหมายต่อไปได้อีก
 
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมช.มหาด  ไทย กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนคือการเร่งสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ ในขณะนี้คนในประเทศมีความแตกแยกทางความคิดเป็นอย่างมาก จึงขอให้ ผวจ. นายอำเภอ สร้างความสมานฉันท์ ลดความเกลียดชังซึ่งกันและกันลงให้ได้ โดยให้ยึดถือเป็นนโยบายหลัก
 
นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการพาดพิงถึงสถาบัน ขอให้ ผวจ.ร่วมติดตามอย่างใกล้ชิด หากมีเวทีอภิปรายหรือรายการวิทยุใดที่เข้าข่ายก็ขอให้มีการเก็บพยานหลักฐานไว้ด้วย เพื่อใช้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตามขอให้เริ่มจากการตักเตือนก่อน


ควานหามือยิงโจ๋ซ่ายังไม่เจอ

 
ที่ บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์การ์ดพันธมิตรฯยิงปืนเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บว่า ล่าสุดกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบรถที่ถูกยิงพบหัวกระสุนขนาด .38 ฝังอยู่ที่ประตูด้านคนขับ 1 นัด ส่วนแนวทางการสืบสวนมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ยังไม่รู้ตัวคนร้ายว่าเป็นใคร ซึ่งจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขณะนี้เหลือเพียงหาตัวบุคลที่ลงมือยิงเท่านั้น ส่วนสาเหตุทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ขับรถหลงเข้ามาหลังกลับจากเที่ยวย่านถนนข้าวสาร และเกิดมีปากเสียงกับการ์ดพันธมิตรฯ ก่อนชูนิ้วกลางให้จนถูกยิงไล่หลัง 5-6 นัด จนมีผู้บาดเจ็บดังกล่าว


ส่งสำนวน9แกนนำไปสตช.

 
พ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธ สันทัดเวช ผกก. สน.นางเลิ้ง กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานของ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาสะสมกำลังเพื่อก่อกบฏ และขัดคำสั่งให้เลิกชุมนุมของเจ้าพนักงาน เพื่อส่งสำนวนคดีให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเอกสาร และพยานบุคคลครบถ้วน ซึ่งมีความรัดกุมและให้ส่งสำนวนดังกล่าวไปยังกองคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แล้ว ขณะเดียวกันก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองเช่นกัน โดยมีรอง ผบ.ตร. เป็นประธาน อย่างไรก็ตามขณะนี้สำนวนอยู่ในระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุด ก่อนที่จะพิจารณาส่งสำนวนให้อัยการยื่นฟ้องต่อไป


ประชุมคกก.ฯ7ตุลาล่ม

 
ที่บ้านมนังคศิลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. 51 ที่มี  นายปรีชา พานิชวงศ์ เป็นประธาน ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาประชุมที่ได้นัดไว้ในเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งกับผู้สื่อข่าวให้ทราบว่าวันนี้การประชุมต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ และจะนัดหมายประชุมอีกครั้งในวันที่ 13 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุของการเลื่อนประชุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพียงกล่าวว่าไม่ทราบเท่านั้น


คกก.ชุดใหญ่รอผล5ชุดเล็ก

 
นายยุวรัตน์ กมลเวชช หนึ่งในกรรม การฯ กล่าวว่า การประชุมยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากต้องรออนุกรรมการฯ 5 คณะที่แต่งตั้งสรุปผลการตรวจสอบมาให้ก่อน จากนั้นคณะกรรมการฯชุดใหญ่จะหยิบมาพิจารณากันอีกครั้งในวันที่ 12-13 พ.ย.นี้ ที่บ้านมนังคศิลา ยืนยันว่าคณะกรรมการฯไม่ได้มีเจตนาซื้อเวลาเพื่อหาทางลงในเรื่องนี้ แต่การสอบสวนต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ และไม่อยากให้สังคมใช้ความรู้สึกตัดสินเรื่องนี้ไปก่อนที่คณะกรรมการฯจะสรุปผลต่อไป


