พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงที่ทีซีซี ปาร์คเซ็นเตอร์ ย่านคลองประปา ถนนประชาชื่น เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมว่า
เหตุการณ์บ้านเมือง 1-2 วันจะมีความสำคัญ รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ วันนี้จะขอพูด 3 เรื่อง คือ 1. สถานการณ์วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา 2. สถาบันพระมหากษัตริย์ และ 3.แนวทางการแก้ปัญหาชาติ โดยเรื่องแรกได้แสดงความรับผิดชอบไปแล้ว เรื่องที่สอง มีข้อมูลที่เริ่มไม่สบายใจ มีการวิเคราะห์พาดพิงถึงสถาบัน ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเอกภาพของชาติเป็นเอกองค์ที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น การทำอะไรที่เฉียดความเสียหาย ขอร้องว่าอย่าทำ เพราะมีการเข้าใจผิดว่าเลือกนายกฯต้องมาจากส.ส. เพราะคน 20 ล้านคนเลือกเข้ามา เกิดความภูมิใจที่ได้อำนาจสูงสุด ความจริงอำนาจสูงสุดอยู่ที่พระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุขมอบอำนาจให้ ถ้ามาอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งและสร้างความขัดแย้งถือว่าคิดผิด เป็นห่วงการดำเนินการใดๆใน 1-2 วันนี้
"เรื่องที่สาม ห่วงสถานการณ์ขณะนี้ คนไทยแบ่ง 2 ฝ่าย การแก้ปัญหาทำได้ 3 องค์กร คือ
1.สถาบันพระมหากษัตริย์ที่พระองค์ทำหน้าที่ดีที่สุด ไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยว 2. สถาบันทหารที่ปฎิเสธจะไม่ออกมาปัญหาชาติ และ 3. สถาบันพรรรคการเมืองหรือ รัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลต้องแก้ปัญหาสร้างความปรองดองและหาทางออก"
"หากนายกฯต้องการเป็นวีรบุรุษ ไม่ต้องฟังใคร เห็นแก่แผ่นดิน หากเห็นเช่นนี้ ในวันพรุ่งนี้ (31 ตุลาคม) ต้องปรับครม. เชิญทุกคนที่ดี มีความสามารถ มีความรู้เข้ามา แก้ปัญหาของชาติ หากทำเช่นนี้จะได้เป็นวีรบุรุษ แนวทางการปรับครม. ต้องเชิญคนอื่นมาทั้งระบบ ส่วนนายกฯอยู่ก่อนได้ เป็นการไม่มีขั้วทางการเมือง ทำเพื่อชาติ ให้บ้านเมืองอยู่รอดและทุกฝ่ายต้องหยุด" พล.อ.ชวลิตกล่าว
ส่วนที่ว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะเกิดความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า อย่าเป็นอันขาด
ใครที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด กระทบถึงสถาบัน อย่าไปทำ เมื่อถามว่า หาก1-2 วันนี้ไม่มีการตอบสนองจากนายกฯ แสดงว่าจะมีกลิ่นของการรัฐประหาร พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า "กลิ่นเหมือนเหม็นไหม้ เหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นล้วนมีแนวโน้มไปสู่สิ่งไม่ดี"