แนวหน้า
โพลชี้รัฐบาลแหกตามั่วทำพิจารณ์สุวรรณภูมิมหานคร
ม.รามฯลงพื้นที่เผยชาวบ้านแทบไม่รู้เรื่อง
แขวะหากสำรวจทางเน็ตต้องให้เรียนคอมพ์
กลุ่มตัวอย่างข้างมากอยากใช้ชีวิตเหมือนเดิม
เรียกหารัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจจะดีกว่า
วันที่ 24 มิถุนายน ดร.อรัสธรรม พรหมมะ ประธานคณะกรรมการศูนย์ประชามติ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาฝ่ายสำรวจประชามติฯ และหัวหน้าภาควิชาการบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ตั้งสุวรรณภูมิมหานครเป็นจังหวัดที่ 77 โดยจะให้เป็นเขตปกครองเศรษฐกิจพิเศษ และมีเสียงวิพากวิจารณ์อย่างมากมาย ศูนย์ประชามติ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเขตประเวศและลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร กับเขตบางพลีและกิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 1,100 คน เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในหัวข้อ "สุวรรณภูมิมหานคร:ทำประชาพิจารณ์ ประชามติ แล้วหรือ" เพื่อทราบว่าการมีมติดังกล่าวเป็นไปตามหลักธรรมาพิบาลและตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
และจากผลการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.0 ทราบว่ารัฐบาลตั้งสุวรรณภูมิมหานครเป็นจังหวัดที่ 77 ด้วยการตัดพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการไปตั้งเป็นจังหวัดใหม่ อีกร้อยละ 30.0 ไม่ทราบ และอีกร้อยละ 46.5 เห็นว่าการตั้งสุวรรณภูมิมหานครเป็นจังหวัดที่ 77 เป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบต่อประชาชน ขณะที่ร้อยละ 85.6 คิดว่ารัฐบาลควรสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการก่อนที่จะมีมติดังกล่าว
ที่ผ่านมามีเพียงร้อยละ 9.8 เท่านั้น ที่เคยได้รับการสอบถามความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่รัฐ อีกร้อยละ 90.2 ไม่เคยได้รับการสอบถาม การเชิญเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น มีเพียงร้อยละ 6.4 เท่านั้นที่เคยได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ในขณะที่ร้อยละ 93.6 ไม่เคยได้รับเชิญ
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่ทราบเรื่องการบริหารสุวรรณภูมิมหานครมีเพียงร้อยละ 11.5 ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.5 ไม่ทราบว่าจะบริหารงานกันอย่างไร
เมื่อถามถึงเรื่องความรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนจากชาวกรุงเทพมหานครหรือสมุทรปราการไปเป็นประชาชนในจังหวัดสุวรรณภูมิมหานครหรือไม่ ร้อยละ 34.4 ตอบว่าอยากเปลี่ยน ขณะที่ร้อยละ 41.2 ไม่อยากเปลี่ยน ที่เหลืออีกร้อยละ 24.4 ปัจจุบันไม่ใช่ชาวกรุงเทพมหานครหรือสมุทรปราการ
ส่วนเรื่องผลดีหรือผลเสียของการตั้งสุวรรณภูมิมหานครเป็นจังหวัดที่ 77 นั้น ส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 68.0 ไม่ทราบว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร มีเพียงร้อยละ 32.0 ที่ทราบ
สำหรับประเด็นที่ว่ารัฐบาลรักษาการซึ่งไม่ใช่รัฐบาลที่แท้จริงควรลงมติตั้งสุวรรณภูมิมหานครเป็นจังหวัดใหม่หรือไม่ ร้อยละ 63.7 เห็นว่าไม่ควร และร้อยละ 36.3 เห็นว่าควร
และประเด็นคำถามสุดท้ายที่ว่ารัฐบาลรักษาการควรอนุมัติให้ดำเนินการโครงการใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากหรือไม่ ร้อยละ 66.4 เห็นว่าไม่ควร ร้อยละ 33.6 เห็นว่าควร
จากข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวประเวศ ลาดกระบัง บางพลี และบางเสาธง ทั้งหมดนี้บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำการประชาพิจารณ์อย่างถูกต้องและยังไม่ได้มีการสำรวจประชามติแต่อย่างใด เพราะมีผู้ได้รับการสอบถามความคิดเห็นไม่ถึงร้อยละ 1 ยิ่งถ้าอ้างว่ามีการทำประชาพิจารณ์ทางเวบไซต์ด้วยแล้ว คงต้องมีการสอนประชาชนทุกคนให้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเป็นก่อน เพราะคนที่เคยเรียนคอมพิวเตอร์จำนวนไม่น้อยยังใช้อินเตอร์เต็ตและรหัสผ่านไม่เป็น