คนเสื้อแดงปิดทีวีไทยเชียงใหม่
 
ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ศูนย์ ข่าวภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เวลา 10.30 น. มีกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ประมาณ 300 คน ที่   ใส่เสื้อสีแดง นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มาชุมนุม ที่หน้าสถานีเนื่องจากไม่พอใจการนำเสนอข่าวของไทยพีบีเอส ที่ระบุว่ากลุ่มคนเชียงใหม่ที่มาร่วมงานความจริงวันนี้ สัญจร ครั้งที่ 2 รับเงินจากนักการเมือง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะเข้าไปภายในสถานี แต่เจ้าหน้าที่สถานีและตำรวจกว่า 100 นาย ได้กันไว้ ทำให้มีการยื้อจะ  พังประตู เท่านั้นแต่ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขึ้นปราศรัยโจมตีการ  ทำงาน และเรียกร้องให้สถานีรับผิดชอบข่าวดังกล่าวด้วย


อัดตีข่าวรับเงินไปฟังโฟนอิน

 
นายเพชรวรรต เผยว่า จะปิดล้อมสถานีและปักหลักนำอาหารและเต็นท์มาพักอาศัยที่นี่ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่มากันในวันนี้ เพื่อขอให้ทางสถานี ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าคนเชียงใหม่รับเงิน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง กลุ่มเราเดินทางไปด้วยใจรักไม่มีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้จะไม่ยอมเจรจากับผู้ใดนอกจากนาย  เทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เพียงคนเดียวและหากยังไม่มีการเจรจาจะทำการตัดน้ำตัดไฟ
 
นายวิวัฒน์ชัย สมคำ หัวหน้าศูนย์ข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ภาคเหนือ ชี้แจงว่า การนำเสนอข่าววันดังกล่าวเป็นการนำเสนอข่าวของสถานีที่กรุงเทพฯ โดยเป็นการสัมภาษณ์นักการเมืองรายหนึ่ง ไม่ใช่เป็นการนำเสนอข่าวส่งตรงลงมาจากพื้นที่เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม  ได้ประสานไปยังผู้บริหารสถานีที่กรุงเทพฯแล้ว ทั้งนี้ในส่วนของผู้สื่อข่าวและผู้ปฏิบัติหน้าที่กว่า 20 คน ยังทำงานกันตามปกติ
 
พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ส่งกำลังตำรวจเข้ารักษาความสงบเรียบร้อยแล้วและสั่งการให้ชุดควบคุมฝูงชนเตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้น ก็จะเข้าสลายความรุนแรงได้ภายในเวลา 30 นาที ทั้งนี้จากการคาดการณ์แล้วไม่น่าจะเกิดเหตุรุนแรงขึ้น


นอนล้อมสถานีรอเจรจารุ่งเช้า

 
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอนุพงศ์ ชัยฤทธิ์ บรรณาธิการบริหารฝ่ายเนื้อหาข่าว สถานีโทรทัศน์ เดินทางมาที่ศูนย์ข่าวภาคเหนือพร้อมเจรจากับนายเพชรวรรต โดยนายอนุพงศ์ ได้พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่เป็นผลเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันจะขอพบกับนายเทพชัย พร้อมผู้ประกาศข่าวและแหล่งข่าวที่ให้ข่าวดังกล่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะอยู่กดดันการทำงานของสถานีต่อไปจนถึงเช้าวันที่ 4 พ.ย.นี้ เพื่อรอเจรจากับผู้บริหารที่จะเดินทางมาจากกรุงเทพฯ โดยตำรวจได้เข้ามาดูแลความปลอดภัยป้องกันเหตุร้ายอย่างใกล้ชิด ขณะที่เจ้าหน้าที่ของสถานีได้เดินทางออกจากสำนักงานหมดแล้ว


