จริงๆ แล้ว การขยับของทหาร-ตำรวจ ในความพยายามยุติการดูหมิ่นสถาบัน ถือว่าประสาทช้าไปมากทีเดียว
เพราะหลายเว็บไซต์ที่ไม่ใช่เว็บไซต์ใต้ดินซ่อนตัวอะไร ปล่อยให้ใครต่อใครโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่กันมานานหลายปีแล้ว
แต่ช่วงนี้กระแสนี้ยิ่งแรงกว่าเดิม เพราะไม่แค่เว็บไซต์ ยังมีวิทยุชุมชนต่างๆ ทั้งในกทม. และต่างจังหวัด
ประเทศไทยแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมีสภาพสังคมอย่างนี้มาก่อน
ปฏิเสธไม่ได้ ที่ประเทศไทยก้าวหน้ามาพอสมควรได้จนถึงวันนี้ เพราะเราต่างอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารอันสงบร่มเย็น
พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระราชาที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก
พระองค์ทรงมองเห็นความเป็นไปของบ้านเมืองนี้มาอย่างยาวนานที่สุดพระองค์หนึ่งในแผ่นดิน
แล้วไฉนการดิ้นรนของนักการเมืองคนหนึ่ง จึงเหวี่ยงหมัดสะเปะสะปะมาถึงสถาบันเบื้องสูงได้?
น่าสังเกตว่าการกระทำและคำพูดใดๆ ก็ตามที่มีลักษณะหมิ่นเหม่
จะเริ่มมาจากตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลยทีเดียว
มีการส่งภาคขยายด้วยคนใกล้ตัวอย่างนายจักรภพ เพ็ญแข
และลงไปถึงมือไม้ปลายแถวอย่าง "ดา ตอร์ปิโด" แห่งม็อบสนามหลวง
เช่นเดียวกับเครือข่ายวิทยุชุมชน และเว็บไซต์ต่างๆ
ความเห็นที่แสดงออกมาทางสื่อเหล่านี้ ก็มาจากคนที่คลั่ง "ทักษิณ" เป็นหลัก
การจะเปิดศึกกับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในยุคนี้ ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลย
ปิดได้ ก็ย้ายไปเปิดที่อื่นได้
เป็นเรื่องเข้าใจยาก ทำไมประเด็นการต่อสู้ของพ.ต.ท.ทักษิณและพวก ต้องมีการสร้างกระแสอันไม่สมควรแทรกซึมมา
อย่างล่าสุดที่ไปเอ่ยกับสื่อต่างชาติ เรื่องว่าตัวเองเป็นภัยกับชนชั้นสูง
ให้ไปเค้นคอถาม ก็ต้องปฏิเสธวันยังค่ำ
แต่การพูดสองแง่สามง่ามแบบนี้ ตีความแบบเดาให้ตรงใจตรงความคิดของพ.ต.ท.ทักษิณที่สุด เห็นจะเดาได้ไม่ยาก
เพราะคำพูดทำนองนี้ ไม่ใช่หนแรก แต่มีมาเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม หากพูดอย่างให้ความเป็นธรรมจริงๆ ก็ต้องบอกว่าฝ่ายที่ชูสถาบันกษัตริย์ เอามาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง
พูดตรงๆ ก็คือพันธมิตรฯ
ก็ถือว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน
เพราะการแสดงออกที่มากมายเกินไป ก็เท่ากับเป็นการดึงสถาบันให้ลงมาเป็นเป้าของฝ่ายตรงข้ามด้วย
สถาบันที่ปกติจะลอยอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งมวล มาถึงนาทีนี้เลยต่างออกไป
ทั้งสองฝ่ายต่างทำสร้างความเสื่อมเสียให้สถาบัน แต่เป็นการทำคนละรูปแบบ
จากนี้จึงต้องติดตามการทำงานของทหาร-ตำรวจ จะมีความสามารถ "รบ" กับสงครามรูปแบบใหม่นี้ได้หรือไม่
ต้องเร่งกวาดล้างจับกุมอย่างไม่ไว้หน้าให้สังคมเห็น!