เปิดใจโล่งๆ วิฑูรย์ นามบุตร เมื่อสลักยุบพรรค ปชป.ถูกถอด

"เขาอาจจะคิดเด็ดหัวผม แต่คิดแล้วใช่ว่าจะทำได้...บารมีคุณเนวินไม่ได้แผ่ทั่วภาคอีสาน เอาไปขายที่อื่นไม่ได้ อิทธิพลคุณเนวินมาไม่ถึงอุบลฯของผมหรอก"

เสียงครหาดังกระหึ่ม ทันทีที่ กกต.ชุดใหญ่มีมติให้ 2 เหลืองกับ ส.ส.อุบลราชธานี และยกคำร้องสำหรับ "ขุนพลอีสานของพรรคสะตอ" วิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ให้ใบแดงให้กับ ส.ส.สอบตก ตรงตามคำทำนายของสื่อฟากพลังประชาชน

จึงเกิดข้อกังขาว่า เหตุไฉนใบแดงถึงไม่เคยถูกควักให้กับ ส.ส.ฝ่ายค้านแม้แต่ใบเดียว หรือ "พลังพิเศษสีเขียว" ยังไม่เสื่อมฤทธิ์เดช

"วิฑูรย์" จึงต้องเปิดห้องทำงานส่วนตัวที่รัฐสภาถึง 2 ครั้ง ทั้งก่อนและหลัง กกต.มีมติ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในคดี รวมถึงเหตุที่คดีล่าช้าถึง 9 เดือนด้วยเสียงเหนื่อยใจ

เขาเริ่มต้นเล่าถึงที่มาของคดีซึ่งยาวนานราวมหากาพย์เรื่องหนึ่ง เพราะแม้จะจบในชั้น กกต.แล้ว แต่ยังต้องไปสู้ในศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งต่ออีกยก!

- ที่มาที่ไปคดีนี้

ผมถูกนายสมบัติ รัตโน อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน ร้องเรียนอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.แจกตั๋วหนัง และ 2.จัดมหรสพหรือฉายภาพยนตร์ เป็นความพยายามของพรรคพลังประชาชนที่จะออกมากดดันการทำงานของ กกต. เทียบเคียงกับกรณีที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ถูกใบแดง มีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ออกมาพูดว่าผมจะได้ใบแดง โดยมีมติ 4 ต่อ 1 นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เอาไปพูดในรายการสนทนาประสาสมัครอีกว่า ที่อุบลฯจะมีใบแดง ทั้งๆ ที่ตอนนั้น กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณาเลย แล้วนายสมัครไปเอาข้อมูลมาจากไหน จากนั้นก็มีการใช้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีบอกว่า มีหลักฐานเด็ด เป็นวีซีดีที่ไปถ่ายมา เดี๋ยวจะเปิดโปง

ข้อหาเรื่องการฉายหนัง จริงๆ เป็นการอบรมผู้ช่วยหาเสียง ทำตามระเบียบทุกอย่าง มีเจ้าหน้าที่ กกต.และสื่อท้องถิ่นไปสังเกตการณ์ด้วย ค่าใช้จ่ายก็นำไปรวมกับงบฯหาเสียง และสาเหตุที่ต้องใช้โรงหนังเนวาด้าเพราะผู้สมัครคนหนึ่งเป็นเจ้าของอยู่ จะได้ประหยัดเงิน และทำกันกลางเมืองอุบลฯ ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ ส่วนวีซีดีที่อ้างว่าเป็นหลักฐานเด็ดจะมัดตัวผมให้ได้ อนุ กกต.ก็เปิดให้ดู มีความยาว 25 นาที ผมเห็นแล้วหัวเราะเลย เพราะไม่มีอะไรเลย เป็นการประชุมปกติ มีการแนะนำตัวผู้สมัคร ไม่มีฉายหนังเลย จำเป็นไปได้อย่างไร จัดประชุมเสร็จฉายหนังต่อหน้า กกต. สื่อ ผมเป็นผู้แทนมา 7-8 สมัย ไม่มีทางตายน้ำตื้น และหากมีการฉายหนังจริง ป่านนี้รายการความจริงวันนี้เอามาออกไปนานแล้ว

