เชียงใหม่แดงเดือด ยึดทีวีไทย ปิดล้อม-ขู่ตัดน้ำไฟ


ฉุนข่าวจ้างม็อบ ตร.ชี้โจ๋เหยื่อปืน ไม่มีอาวุธในรถ ขออนุญาตพธม. เปิดเส้นทางเสด็จ

ตร.นางเลิ้งยันโจ๋ที่ขับรถเก๋งหลงเข้าไปที่มัฆวานจนถูกยิงบาดเจ็บนั้นไม่มีใครพกปืน สอบแล้วคนขับวนเข้าไปเจอบังเกอร์ก็โมโหชูนิ้วกลางให้การ์ดพันธมิตร จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลาย นัดโดนคนขับเจ็บสาหัส-รถเก๋งพรุน พฐ.เก็บหัวกระสุน.38 ไปตรวจสอบแล้ว แกนนำพันธมิตรอ้างการ์ดโดนยิงใส่ก่อนเลยต้องยิงตอบโต้ ชี้ทักษิณไม่มีสิทธิ์ขออภัยโทษ ด้านรองผบช.น.วอนพันธมิตรเปิดถนนราชดำเนินเพราะจะมีขบวนเสด็จ ตร.ต้องจัดแผนถวายอารักขาเส้นทางเสด็จให้สมพระเกียรติ หากแกนนำอนุญาตก็จะทำหนังสือขอบคุณส่งกลับไปให้ทันที หากไม่อนุญาตก็จะเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นรับเสด็จแทน น.ร.ราชวินิตเผยชินแล้วเรื่องม็อบพันธมิตรปิดถนน ตร.เผยวันแรกโรงเรียนเปิดครบรถติดวินาศ ด้านม็อบเสื้อแดงบุกล้อมสำนักงานทีวีไทยที่เชียงใหม่ ฉุนเสนอข่าวกล่าวหาม็อบนปช.โดนจ้างไปราชมังคลาฯ จี้ผู้บริหารต้องออกมาชี้แจงและขอโทษ

-เมืองกรุงป่วนรถติดหนัก

เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีสห.ทบ. สห.ทอ. และสห.ทร. จำนวน 4 นายเฝ้าดูสถานการณ์แยกพระบรมรูปทรงม้า โดยระบุว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาร่วมเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา รวม 5 จุด มีแยกประชาเกษม แยกจปร. แยกนาง เลิ้ง แยกพระบรมรูป และแยกเทวกรรม เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนกำลังมาปะทะกัน ซึ่งตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ส่วนการจะถอนกำลังนั้นทางผู้บังคับ บัญชาจะประชุมสรุปในเช้าวันนี้ รอคำสั่งอยู่

เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรประจำจุดแยกพระบรมรูประบุว่า ในเช้าวันนี้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นวันที่โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกแห่งเปิดเทอมหมดแล้ว อีกทั้งการ์ดพันธมิตรได้ปิดถนนเพิ่มขึ้นจากเดิมหลังเกิดเหตุปาระเบิดที่สะพานมัฆ วานฯ ทำให้รถเพิ่มปริมาณมากกว่าช่วงสัปดาห์ก่อนมาก เคลื่อนตัวได้ช้าสลับหยุดนิ่ง

-นร.ต้องไปเรียนแต่เช้ามืด

เด็กนักเรียนหญิง ชั้น ม.4 ของโรงเรียนราชวินิต มัธยมฯ ที่เดินทางไปเรียนหนังสือพร้อมมารดา กล่าวว่า ดีที่ตามแม่มาแต่เช้ามืด ไม่ต้องทนรถติดเหมือนเพื่อนนักเรียนคนอื่น เพราะโรงเรียนอื่นตลอดจนมหา วิทยาลัยเปิดเรียนพร้อมกันหมดวันนี้ ที่โรงเรียนก็มีการพูดคุยกันเรื่องการชุมนุมของพันธมิตรบ้าง แต่ไม่ให้ความสำคัญ ชินแล้วที่จะต้องเดินเท้าเข้าไปเรียนหนังสือกัน

"ในห้องเรียนครูอาจารย์ก็แบ่งฝ่ายกัน ครูบางคนก็เชียร์พันธมิตร ครูบางคนก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพันธมิตร ครูที่เชียร์พันธมิตรเคยเอาเรื่องนี้มาพูดตอนสอนหนังสือ ก็มีนักเรียนที่ไม่เห็นด้วย จะแสดงความคิดเห็นแย้งกันไปมาจนหมดชั่วโมงบางครั้ง แต่โดยสรุปทุกคนรู้สึกชินแล้วกับการชุมนุม"

สำหรับความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ในส่วนรับผิดชอบของบช.น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ คดีหมิ่นเบื้องสูงที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ตกเป็นผู้ต้อง หานั้น ทนายความขอเลื่อน โดยจะมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนที่สน.นางเลิ้งในวันที่ 8 พ.ย. เวลา 14.00 น.

