เวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ ผอ.ศูนย์ สันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
เข้าพบหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง พร้อมมอบเสื้อยุติความรุนแรงสีเทาให้กับนายอภิสิทธิ์ จากนั้น นพ.วันชัยกล่าวถึงผลการหารือรวมถึงกรณีที่ระบุว่าจะไม่คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ในหลักของการเจรจาจะเชิญคนที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน และ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ แต่อย่างน้อยในวันนี้ทั้ง 2 กลุ่มที่ไปพบ คือรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าการประสานเจรจา เป็นวิถีทางหนึ่งที่อาจจะนำไปสู่ทางออกได้ แม้จะมีความวิตกในบางประเด็น ขณะเดียวกันก็ได้ประสานไปทางกลุ่มพันธมิตรฯแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานกลับมา และนายอภิสิทธิ์ยังบอกว่าเกรงว่าจะไม่ทันกาล เพราะมีเรื่อง ส.ส.ร. 3 คนกลางไม่มีหน้าที่ไปกำหนดประเด็น เมื่อหลายฝ่ายมาพร้อมกันหรือตั้งประเด็นว่าจะคุยเรื่องอะไร เราก็จะมาจัดว่าประเด็นไหนสำคัญกว่า และคิดว่าเมื่อสังคมบอกไม่ต้อนรับความรุนแรง ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าออกมาทำอย่างประเจิดประเจ้อ เว้นแต่ทำลับหลังหรือแอบทำ ดังนั้น เราคงไม่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง หรือหวังผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็หวังไว้สูง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ก็เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เป็นเรื่องของรัฐบาลกับภาคประชาชน
แต่ก็ยืนยันว่าพรรคพร้อมที่จะร่วมมือ ในการที่จะทำให้ประเทศออกจากวิกฤติ นอกจากนี้ ยังฝากข้อห่วงใยไปว่า การสานเสวนาเพื่อหาทางออกในวิกฤติครั้งนี้ คงจะมีความท้าทายและความซับซ้อนเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งเชิงนโยบาย แต่เป็นความขัดแย้งเชิงการเมือง กระบวนการประสาน จะต้องทำงานแข่งขันกับเวลาด้วย เพราะทุกวันยังมีความเสี่ยงในเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลประกาศสัปดาห์หน้าจะเอาเรื่อง ส.ส.ร. 3 เข้า ซึ่งมองเห็นความขัดแย้งครั้งใหญ่รออยู่ และเป็นห่วงว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงได้ เพราะมีกระแสต่อต้านแน่นอน
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่รายการความจริงวันนี้ จะนำเทปบันทึกการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาออกอากาศทางเอ็นบีทีว่า อยากเห็นการใช้ สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐ ในการที่จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบ
เพราะฉะนั้นอะไรที่ทราบอยู่แล้วว่า จะนำไปสู่ เรื่องของความแตกแยกก็ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้ายังยืนยันอยู่ ก็มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า รัฐบาลก็มีความจงใจที่จะเป็นกระบอกเสียงให้อดีตนายกฯ และจงใจให้มีความแตกแยกมากขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ อ้างว่าไม่สามารถห้ามการออกอากาศได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ในวันที่เอารายการมาทำไมเอามาได้ นี่เป็นนโยบายของรัฐบาลและพรรคพลังประชาชน เพราะเดิมไม่มีรายการนี้ ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ บอกว่าเอามาเพื่อช่วยชี้แจงให้รัฐบาล เราติงหลายครั้งแล้วว่า ไม่ได้เป็นไปตามที่นายสมัครพูด ไม่ได้เป็นการชี้แจงงานของรัฐ แต่เป็นการนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งวันนี้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ทราบอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะทำอะไรหรือเปล่า
“ข้อความจะหมิ่นเหม่หรือไม่ ก็ไม่แน่ เพราะมีคนมองว่าหมิ่นทั้งเรื่องของศาลและสถาบันเอง เป็นการสมควรหรือไม่ ดูจากข่าวก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งอยู่ ทำไมรัฐบาลไม่คิดว่าขณะนี้สิ่งที่ ประชาชนต้องการมากที่สุดคือ ให้รัฐบาลมาช่วยให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างสงบลง แต่เมื่อรัฐบาลไปสนับสนุนกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ามากขึ้นเพื่ออะไร ผมคิดว่าถ้ามีการเผยแพร่อย่างนี้ต่อไป ก็คงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นความจงใจของรัฐบาล” นายอภิสิทธิ์กล่าว และตอบคำถามกรณี ส.ส.พรรคพลังประชาชน เตรียมรวบรวมรายชื่อเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เรื่องนี้นายกฯ ซึ่งเป็นอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมก็บอกเองว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเจ้าตัวต้องทำเอง เรื่องนี้ ไม่ควรนำมาเป็นเรื่องการเมือง ขอยืนยันว่าความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ความผิดทางการเมือง เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาโดยนักการเมือง จึงไม่ควรดึงการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่ต้องรับโทษ และเข้าสู่กระบวนการตามปกติเหมือนคดีอาญาทั่วไป