ส่วนการแจกตั๋วหนังยอมรับว่าก่อนมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง โรงหนังเนวาด้าทำโปรโมชั่นด้วยการแจกตั๋วหนังบ้าง แต่หลังมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง เดือนตุลาคมถึงธันวาคมก็ไม่ได้แจกตั๋วหนังแล้ว แต่ก็ยังมีการเอาตั๋วที่แจกก่อนหน้ามาร้องเรียน (หยิบตั๋วหนังของโรงหนังเนวาด้าขึ้นมาแสดง มีข้อความระบุว่า ใช้ได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น) ที่ตลกคือ พยานบางคนอ้างว่าได้รับแจกตั๋วจากตู้ไปรษณีย์หน้าบ้าน บางคนยังไม่ได้สิทธิเลือกตั้งด้วยซ้ำ พอมาให้ปากคำกับอนุ กกต.ก็กลับคำ

- มีคนถามว่าพรรคประชาธิปัตย์กินยาดีอะไร ส.ส.ถึงไม่เคยโดนใบแดงเลยแม้แต่คดีเดียว

พยานหลักฐานเราชี้แจงได้ การที่โรงหนังเนวาด้าซึ่งเป็นของพ่อนายวิทวัส (พันธ์นิกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้ใบแดงในคดีนี้) แจกตั๋วหนังก็ทำมาก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง และก่อนที่นายวิทวัสจะมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อีก แต่สาเหตุที่ กกต.ให้ 2 ใบเหลืองกับนายวุฒิพงษ์ นามบุตร และนายศุภชัย ศรีหล้า อาจมองว่าแม้จะแจกตั๋วหนังก่อนเลือกตั้ง แต่ก็ได้ประโยชน์ ส่วนผมเป็น ส.ส.สัดส่วน ตามมาตรา 109 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ไม่มีให้ใบเหลือง มีแต่ใบแดง หรือใบขาว กกต.จึงยกประโยชน์ให้ ถ้าผมเป็น ส.ส.เขต ผมโดนใบเหลืองไปนานแล้ว

- ถ้าเทียบกับคดีนายยงยุทธก่อน พ.ร.ฎ.เหมือนกัน แต่กรณีทำไมรอด

คุณยงยุทธจะก่อนหรือหลัง พ.ร.ฎ.ก็ตาม มีส่วนรู้เห็นด้วยในการแจกเงินให้กับกำนัน แต่พวกผมไม่รู้เลย เพราะโรงหนังเนวาด้าทำกันเอง มั่นใจว่าไปศาลแล้วจะหลุด เพราะในชั้นพนักงานสอบสวนยกเลย ไม่มีมูล กกต.จังหวัดของผมก็ยก ชั้นอนุ กกต.ก็ยก แต่พอไปถึง กกต.ชุดใหญ่ กลับออกมาคล้าย กกต.จังหวัด ซึ่งเราก็บอกไม่เป็นไร เรื่องอย่างนี้ เชื่อว่าเราอธิบายความกับศาลได้

- ฝ่ายตรงข้ามทายว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ 1 แดง 2 เหลือง 1 ขาว แล้วผลก็ออกมาตามนั้นจริงๆ มีการล็อคผลก่อนหรือไม่

ข้อมูลนั้นน่าจะมาจากมติของ กกต.จังหวัด เราจะไปล็อคผลสรุป กกต.ได้อย่างไร แต่โดยมารยาทเราไม่เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของ กกต.