-ตร.รู้ตัวแล้วมือยิงโจ๋หลงทาง

เวลา 11.10 น. ที่บช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก สน. นางเลิ้ง กรณีมีวัยรุ่นถูกอาวุธปืนยิงรถเมื่อคืนวันที่ 2 พ.ย. เวลา 02.30 น. ว่า กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสภาพรถที่ถูกยิงอยู่ มีนายจรูญ ผู้ขับขี่มีผู้โดยสารมาในรถอีก 3-4 คน หลังกลับจากไปเที่ยวดื่มกินที่ถนนข้าวสาร ท้องที่สน.ชนะสงคราม ขับรถกลับจะเข้าถนนราชดำเนิน ผ่านแยกวิสุทธิกษัตริย์เมื่อถึงแยก จปร.จะตรงไปทางมัฆวานฯ คิดว่าจะเลี้ยวขวาไปทางผดุงกรุงเกษมได้ แต่ทางพันธมิตรวางแนวยางรถยนต์ยืดออกไปถึงหน้าสนามมวยราชดำเนิน โดยวางยางรถยนต์ไว้แบบห่างๆ จึงขับรถซิกแซ็กเข้ามาติดที่สะพานมัฆวานฯ จึงขับรถย้อนกลับ ระหว่างนั้นมีปากเสียงกัน โกรธว่ามาปิดเส้นทางไปไม่ได้ จึงชูนิ้วกลางให้ก่อนเลี้ยวรถกลับ ทำให้ถูกยิงไล่หลังไป 6-7 นัด นายจรูญถูกกระสุนที่ไหล่ขวาบาดเจ็บ รักษาตัวที่ร.พ.วชิระ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบวงจรปิดทั้งหมดอยู่เพื่อหาแนวทางติดตามจับกุมคน ร้าย ขณะนี้สาเหตุเรารู้หมดแล้ว กลุ่มก็ชัดเจน เหลือแต่ตัวบุคคล ต้องดูวงจรปิดก่อน

พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ได้รับรายงานจากพฐ.และร้อยเวรว่าพบหัวกระสุนปืนขนาด .38 ในรถคันดังกล่าว แสดงว่าถูกยิงมาจากด้านนอก ส่วนเหตุการณ์คนถูกยิงตายด้านหลังบช.น.นั้น วิถีกระสุนบอกว่ายิงจากไหนไปไหน ขอละไว้ในสำนวนไม่เปิดเผย ภาพวงจรปิดเห็นว่ายิงมา 4-5 นัด คนตายวิ่งหลบต้นไม้โยกไปโยกมา ถือว่ายิงแม่น ยิงเมื่อไหร่ก็โดน

-ตร.จี้พธม.เปิดเส้นทางเสด็จฯ

พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ส่วนเรื่องจราจรนั้น พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. ฝากประชา สัมพันธ์ว่า วันนี้เป็นวันแรกเปิดการเรียนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ตำรวจต้องฝากวิงวอนประชาชนว่าต้องปรับเวลาในการออกจากบ้าน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ฝั่งธนฯ ต้องใช้สะพานพระราม 8 ปัจจุบันต้องไปใช้เส้นทางรองแทนถนนราชดำเนิน ทำให้รถต้องชะลอมากทั้งเช้าและเย็น เนื่องจากถนนราชดำเนินมีปัญหาถูกปิดแบบนี้ ประชาชนต้องทดเวลาเดินทางได้ ตำ รวจได้รับการร้องเรียนมามาก

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า บช.น.ได้รับการสอบ ถามมากเรื่องการเตรียมเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเนื่องในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 14 พ.ย. ปัญหาคือกลุ่มพันธมิตรปิดถนนราชดำเนินในช่วงมัฆวานฯ ต่อเนื่องถึงลานพระรูปทรงม้า เดิมแกนนำพันมิตรประชุมมีมติจะอนุญาตให้ทางราชการใช้ถนนราชดำเนินเพื่อใช้เป็นเส้นทางเสด็จฯ วันนี้ต้องถามกลับว่าตกลงจะให้หรือไม่ให้ ถ้าให้ต้องรีบให้เพื่อทางราชการจะได้เตรียมความพร้อม กทม.จะได้ปรับสภาพ การจะให้เพียงแค่ช่องกลางแต่คงเต็นท์ไว้ด้านข้าง มีการ์ดมีกองยางรถยนต์ไว้อยู่ คงพิจารณาใช้เป็นเส้นทางเสด็จฯ ไม่ได้ ทั้งนี้ เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินต้องสะดวก ปลอดภัย และสมพระเกียรติ จะมาให้เส้นทางเมื่อใกล้เวลาไม่ได้ทำให้ปรับพื้นที่ไม่ทัน เส้นทางเสด็จฯ จากพระตำหนักไปสนามหลวงเพื่อประกอบพิธีต้องมีความสง่าราศี