สมาคมสื่อออกแถลงการณ์

 
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย มีแถลงการณ์กรณีปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เชียงใหม่ ใจความสำคัญว่า จากเหตุการณ์กลุ่ม  รักเชียงใหม่ 51 มาปิดล้อมและบุกเข้าไปในที่ตั้ง ศูนย์ข่าวภาคเหนือของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส พร้อมทั้งข่มขู่ว่าจะตัดน้ำ ตัดไฟ เพื่อไม่ให้ออกอากาศ ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่องค์กรสื่อถูกคุกคาม อันเป็นผลสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง ถึงแม้ว่าความไม่พอใจจะมาจากการเสนอข่าวแต่เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งไทยพีบีเอสย่อมต้องให้เวลาและโอกาสอยู่แล้ว จากเนื่องเพราะเป็นหลักปฏิบัติสากล ที่สื่อทุกแขนงจะต้องเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่ถูกพาดพิงชี้แจง อย่างรอบด้านและเป็นธรรม


วอนทุกฝ่ายยุติก่อเรื่องวุ่นวาย
 
ขอเรียกร้องให้ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และทุกกลุ่มที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเสนอข่าว ใช้ช่องทางที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อลดการเผชิญหน้ากันในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศชาติกำลังเผชิญกับความแตกแยกอย่างรุนแรง ไม่   สมควรอย่างยิ่งที่จะกระทำการใดอันจะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้นไปอีก ขอให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 หยุดการข่มขู่คุกคามสถานีโทรทัศน์ทันที และขอให้ไทยพีบีเอส ให้พื้นที่ เวลากับกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องกำกับดูแลมิให้เกิดเหตุรุนแรงเป็นอันขาด
 
นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวในขณะนี้ เข้าใจการทำงานของผู้สื่อข่าวและสื่อทุกแขนง ว่าทำตามหน้าที่มิได้มีเจตนาจะสนับสนุนหรือโจมตีฝ่ายใด ขณะเดียวกันในสถานการณ์ที่มีความอ่อนไหวเช่นนี้ ผู้สื่อข่าวควรปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เสนอข่าวอย่างรอบด้านและเป็นธรรม เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเป็นเงื่อนไขให้มีการก่อความรุนแรงขึ้นอีก


ผบ.เหล่าทัพประชุมนอกรอบ

 
ที่กองบัญชาการกองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าก่อนประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมผบ.เหล่าทัพนอกรอบ โดยมีพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ร่วมกันรับประทานอาหารและร่วมประเมินสถานการณ์บ้านเมือง นานประมาณ 1.30 ชั่วโมง


ห่วงโฟนอินกระทบสถาบัน

 
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า การพบปะกันของ ผบ.เหล่าทัพ เป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ทั่วไป ทั้งนี้กองทัพจะต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ เพราะห่วงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทางตำรวจ และทหาร จะสามารถดูแลควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองได้ ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไปหมิ่นสถาบันเบื้องสูงนั้นมองว่าเป็นการสร้างความอึดอัด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะออกมาลักษณะนี้
 
รายงานข่าวว่า ในที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าจะขอพึ่งพระบารมีและประชาชน เพราะการพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะเป็นการปลุกระดมมวลชน โดยทางผบ.เหล่าทัพ พยายามหาทางออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจนทำให้เกิดผลกระทบกับสถาบันและประเทศชาติ ขณะนี้กองทัพเตรียมที่จะประสานงานกับฝ่ายกฎหมาย และ สภาทนายความ เพื่อแกะข้อความการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน


กองทัพต้องเป็นหลักบ้านเมือง

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ ได้เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และในเวลา 13.00 น. ได้เรียกประชุมผู้บังคับกองพันทั่วประเทศจำนวน 200 กว่านาย ที่หอประชุมกิตติขจร โดยใช้เวลาประชุมจนถึงเวลา 16.30 น. ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ระบายความรู้สึกกับผู้บังคับหน่วยตอนหนึ่งว่า กองทัพบกได้รับแรงกดดันจากหลายฝ่ายมากเกี่ยวกับการแสดงบทบาททางการเมือง เราไม่สามารถอยู่ฝ่ายไหนได้ เพราะกองทัพจะต้องเป็นหลัก และจะต้องไม่ทำให้กองทัพเสื่อมศรัทธา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายพยายามดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ของตัวเอง กองทัพยอมไม่ได้


