สมชายลงใต้ อนุพงษ์อารักขา

"สมชาย วงศ์สวัสดิ์"บินลงตรวจเยี่ยมจังหวัดชายแดนใต้ "อนุพงษ์ เผ่าจินดา"ผบ.ทบ. พร้อมแม่ทัพภาค 4 ต้อนรับ ก่อนเรียกประชุมผู้ว่าฯ ในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางดับไฟใต้ ชี้แนวทางการแก้ปัญหาของผบ.ทบ. เดินมาถูกทางแล้ว สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ลั่นพร้อมสนับสนุนทุกด้านเพื่อให้เหตุการณ์สงบ ชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ ด้านม็อบพันธมิตรฯ รอเก้อ หลังไปดักรอหน้าโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหงโก-ลก สุดท้ายนายกฯ ชิ่งหนีกลับกรุง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคง (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเดินทางมาถึงค่ายสิรินธร พล.อ.อนุพงษ์ได้ประชุมผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารในพื้นที่ กำชับให้ปฏิบัติตามกรอบแนวนโยบายที่มอบไว้

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาตรวจเยี่ยมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ และพล.ท.พิเชษฐ วิสัยจร แม่ทัพภาค 4 ต้อนรับ จากนั้นนายสมชายเป็นประธานการประชุมหน่วยกำลังในพื้นที่ เพื่อรับทราบข้อมูลปัญหา และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ

เมื่อเวลา 16.45 น. นายสมชาย แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับพล.อ.อนุพงษ์ พล.ท.พิเชษฐ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และผู้ว่าฯ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนหน่วยกำลังในพื้นที่ ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองว่า ปัญหาการแก้ปัญหาใต้เป็นภารกิจของรัฐบาลซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องเข้ามาแก้ไข เพราะที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และอยากจะให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าเห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ที่ต้องการให้พี่น้องประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ทุกฝ่ายมีความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า การเดินทางลงพื้นที่ของตนครั้งนี้ เพื่อมาตรวจเยี่ยมและรับทราบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ ก็ทราบว่าในระยะหนึ่งปีที่ผ่านมาการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสถานการณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นที่น่าพอใจทั้งหมด ตนคิดว่าแนวนโยบายที่ผบ.ทบ.ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถาน การณ์ รวมทั้งฝ่ายตำรวจ ศอ.บต. จังหวัดดำเนินการมานี้น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อยากจะให้ประชาชนทราบว่าเรามีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาถ้ามีสิ่งที่บกพร่องก็จะแก้ไข รัฐบาลจะพยายามดูแล สิ่งใดที่มีความจำเป็นจะต้องสนับสนุนก็จะยินดีดำเนินการ รวมทั้งให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในเรื่องเงินค่าครองชีพของกำลังพลที่เดือดร้อน ตนมีหน้าที่รับไปดูแลและระบบการศึกษาที่จะต้องมาดูแลอย่างจริงจัง

นายสมชาย ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นครั้งแรกในฐานะนายกฯ ว่า ที่ผ่านมา ตนเคยเดินทางลงมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือรวมทั้งสมัยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมก็เดินทางมาเป็นประจำ ช่วงนั้นตนริเริ่มโครงการไว้หลายโครงการในการฝึกอบรมเรื่องเด็กเรื่องเยาวชน ซึ่งตนมีความผูกพันและมีความจริงใจและพร้อมให้การสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับการอำนวยความยุติธรรมในพื้นที่ต่อไป

สำหรับนโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายกฯ กล่าวว่า กำลังทหารที่มีอยู่นั้นเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ได้ไปทำร้ายใคร แต่แนวทางที่สำคัญคือเรื่องการสร้างความเข้าใจ ทำให้มวลชนทั้งหลายมีความรู้สึกว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความจริงใจให้ความรักและความผูกพันกันอย่างจริงใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะทำให้แก้ปัญหาได้ง่าย และจะต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ปัญหา ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ที่ลงมาทำงานในพื้นที่มีความจริงใจให้เกิดความสงบสุข