-ถ้าพธม.อนุญาตจะขอบคุณมาก

"ฝากทวงถามด้วยว่าจะอนุญาตให้ทางราชการได้ใช้หรือไม่ ถ้าอนุญาตก็รีบดำเนินการ ผมจะทำหนัง สือขอบคุณไป ถ้าไม่อนุญาตต้องชัดเจนจะได้คิดอ่านอย่างอื่น ถ้าอนุญาตต้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันเส้นทางเสด็จฯ ต้องสะดวก ปลอดภัย และสมพระเกียรติพระองค์ท่าน แม้จะมีการเตรียมเส้นทางเสด็จฯ สำ รองไว้ก็ตาม ถนนนี้ชื่อว่าถนนราชดำเนิน ราชคือราชะ ราชาเสด็จฯ เป็นเส้นทางที่พระเจ้าอยู่หัวพระ ราชาเสด็จฯ แม้ผมไม่ใช่นักอักษรศาสตร์ แต่ยืนยันฟันธงตรงนี้ ส่วนเส้นทางสำรองจะต้องหารือกับหลายฝ่าย" พล.ต.ต.อำนวยกล่าว

รองผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าของการสอบ สวนเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. ว่า มีการสอบปากคำไว้หลายปากทั้งประชาชนและตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทั้งหมดเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่มีการแยกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ส่วนที่แกนนำพันธมิตรคนหนึ่งระบุได้เอาสิ่งสก ปรกผ้าอนามัยไปแก้เคล็ดที่ฐานพระบรมรูปทรงม้านั้น พล.ต.ต.อำนวย ปฏิเสธที่จะตอบ บอกเพียงแค่ไม่รู้ ไม่รู้ เรื่องนี้ยังไม่รู้ แล้วรีบเดินกลับสำนักงานทันที

-จับตา 2 โรงเรียนใกล้ทำเนียบ

พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร. กล่าวว่า สภาพการจราจรทั่วพื้นที่กทม.ยังเคลื่อนตัวได้ ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกด้านการจราจรทั่วพื้นที่ กทม.กว่า 200 นาย ใช้มาตรการในชั่วโมงเร่งด่วน เปิดการจราจรเต็มช่องทางในช่วงขาเข้า พร้อมเปิดให้รถส่วนบุคคลวิ่งเข้าบัสเลนได้ในถนนบางเส้นเพื่อความคล่องตัว สำหรับพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงคือ ย่านสามเสนและสาทร เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงเรียนจำนวนมากตามตรอกซอยเฉพาะย่านสามเสนมีทั้งสิ้น 14 โรงเรียน ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั้งสิ้น 50 นาย โดยการจราจรเช้าวันนี้พบว่าด้านหน้าร.ร.เซนต์ คาเบรียล ติดขัดมากที่สุด อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือผู้ปกครองใช้เวลารับส่งบุตรหลานหน้าโรงเรียนให้เร็วที่สุด อย่านำอุปกรณ์การเรียนไว้ท้ายรถ แต่ให้นำติดตัวไว้เพื่อความรวดเร็วในการรับ-ส่ง

นายนพดล สะวิคามิน ผอ.เขตดุสิต กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้จุดชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรนั้นมี 2 แห่ง ประกอบด้วยร.ร.เบญจม บพิตร และโรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร ซึ่งทางเขตได้ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งวันที่มีการเรียนการสอน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นนั้น ผอ.โรงเรียนมีอำนาจสั่งปิดเรียนได้ทันที