มีเอกภาพ-สร้างความมั่นใจ
 
ที่สำนักเลขานุการกองทัพบก เวลา 18.00 น. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า ที่ประชุมได้พูดถึงเอกภาพของกองทัพจะช่วยแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยผบ.ทบ. ได้แสดงทรรศนะว่าความแตกต่างทางความคิดทำได้ แต่ต้องเคารพความเห็นของแต่ละบุคคล และกำชับกำลังพลทุกคนกระทำตนเป็นตัวอย่างเรื่องความสามัคคี ตระหนักความเป็นเอกภาพของกองทัพ และเน้นย้ำให้กำลังพลทุกคนตั้งใจและยึดมั่นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม


คำนึงประโยชน์สูงสุดของชาติ
 
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า โดยกองทัพมีจุดยืนเดิม คือ การวางตัวในลักษณะที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และได้กำชับผู้บังคับกองพันให้ความสำคัญต่อการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันในทุกโอกาส ส่วนกรณีที่มีบุคคลหมิ่นสถาบัน หากทหารมีข้อมูลกำลัง พลก็มีความสามารถที่จะปกป้องสถาบันได้อยู่แล้ว ส่วนกระแสที่เรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ รัฐประหารนั้นคงต้องมองที่ประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นหลัก ที่ผ่านมามีข้อมูลถ้อยคำกดดันที่ส่งเข้า    มามีอยู่จริง แต่ พล.อ.อนุพงษ์ ขอให้ทุกคน ยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนการหารือของผบ.เหล่าทัพ เป็นการประเมินสถานการณ์หลังจากวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีความพอใจและสารวัตรทหาร 50 นายก็ยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
 
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่กองทัพนำกำลังสารวัตรทหารมาดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่าง ๆ ว่า ตนรู้สึกเสียใจที่กองทัพได้ส่งกำลังสารวัตรทหารมาคุ้มกันปกป้องพันธมิตรฯ อยากถามว่าทำเพื่ออะไร เพราะตามกฎหมายกลุ่มพันธมิตรฯนั้นเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย ตนอยากให้ ผบ.เหล่าทัพ ตัดสินใจในสถานการณ์ขณะนี้ให้ดี ในการดูแลปกป้องบ้านเมืองในทางที่ถูกต้องและให้ความเป็นธรรม


ส.ส.พปช.เยี่ยมแม้วที่ฮ่องกง

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มส.ส.พลังประชาชนส่วนหนึ่ง อาทิ นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ส.ส.ขอนแก่น นายพ้อง ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ส.ส.  ขอนแก่น และนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ เดินทางไปเยี่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง โดยนายประจักษ์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฮ่องกงว่า ตนเดินทางมาฮ่องกงเพื่อท่องเที่ยวเป็นการส่วนตัว แต่เจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งจึงได้นั่งพูดคุยกัน โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชน เตรียมที่จะยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแต่อย่างใด แต่มีการพูดคุยเรื่องสถานการณ์การเมืองบ้างเล็กน้อย โดยในวงสนทนาได้วิเคราะห์กันว่าการเมืองในขณะนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแล้ว
 
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทราบเรื่องที่ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนบางคนเตรียมที่จะดำเนินการยื่นฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความหวังว่าจะกลับเมืองไทย โดยได้กำชับให้ส.ส.ในพรรคพลังประชาชนมีความสามัคคี ช่วยกันประคับประคองกันให้ดีอย่าให้เกิดความแตกแยกกัน


พันธมิตรฯขู่ปิดสภาอีกรอบ

 
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า ตามที่มี ส.ส.พรรคพลังประชาชนบางส่วนมีแนวคิดที่จะล่ารายชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม ส่วนการนำเทปการโฟนอินมาออกอากาศซ้ำก็ไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องเปราะบาง และในกลางสัปดาห์นี้จะมีการนำเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าพิจารณาในสภา ดังนั้น ภายใน 1-2 วัน แกนนำพันธมิตรฯจะประชุมเพื่อประเมินและกำหนดแนวทางการชุมนุม ซึ่ง  เป็นไปได้ว่าจะมีการปิดสภา เรามีจุดยืนที่จะไม่สังฆกรรมกับ ส.ส.ร.3 เพราะเราเห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่อยู่ที่รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมมากกว่า.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์