เมื่อเวลา 17.10 น. นายสมชาย พร้อมด้วยพล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ และ คณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบัญชาการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ตั้งอยู่บริเวณศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่กำลังพล โดยนายกฯ มอบวัตถุมงคลแก่กำลังพล รวมทั้งรับทราบความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่กองกำลัง ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 13 อำเภอของจ.นราธิวาส ในโอกาสนี้นายกฯ พบปะและสอบถามเจ้าหน้าที่เป็นรายบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี และพร้อมจะปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป โดยนายกฯ กล่าวชื่นชมและขอบคุณกำลังพลทุกนายที่เสียสละตนเองเพื่อประชาชนในพื้นที่

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ภายหลังรับตำแหน่งเป็นครั้งแรก แม้ตนจะไม่ได้รีบเดินทางลงพื้นที่ แต่ก็มีความรู้สึกเป็นห่วงคนใน 3 จังหวัด เพราะตนก็เป็นคนใต้เหมือนกัน ย่อมเข้าใจความรู้สึก ก่อนหน้านี้ตนพร้อมคณะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและมอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งยังคงยึดแนวทางในการแก้ปัญหาตามนโยบายของพล.อ.อนุพงษ์ที่เดินมาถูกทางแล้ว โดย 1 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ความรุนแรงในภาพรวมของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี อย่างไรก็ตามรัฐบาลภายใต้การนำของตนก็พร้อมจะอัดฉีดงบประมาณทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าครองชีพของกำลังพลทุกนาย อาวุธยุทโธปกรณ์ ที่สำคัญเรื่องของการศึกษาของเยาวชน เพื่อที่จะนำไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน

ภายหลังเสร็จภารกิจ นายกฯ พร้อมคณะเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนราธิวาสเพื่อเดินทางกลับกทม. ทำให้กลุ่มพันธมิตรจำนวนกว่า 300 คน ที่รวมตัวกันบริเวณหน้าโรงแรมเก็นติ้ง อ.สุไหง โก-ลก ที่ทราบข่าวการเดินทางลงพื้นที่ และมีการคาดการณ์ว่า นายกฯ อาจจะเดินทางเข้าพื้นที่อ.สุไหง โก-ลก เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อทราบข่าวว่าผู้ที่จะเดินทางเข้าพื้นที่กลายเป็นพล.อ.อนุพงษ์แทน

ส่วนกรณีร.ต.ท.สมนึก มาแสวง อายุ 40 ปี รองสวป.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ช่วยราชการงานสอบสวนคดีส่วนหน้า ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองจิก จ.ปัตตานี กำลังฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บ้านปะกาลือสง หมู่ 6 ต.ตุยง อ.หนองจิก เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.05 น. วันที่ 24 ต.ค. โดยผู้บังคับบัญชาและญาตินำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา เลขที่ 119 หมู่ 14 บ้านทุ่งหมื่น ต.หนองทัพไทย อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด

เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกันนี้ นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ผวจ.ร้อยเอ็ด เป็นผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาพระราช ทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ไปมอบให้กับญาติของร.ต.ท.สมนึก ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพที่วัดทุ่งรังษี บ้านทุ่งหมื่น หมู่ 14 พร้อมพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติด้วยตำรวจกองเกียรติยศ ทหาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดร้อย เอ็ด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทัพไทย สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองทัพไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้า ประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก โดยนางสมฤทธิ์ มาแสวง ภรรยา ด.ช. เอกภพ มาแสวง อายุ 13 ปี ลูกชาย นายฤทธิ์ มาแสวง อายุ 79 ปี และนางปันนา มาแสวง อายุ 69 ปี บิดามารดา รวมทั้งญาติต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิ คุณของทุกพระองค์ โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพเวลา 16.00 น. วันที่ 29 ต.ค. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เดินทางมาเป็นประธานในพิธี