- มหาชี้อภัยโทษแม้วจะวุ่นวาย

เวลา 10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตร ร่วมกันแถลงข่าว โดยพล.ต.จำลอง กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจากับรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานมาจากรัฐบาล คิดว่ารัฐบาลน่าจะยุ่งอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้ หากรัฐบาลสะดวกจะเข้ามาเจรจาเมื่อไหร่เราก็พร้อม ส่วนการเจรจาที่เกิดขึ้นจะหาทางออกได้หรือไม่นั้น คิดว่าต้องมีการเจรจาก่อน อีกทั้งตอนนี้เกิดการแบ่งฝ่ายกันมาก ซึ่งผลที่ตามมาอาจสร้างผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชาชนกำลังเดินเรื่องขออภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน พล.ต.จำลองกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรยังไม่มีการประชุมในเรื่องนี้ ต้องให้เรื่องดังกล่าวชัดเจนก่อน แต่คิดว่าผู้ที่กระทำผิดต้องว่าไปตามผิด ทั้งนี้หากให้ผู้กระทำผิดเรียกร้องอาจเกิดความวุ่นวายตามมา รวมทั้งอาจทำให้กระบวนการยุติธรรมดูไม่มีความหมาย ซึ่งขณะนี้มีความพยายามจะแก้ไขความผิดให้เป็นถูกอยู่ ซึ่งต้องรอให้พรรคพลังประชาชนทำเรื่องขออภัยโทษก่อน ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่พรรคพลังประชาชนบอกจะทำและไม่ดำเนินการอะไร

-ยันการ์ดพธม.ทำตามหน้าที่

เมื่อถามว่า กรณีมีวัยรุ่นขับรถหลงเข้าไปที่สะพานมัฆวานฯ แล้วโดนไล่ยิงจนมีผู้บาดเจ็บนั้น พล.ต. จำลอง กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ว่ากลุ่มใดเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงก่อน โดยวันเกิดเหตุมีผู้บุกเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม เพื่อสร้างความปั่นป่วน ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรจึงต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งเราไม่กังวลเพราะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ด้านนายพิภพ กล่าวว่า ตามหลักพันธมิตรไม่มี นโยบายให้พกพาอาวุธปืนในพื้นที่ชุมนุม ส่วนที่เอ็นบีทีจะนำภาพโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ มาออกอากาศซ้ำนั้น กลุ่มพันธมิตรไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นสถานีโทรทัศน์ที่มาจากภาษีของประชาชน จึงไม่ควรให้บุคคลที่อยู่ในฐานะนักโทษออกมาชี้แจงความผิด ถ้ารัฐบาลยอมให้ออกอากาศการโฟนอินซ้ำ จะถือเป็น การโต้คำพิพากษาของศาล จะทำลายกระบวนการยุติ ธรรมและสร้างความร้าวฉาน และถือเป็นการทำผิดกฎ หมาย ตั้งแต่ผู้ดำเนินรายการ สถานีโทรทัศน์และรัฐ บาลเอง

-พิภพโวยแม้วจะยึดประเทศอีก

นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนที่ส.ส.พรรคพลังประชา ชนจะขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณนั้น คิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำผิดหลักการและขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษเพราะการอภัยโทษนั้นจะทำในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา และผู้ที่จะขอพระราชทานอภัยโทษนั้นต้องสำนึกผิดและยอมรับโทษ แต่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมรับผิดและยังหลบหนีไปนอกประเทศ ไม่ยอมต่อสู้คดี และยังกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งไม่ให้ความเป็นธรรม สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำนั้น ลึกๆ อาจจะไม่ต้องการได้รับการพระราชทานอภัยโทษจากใจจริง แต่ทำอย่างนี้เพื่อผลักภาระให้สถาบันอย่างเห็นแก่ตัว สร้างความแตกแยกให้สังคม เพื่อหวังจะกลับมาครอบครองประเทศใหม่อีกรอบ

นายพิภพ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังใช้ยุทธวิธีแบบตีล้อมเมือง วางตัวแทนไว้ทุกกลไกทั้งในรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญนิรโทษกรรมและโจมตีศาล ขณะเดียวกันปลุกระดมมวลชน ตรึงทหารให้ไม่กล้าทำรัฐ ประหาร เพื่อเป้าหมายคือการกลับมายึดประเทศอีกครั้ง ในสถานการณ์เช่นนี้ทหารต้องใช้เครื่องมือเพื่อสร้างความถูกต้องในบ้านเมืองโดยเฉพาะใช้สื่อเผยแพร่ความร้ายกาจของพ.ต.ท.ทักษิณให้ประชาชนทราบ

-ด่า"โคทม-น.พ.วันชัย"สร้างภาพ

นายพิภพ กล่าวว่า ส่วนจะหาทางออกด้วยกระ บวนการราชประชาสมาศัยนั้น พ.ต.ท.ทักษิณต้องรับผิดก่อน เพราะแนวทางราชประชาสมาศัย เกิดขึ้นครั้งแรกหลังเหตุการณ์ 14 ต.ค.เป็นการระดมราษฎรมาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการอภัยโทษให้ใคร จอมพลถนอม กิตติขจร ยังถูกยึดทรัพย์ จนบัดนี้ยังไม่ได้รับคืน ดังนั้น แม้จะใช้หนทางราชประชาสมาศัย พ.ต.ท. ทักษิณต้องมารับโทษก่อนไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