- สาเหตุที่คดีล่าช้า ต้องใช้เวลากว่า 8 เดือนถึงจะตัดสิน

ที่บอกว่าคดีช้า ไม่ได้ช้าเพราะ กกต. ไม่ได้ช้าเพราะพวกผม แต่ช้าเพราะพยานที่คุณสมบัติอ้างที่จะมาให้ถ้อยคำกับอนุ กกต.ที่กรุงเทพฯ นัดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ก็มายังไม่ครบ เพิ่งมาเสร็จช่วงเดือนสิงหาคม แต่ก็ไม่ครบทุกปาก นัด 10 ปาก ก็มาให้ปากคำแค่ 2 ปาก เสร็จแล้วก็นำพยานมาเพิ่มอีก 7 ปาก ที่ออกมาโวยวายว่าผมขัดขวาง ข่มขู่พยานก็ไม่จริง แต่ที่พยานไม่มา เพราะไม่อยากให้การเท็จ

จะมีช้าจาก กกต.ก็นิดหน่อย ช่วงหลังที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.มีธุระไปทำวีซ่า 20 กว่าวัน ที่รอให้ครบตาม กกต.แจ้งว่าคดีนี้สำคัญ อยากจะให้อยู่ทั้ง 5 คน

- หนักใจหรือไม่ ที่ความรู้สึกก่อนหน้านี้เหมือนกับแบกชะตากรรม 62 ปีพรรคไว้ เพราะหากถูกใบแดง พรรคประชาธิปัตย์อาจจะต้องถูกยุบพรรคด้วย

(นิ่งไปพักหนึ่ง)...ผมเชื่อในตัว กกต. เพราะทุกคนเป็นนักกฎหมาย มาจากอัยการ ศาล ตอนนั้นยังมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เอาความจริงมาพูดกัน แล้วจะรู้ว่าผมไม่ทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย

- การที่ฝ่ายตรงข้ามจับจ้องคดีนี้ เป็นไปได้ไหมว่า เพราะต้องการเด็ดหัวขุนพลอีสานประชาธิปัตย์

เขาจะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่คิดแล้วใช่ว่าจะทำได้สำเร็จ

- ในฐานะขุนพลภาคอีสานของพรรค แต่แบรนด์ของพรรคกลับขายไม่ออกในภาคนี้เลย มีวิธีในการเจาะฐานเสียงอย่างไรบ้าง เพราะมีมองกันว่าอีสานเป็นภาคสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลโดยตรง

ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์หาตัวผู้สมัครที่ทำกิจกรรมในพื้นที่ที่โดดเด่นไม่ได้ ที่ผ่านมา ก็ไหลไปอยู่กับพรรคพลังประชาชนหมด เพราะการทำการเมืองมีค่าใช้จ่าย แต่ประชาธิปัตย์ไม่มีตรงนี้ให้ นอกจากไม่มีแล้วยังต้องบริจาคให้พรรคด้วยซ้ำ แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าหากยังไม่แก้รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าจำนวน ส.ส.ประชาธิปัตย์จะตีตื้นขึ้นมา อาจจะ 6 ต่อ 4 หรือประมาณ 20-30 คน คือเบียดๆ ไม่ถึงกับชนะพรรคพลังประชาชน แต่จะไม่ต่างขนาดนี้

- ว่ากันว่าการหาเสียงในภาคอีสานกระสุนสำคัญกว่ากระแส

กระสุนอย่างเดียวคงไม่ใช่ ต้องอาศัยกระแสด้วย กระแสที่ผ่านมาอาจเป็นของพรรคไทยรักไทย เพราะเขาใช้สื่อรัฐเยอะ เขาถึงได้ประชาชนมา เกิด "ทักษิณฟีเวอร์" แต่ตอนนี้การเมืองเริ่มขยับเพราะชาวบ้านดูเอเอสทีวีมากขึ้น

- มีการพูดกันว่า หากนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยยังไม่ตาย พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันเจาะภาคอีสานได้เลย

ไม่จริง คุณเนวินก็ได้เฉพาะโซนของเขา แถวๆ บุรีรัมย์แค่นั้น แต่ละพื้นที่มีวงจำกัดอยู่ บุรีรัมย์ของคุณเนวิน โคราชก็ของคุณสุวัจน์ (ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา) ที่บอกว่ากลุ่มของคุณเนวินมาก เพราะจากที่กระจัดกระจาย หลังเลือกตั้งแล้วมาหลอมรวมกัน บารมีของคุณเนวินไม่ได้ปกแผ่ไพศาลทั่วภาคอีสาน เอาคุณเนวินไปขายที่อื่นไม่ได้ อิทธิพลเขาขยายมาถึงอุบลฯของผมไม่ได้หรอก