อภิสิทธิ์”จวก“ทักษิณ”พูดปั่นกระแสการเมือง

(2พ.ย.) เวลา 15.00 น. ที่วัดวิจิตรการนฤมิต ซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 เขตบางกอกใหญ่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนชาวกทม.เขต 11 ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ทางไกลเข้ารายการ “ความจริงวันนี้สัญจร” เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้อภัย แต่สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณพูดนั้นเป็นการพยายามสร้างกระแสทางการเมือง และไม่ยอมรับการกระทำของตัวเอง ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณีที่ศาลแพ่งพิจารณาคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ตนคิดว่าศาลต้องพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ถ้าทรัพย์สินส่วนใดที่พ.ต.ท.ทักษิณมีมาแต่เดิม ก็มีโอกาสมากที่จะได้รับคืนสูงมาก แต่ถ้าส่วนใดที่ได้เพิ่มมาจากการใช้อำนาจหน้าที่มาแสวงประโยชน์ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับการที่พ.ต.ท.ทักษิณจะให้สังคมให้อภัยนั้น ตนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือพ.ต.ท.ทักษิณต้องสำนึกผิดและรับผิดเสียก่อน
การให้อภัยส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อตัวคนทำผิดต้องสำนึกผิด ยอมรับโทษแล้วการให้อภัยจะเกิดขึ้น ถ้าคิดอย่างนี้ ทุกอย่างก็เดินไปได้ แต่ถ้าคิดบนสมมติฐานว่าไม่ได้ทำผิดแต่กลายเป็นคนอื่นและกระบวนการยุติธรรมผิดหมด ตนยังนึกไม่ออกว่าจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าได้อย่างไร ทั้งนี้ ตนอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณปล่อยใจให้ว่างแล้วทบทวนข้อเท็จจริงว่าความไม่เป็นธรรมเกิดจากอะไร ซึ่งตนเห็นว่าง่ายมาก เพราะตัวพ.ต.ท.ทักษิณในขณะนั้นเป็นนายกรัฐนตรี แต่มีกฎหมายห้ามคนเป็นรัฐมนตรีและคู่สมรสไปทำธุรกิจกับรัฐโดยตรงหรือโดยอ้อม และพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคู่สมรสของคุณหญิงพจมาน และคุณหญิงพจมานไปทำธุรกิจกับหน่วยงานที่พ.ต.ท.ทักษิณกำกับดูแล ต้องทบทวนว่ามันไม่เป็นธรรมตรงไหน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนความพยายามวาดภาพที่ทำให้ประชาชนสับสนว่าพ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไม่ได้เพราะมีการปฏิวัติรัฐประหารนั้นก็ไม่ใช่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเคยกลับประเทศไทยมาแล้วรอบหนึ่ง

เพราะมีคนที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นรัฐบาลอยู่ แต่พ.ต.ท.ทักษิณก็หนีศาลออกไป เนื่องจากไม่ต้องการมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณกลับไปทบทวนสิ่งเหล่านี้แล้ววางท่าทีเสียใหม่ การแก้ปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้ายึดตัวเองเป็นหลัก บ้านเมืองจะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนของพ.ต.ท.ทักษิณต่อไป

เมื่อถามว่าคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณมีการอ้างถึงสถาบันเบื้องสูง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้พ.ต.ท.ทักษิณและผู้สนับสนุนพยายามลากสถาบันต่างๆ กระบวนการยุติธรรม

และสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ในวังวนความขัดแย้ง แต่อยากให้ยอมรับความจริงหลายๆอย่าง และการจะเจรจาหรือมีกระบวนการใดก็ตามมาแก้ปัญหาก็ต้องว่ากันไปตามกติกา ผู้สื่อข่าวถามว่าความพยายามเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำเรื่องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่กลุ่มคนบางกลุ่มกระทำอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันทำให้คนไม่สบายใจมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่บ้านเมืองต้องการขณะนี้

ต่อข้อถามถึงเหตุการณ์กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 มาชุมนุมปิดล้อมหน้าโรงแรมที่จัดการประชุมสาขาพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือ ที่จ.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว

แต่เข้าใจว่ามีขบวนการพยายามสร้างกระแสในลักษณะนี้อยู่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อย มีเพียงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ที่ไม่ได้เข้าไปในที่ประชุมเท่านั้น เมื่อถามว่าเป็นเพราะคนในรัฐบาลก็ถูกกลุ่มประชาชนมาชุมนุมต่อต้านใช่หรือไม่ ทำให้พรรคถูกคนฝ่ายตรงข้ามทำกระทำการเช่นนี้ด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ เพราะเวลาที่นายกฯหรือรัฐมนตรีมีปัญหาเช่นนี้ ตนก็ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการมีมวลชนไปขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ การจะไปแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยหรือไปชุมนุมนั้นก็ไม่เป็นปัญหา แต่อยากให้เปิดโอกาสให้ทุกคนปฏิบัติภารกิจได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงการพบปะ ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าทีมเครือข่ายสานเสวนาฯ ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 พ.ย.นี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนรับฟังว่ากลุ่มดังกล่าวมีข้อเสนออะไร

และตนจะให้ความคิดไปว่าแนวทางควรจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ จากการพูดคุยกันเบื้องต้นก็เหมือนกับเป็นกรอบกว้างๆในแง่ของกระบวนการ ถ้ามีอะไรที่ช่วยคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองได้ เราพร้อมร่วมมือ เมื่อถามว่าเป็นข้อเสนอเดียวกันกับที่เขียนในหนังสือ“เข็มทิศประเทศไทย” ที่จะแจกในงานระดมทุนของพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีส่วนหนึ่งเพื่อให้เห็นสภาพปัญหาที่แท้จริง เพราะตอนนี้เมื่อมีประเด็นปลีกย่อยเป็นความขัดแย้งกัน ทำให้คนอาจมองไม่เห็นภาพใหญ่ซึ่งก็คือในระบอบประชาธิปไตยมี 2 ด้าน คือ ด้านหนึ่งคือการเคารพเสียงข้างมาก หมายความว่าเรายังต้องยึดถือกระบวนการเลือกตั้งและยอมรับคนที่มาจากการเลือกตั้ง แต่อีกด้านหนึ่ง คือ เมื่อมาจากการเลือกตั้งแล้วก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมาย และต้องแสดงความรับผิดชอบเวลาบ้านเมืองเกิดความเสียหาย

เพราะฉะนั้นทั้ง 2 ฝ่ายต้องยอมรับทั้ง 2 ส่วนนี้ แต่ถ้าส่วนหนึ่งยึดท่องแค่ว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่อีกส่วนบอกแค่ว่ามีเรื่องไม่ถูกต้องแล้วต้องรับผิดชอบ

อีกทั้งถ้าพยายามยึดด้านเดียว บ้านเมืองและประชาธิปไตยก็จะเดินไม่ได้ ซึ่งตนหวังว่าทุกคนจะมองเห็นว่าถ้าเราปล่อยบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทุกคนจะเดือดร้อนเอง และตนเชื่อว่าถ้าปล่อยให้เรื้อรังจนเกิดการแตกหัก ในที่สุดจะไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด แต่อยู่ที่ว่าใครจะหันมาตั้งหลักและยอมรับสิ่งที่เป็นไปได้ ซึ่งยืนอยู่บนความถูกต้องและยั่งยืนด้วย อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าคู่กรณีจริงๆคือรัฐบาลกับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งน่าจะมีกระบวนการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายนี้เพื่อให้เรื่องจบ โดยฝ่ายค้านไม่ขัดข้อง เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองสงบและเดินไปข้างหน้าได้

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์