นายพิภพ กล่าวถึงกระบวนการสานเสวนาซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วยว่า การสานเสวนาแบบนี้สุดท้ายจะเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เพราะรัฐเป็นฝ่ายเริ่มต้นความรุนแรงจะยุติความรุนแรงได้อย่างไร การสานเสวนาโดยไม่พูดความจริงที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ต.ค. ไม่มีทางแก้ปัญหา ผู้นำแนวคิดนี้ ไม่ว่า นาย โคทม อารียา และ น.พ.วันชัย วัฒนศัพท์ เป็นคนที่ไม่พูดความจริง มีแต่แสดงภาพว่าเป็นคนมีศีลธรรม แต่ทอดทิ้งต้นเหตุที่เป็นปัญหา ทำให้การสานเสวนาไม่สำเร็จ การสร้างสมานฉันท์นั้นต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากทำผิดกฎหมายต้องให้ศาลตัดสิน ไม่ใช่ให้ลืมอดีตทั้งหมด กระบวนการแบบนี้ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำกัน

-ยุวรัตน์โต้ไม่ได้ซื้อเวลาให้รัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการสลายการชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค. ที่เดิมมีกำหนดการจะประชุมที่บ้านมนังคศิลา ในวันที่ 3 พ.ย. เวลา 14.00 น. แต่จากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทราบว่า คณะกรรมการ ได้เลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 13 พ.ย. นี้ เวลา 14.00 น.

นายยุวรัตน์ กมลเวชช คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อ 7 ต.ค. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่อนุกรรมการแต่ละชุดรวบรวมข้อมูล จะส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านอาวุธให้ความเห็น แล้วจึงให้คณะกรรมการชุดใหญ่บันทึกเรื่องราวทั้งหมด กรรมการชุดนี้ไม่มีหน้าที่ชี้ว่าใครผิดใครถูก แต่จะบันทึกว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร มีผู้บาดเจ็บกี่คน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้นมีสายบังคับบัญชาอย่างไร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ ตำรวจจะถือแก๊สน้ำตายิงประชาชนได้ด้วยตัวเอง ต้องมีการสั่งการ

"ยืนยันว่าการทำงานของคณะกรรมการไม่ได้ซื้อเวลาให้รัฐบาล เวลา 15 วัน ที่กำหนดไว้ตอนแรกไม่ทันอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้มีรายละเอียดมาก ที่สำคัญกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจเรียกใครมาสอบสวน จึงไม่สามารถชี้ถูกชี้ผิดได้ เราจะไม่ทำเกินขอบเขตอำนาจ ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย" นายยุวรัตน์กล่าว และว่า หน้าที่ของกรรมการชุดนี้ คือ บันทึกจดหมายเหตุวันที่ 7 ต.ค. 51 ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนกับจดหมายเหตุพระเจ้าเอกทัศน์ หรือพระนเรศวร ไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่จะป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต

-ช่างสิบหมู่ตรวจฐานพระรูป

ส่วนความคืบหน้ากรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวางเรื่องที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธ มิตรปราศรัยบนเวทีว่า มีคนทำคุณไสยรอบพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 โดยนายสนธิยังระบุว่า มีการนำโกเต๊กหรือผ้าอนามัยเปื้อนประจำเดือนผู้หญิง 6 อัน ไปวางรอบฐานพระบรมรูปเพื่อแก้ไขนั้น วันเดียวกัน นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นตนยังไม่ทราบเรื่องราวที่ชัดเจน และไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว เนื่องจากบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนพระบรมรูปทรงม้าเป็นโบราณสถาน แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ทางสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ในฐานะที่รับผิดชอบพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 จะไปตรวจสอบที่บริเวณพระ บรมรูปทรงม้า เพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงถึงเรื่องการทำ คุณไสยที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้าเพื่อแก้เคล็ด

-ผบ.ตร.สั่งจัดตั้งศูนย์ความมั่นคง

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มีคำสั่ง สตช.ที่ 730 ลง 31 ต.ค. จัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ร่วมของตำรวจ เพื่อให้การติดตามสถานการณ์และการให้ข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติการข่าวสาร จึงให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตร. ตร.) มีผบ.ตร.เป็นประธาน ประกอบด้วย คณะที่ปรึก ษาผู้ทรงคุณวุฒิ ตามที่ สตช.แต่งตั้ง คณะที่ปรึกษาในส่วนของสตช.มีผู้ช่วยผบ.ตร.(งานบริหาร 11) เป็น ประธาน ส่วนบังคับบัญชา มีรองผบ.ตร.(งานความมั่นคงและกิจการพิเศษ) เป็น ผอ.ศูนย์, รอง ผบ.ตร. (มั่นคงและกิจการพิเศษ 2) เป็นรองผอ.ศูนย์ กรรม การประกอบด้วย ผบช.น. ผบช.ภ.1-9 เจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย ผบก.กองพัฒนาการป้องกันและควบ คุมอาชญากรรม ผบก.กองพลาธิการและสรรพาวุธ ผบก.กองวิจัยและพัฒนา ผบก.กองสารนิเทศ ผบก. กองสวัสดิการ ผบก.กองตำรวจสื่อสาร ผบก.ศูนย์ปฏิบัติการ สตช.

มีอำนาจหน้าที่ติดตามตรวจสอบและประเมินแนวโน้มสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบ ร้อยของประชาชนและเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เสนอแนะผบ.ตร. และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการวางแผน เตรียมการ และจัดหน่วยงานเพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ศตร.ตร.ตั้งอยู่ชั้น 20 อาคาร 1 สตช.

-ตร.ย้ำการ์ดพธม.ห้ามพกปืน

วันเดียวกัน พ.ต.ท.มานะ เผาะช่วย ในฐานะประธานชมรมพนักงานสอบสวน กล่าวถึงการพกพาอาวุธ ว่า ตามกฎหมายอาญา อาวุธหมายถึง สิ่งที่ทำขึ้นเพื่อใช้ในการทำร้ายโดยเฉพาะ เช่นปืน มีด ดาบ หอก เป็นต้น และรวมถึงสิ่งซึ่งไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ เช่น ไม้กอล์ฟ ไม้เบสบอล คันธง ฯลฯ แต่ได้ใช้หรือมีเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธ ตาม ป.อาญา ม.371 "ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท และศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น"

สำหรับอาวุธปืน ตามกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ คือ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม.8 ทวิ ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เว้นแต่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ไม่ว่ากรณีใด ห้ามมิให้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น เพื่อนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพ หรือการอื่นใด

ซึ่งนายทะเบียนอาวุธปืนจะเป็นผู้ใดนั้น ม.22 บัญญัติว่า ให้เจ้าพนักงานต่อไปนี้ มีอำนาจออกใบอนุญาตให้แก่บุคคลที่ได้รับในอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน มีอาวุธปืนติดตัวไปได้ตามความที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้ 1.อธิบดีกรมตำรวจ สำหรับ กทม.และทั่วราชอาณาจักร 2.ผู้ว่าราชการจังหวัด เฉพาะภายในเขตจังหวัดตน และเฉพาะผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้น

พ.ต.ท.มานะ กล่าวอีกว่า สิ่งซึ่งเป็นอาวุธโดยสภาพ ยกเว้นอาวุธปืน กฎหมายไม่ให้อำนาจผู้ใดที่จะออกใบอนุญาตแก่ผู้อื่นพกพาอาวุธได้อย่างเด็ดขาด ส่วนอาวุธปืน ผู้มีอำนาจในการออกใบอนุญาตประเภท ต่างๆ เช่น การมีไว้ในความครอบครอง (ใบอนุญาต แบบ ป.4) การพกพาติดตัวไป (ใบอนุญาตแบบ ป.12) ต้องเป็นนายทะเบียนอาวุธปืน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ดังนั้น การที่มีบุคคลใดประกาศว่าจะออกใบอนุญาตให้ผู้อื่นพกพาอาวุธจึงไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้

-เสธ.แดงสงสัยจุดยืนกองทัพ

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจที่พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ส่งกำลังสารวัตรทหารจาก 3 เหล่าทัพมาคุ้มกันปกป้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรรอบทำเนียบรัฐบาล อยากถามว่าทำเพื่ออะไร เพราะตามกฎหมาย นายสนธิ และกลุ่มพันธมิตรเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย เข้ามายึดทำเนียบรัฐบาลอันเป็นสถานที่ของรัฐบาล

"ข้องใจจริงๆ คนทำผิดกฎหมาย กองทัพกลับส่ง เจ้าหน้าที่ไปคุ้มกันดูแล ทหารมีภารกิจมากมาย ต้องเหนื่อยในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ปกป้องอธิป ไตย แต่นี่มันเป็นเรื่องของคนทำผิดแต่เจ้าหน้าที่กลับให้การดูแล แล้วบ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น" พล.ต. ขัตติยะกล่าวและว่า การทำอย่างนี้จะทำให้พวกการ์ดพันธมิตรยิ่งได้ใจเหิมเกริมทุกวัน

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า อยากให้ผบ.เหล่าทัพ ตัด สินใจในสถานการณ์ขณะนี้ให้ดี ดูแลปกป้องบ้านเมืองในทางที่ถูกต้องและให้ความเป็นธรรม คนที่ทำผิดเป็นกบฏ แต่ได้รับการดูแลเหมาะสมหรือไม่ แต่อย่าได้ใจไปเพราะขณะนี้ประชาชนหลายกลุ่มกำลังจองกฐินการ์ดพันธมิตรอยู่ เริ่มสงสัยในจุดยืนกองทัพ เพราะหากเป็นเช่นนี้กังวลเกรงว่าจะเป็นตัวจุดชนวนให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ อย่าลืมว่าคนที่จ้องเล่นงานมีเยอะ และพลังประชาชนสีแดงก็แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนมากขนาดไหน

-ทหารถอนกำลัง 17 กองร้อย

ที่สำนักเลขานุการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ถึงการหารือระหว่างผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เช้าวันนี้ว่า เป็นการหารือเพื่อประเมินผลการสนธิกำลัง ระหว่างทหารและตำรวจ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งกันระหว่างคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน เป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เป็นที่น่าพอใจของผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร. โดยจะใช้แนวทางดังกล่าวในการปฏิบัติงานต่อไป โดยกองทัพจะออกมาช่วยงานในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ไม่ได้กำหนดเวลาเรื่องการสนธิกำลังระหว่างทหารและตำรวจ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการประชุมในลักษณะนี้จะไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า ส่วนการทำงานให้ยึดถือแนวทางเดิม ขณะนี้ทหารสารวัตรจาก 3 เหล่าทัพ จำนวน 50 นาย ยังปฏิบัติหน้าที่บริเวณ 5 จุดสำคัญได้แก่แยก จปร. เทวกรรม นางเลิ้ง ลานพระ รูป ประชาเกษม ขณะที่กองรักษาความสงบเรียบร้อย จำนวน 17 กองร้อย ได้ถอนกลับที่ตั้งหมดแล้ว หลังจากออกไปดูแลสถานการณ์หลังเวลา 06.00 น. ของวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา

-เสื้อแดงจันท์ประท้วงทีโอที

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงาน ทีโอที สาขาจันทบุรี ถนนพระยาตรัง อ.เมืองจันทบุรี กลุ่มเสื้อแดง นปช. จันทบุรี จำนวน 50 คนนำโดยนายสำเริง ประจำเรือ สมาชิกอบจ.เขต1 และนายประมวล เธียรประดิษฐ์ พ่อค้าพลอยเมืองจันท์ คนสนิทของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี นำจดหมายเปิดผนึก พร้อมพวงหรีดสีดำ ยื่นให้แก่นายสุธา ภาคการ ผู้จัดการส่วนบริการลูกค้าบริษัททีโอที สาขาจันทบุรี เพื่อประท้วงถึงกรณีที่พนักงานบริษัท ทีโอทีใช้มือตบไล่ และเอารองเท้าปาใส่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดูถูกและเหยียดหยาม และขอประณามการกระทำครั้งนี้

โดยนายสุธา ภาคการ ผจก.บริษัททีโอที ออกมาชี้แจงว่าทีโอทีจันทบุรีไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทำการดังกล่าว เป็นพันธมิตรคนนอก ไม่ใช่พนักงานบริษัททีโอที กลุ่มเสื้อแดงจึงวางพวงหรีดที่หน้ารั้วบริษัททีโอทีแล้วเดินทางกลับไป จากนั้นกลุ่มเสื้อแดงเดินทางมุ่งหน้าที่กองกำกับการ ตชด.11 (ค่ายบดินทรเดชา) อ.มะขาม นำดอกกุหลาบสีแดงไปมอบให้แก่พ.ต.อ. เรืองศักดิ์ อยู่เมี่ยง ผกก.ตชด.11 เพื่อให้กำลังใจที่ตำรวจตชด. มี หน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน

-นปช.เชียงใหม่ฮือล้อมทีวีไทย

เวลา 11.00 น. มีกลุ่มเสื้อสีแดง หรือกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 จำนวน 300 คนนำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล พร้อมรถขยายเสียงเดินทางมาปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยทีบีเอส (ทีวีไทย) ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 91 หมู่ 4 ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และกลุ่มเสื้อแดงหรือกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ได้ใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีสื่อทีวีสาธารณะอย่างรุนแรง และได้บุกเข้าไปข้างในบริเวณพื้นที่ของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว ห้ามไม่ให้พนักงานทีวีสื่อสาธารณะบางส่วนที่ติดอยู่ในอาคารชั้นเดียวและในบริเวณรอบๆ ในสถานีออกจากรั้วของสถานี โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ของโทรทัศน์ดังกล่าวมีประมาณ 20 คน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันทรายเชียงใหม่ นำโดยพ.ต.อ.ชัยวัฒน์ พรหมสุข ผกก.ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบมารักษาความสงบครั้งนี้จำนวน 50 นาย โดยมีโล่และอาวุธกระบองพร้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อสีแดง ได้เรียก ร้องให้ผู้บริหารโทรทัศน์ดังกล่าว คือนายเทพชัย หย่อง ออกมาชี้แจงนำหลักฐานมาแสดงและมาขอ โทษกรณีที่สถานีเสนอข่าวเมื่อคืนที่ผ่านมา 2 พ.ย.51 ระบุว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจากเชียงใหม่รับเงินค่าจ้างจากนักการเมืองท้องถิ่นรายละ 2,000-3,000 บาท เพื่อไปร่วมงานความจริงวันนี้ ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา

-ฉุนกล่าวหาเสื้อแดงรับเงิน

โดยทางพนักงานไทยทีบีเอสประจำจังหวัดเชียง ใหม่ได้พยายามชี้แจงแต่กลุ่มคนรักเชียงใหม่ไม่ฟัง เรียกร้องให้ผู้บริหารไทยทีบีเอสจากกรุงเทพฯเดินทางมาเจรจาชี้แจงอย่างเดียว และนำเต็นท์จำนวน 3 เต็นท์ รวมทั้งได้ประสานรถสุขาจากเทศบาลตำบลสันทรายมาสนับสนุนในครั้งนี้ด้วย เพื่อรอผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าวมาชี้แจง

กลุ่มแกนนำคนรักเชียงใหม่กล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมรับเงินคนละ 2-3 พันไปรวมชุมนุมที่กรุงเทพฯ และจะไม่ยอมเจรจาผู้บริหารสถานีคนใดนอกจากนายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเพียงคนเดียวเท่านั้น และจะปักหลักชุมนุมบริเวณดังกล่าวจนกว่าจะได้ตามความต้องการ และยังเรียกร้องให้นำตัวนักข่าว และผู้เสนอข่าวให้ออกมาชี้แจง พร้อมออกมาขอโทษกลุ่มเสื้อแดงผ่านสื่อมวลชนทุกสื่อ โดยให้เวลาภายในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ หากนายเทพชัย ยังไม่ยอมลงมาเจรจาก็จะตัดน้ำตัดไฟในทันที และหยุดไม่ให้สถานีแห่งนี้ดำเนินการส่งข่าวสาร

-โซ่ล็อกประตู-รอ"เทพชัย"มาแจง

เวลา 18.00 น. กลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ยังคงล้อมสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จ.เชียงใหม่ นำโซ่มาคล้องประตูจนกว่านายเทพชัย หย่อง จะเดินทางมาเชียงใหม่และมาขอโทษ จึงจะยอมให้เปิดสำนักงานสาขาที่เชียงใหม่ต่อไป โดยแกนนำกล่าวว่า หากผู้บริหารยังไม่เดินทางมาชี้แจงและขอโทษชาวเชียงใหม่ ก็จะปักหลักชุมนุมอยู่ไปเรื่อยๆ

ด้านพนักงานสถานีไทยพีบีเอส เชียงใหม่ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวนั้นทางกรุงเทพฯเป็นคนดำเนินการ จึงไม่รู้ว่านักการเมืองคนหนึ่งหรือรายหนึ่งนั้นเป็นใคร ต้องให้ทางผู้บริหารมาชี้แจง เมื่อกลุ่มเสื้อสีแดงให้พวกเราออกจากสำนักงาน เราได้ประสานไปยังผู้บริหารที่กรุงเทพฯแล้ว ก็ได้รับแจ้งว่าให้พนักงานออกจากสำนักงานตามที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้องไปก่อนแล้วค่อยเจรจากันภายหลัง

-พธม.ตั้งเครื่องผลิตน้ำแข็ง

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบ ว่า ภายในทำเนียบรัฐบาลมีผู้ชุมนุมปักหลักในพื้นที่บางตา โดยผู้ชุมนุมจะเดินทางกลับบ้านและจะมาชุมนุมอีกครั้งในช่วงเย็น ระหว่างนี้บนเวทีจัดรายการข่าว โดยเนื้อหายังโจมตีพ.ต.ท. ทักษิณที่โฟนอินเข้าในการจัดรายการความจริงวันนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาว่

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์