"ดร.สุเมธ"ไม่ขอโต้"สนธิ"ยันเจตนาดีให้เวลาพิสูจน์ "วีระ"ยัน"แม้ว" พูดสงบสุขกว่าป่วน
"อ๋อย-อดิศร" เตือนอย่าประมาทปฏิวัติ แย้มมีแขกพิเศษร่วมโฟนอิน"ทักษิณ"
"สมัคร"อดขึ้นเวทีหมอไม่อนุญาต ซัดเสวนาของพระปกเกล้าป้องพธม. ผู้ว่ากกท.ปัดรบ.บีบ-ให้ม็อบเสื้อแดงเช่าที่ลั่นพร้อมให้พันธมิตรด้วย
"ดร.สุเมธ"ไม่ขอโต้"สนธิ"ยันเจตนาดีให้เวลาพิสูจน์
เมื่อวันที่ 28 ต.ค.นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวถึงกรณีถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวโจมตีการกล่าวปาฐกถาหัวข้อ "ยุติความรุนแรง แสวงสันติด้วยการสานเสวนา" ในการประชุมใหญ่เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ที่กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า
ยืนยันว่าการพูดดังกล่าวมีเจตนาดี ไม่ได้พูดเพื่อใคร ส่วนนายสนธิกล่าวให้เสียหายนั้น จะไม่ตอบโต้ เนื่องจากเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ทั้งนี้ ต่อไปจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากถูกเชิญไปพูดที่ใดก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิกล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวานนี้(27 ต.ค.) ว่า "ดร.สุเมธชอบทำตัวตีกินเพียงอย่างเดียว ดีที่สุดคือ ต้องหุบปาก อย่าทะลึ่งมาออกความเห็นอีกต่อไปเพราะจะถูกสวนกลับไปอีกทุกครั้ง มีคนอย่างดร.สุเมธที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นผู้ใกล้ชิด เป็นผู้ดูแลโครงการหลวง
แต่ไม่สนใจอะไรกับผู้ที่ทำจาบจ้วง จึงเป็นผู้ที่ทำให้สถาบันอ่อนแอ ยังมีคนอย่างดร.สุเมธ นายโคทมและอีกมากที่ชอบพูดว่าบ้านเมืองแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เป็นการมองแบบคนโง่ ที่ถูกต้องคือบ้านเมืองแบ่งเป็นพวกที่อยู่ข้างความถูกต้องและไม่ถูกต้อง แทนที่จะยืนอยู่ข้างฝ่ายถูกต้อง กลับมาทำตัวเป็นศาสดาสอนให้สามัคคีกัน"
ก่อนหน้านี้ นายสุเมธกล่าวปาฐกถาดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่า ในชีวิตตนผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงที่จารึกฝังใจไว้หลายครั้ง ทุกครั้งเป็นการเข่นฆ่ากันเองของคนไทยที่ถือเป็นพี่น้องเชื้อชาติเดียวกัน ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เช่น การทำรัฐประหาร สงครามคอมมิวนิสต์ เหตุการณ์ 6ตุลา ,14 ตุลา หรือเหตุการณ์เดือนพฤษฎา 2535 เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการใช้ความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ หากฝ่ายใดไปฆ่าคนของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มความแค้นระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ทำให้ความรุนแรงทวีคูณฆ่ากันไม่รู้จักจบสิ้น อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วความขัดแย้งที่ยุติลงได้ทุกครั้ง จะเกิดจากการเจรจาตกลงกันเท่านั้นเพื่อร่วมหาหนทางสู่ความสันติ
นายสุเมธ กล่าวย้ำว่า ความคิดที่แตกต่างไม่ใช่ปัญหา ทุกฝ่ายย่อมอยากให้ประโยชน์สุขเกิดขึ้นแก่ประเทศโดยรวม ความรุนแรงนำมาแต่ความเศร้าสลดใจ ไม่ว่าฝ่ายใดสูญเสียทุกคนก็เป็นคนไทย ไม่อยากให้สร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นในสังคมอีก ดังนั้น ทุกคนทุกฝ่ายต้องช่วยกันหันมารักษาบ้านเมืองให้ปลอดภัย เกิดความสงบสุข เริ่มที่ตัวเองต้องสร้างธรรมาธิบาลให้เกิดขึ้น มีความสุจริต ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความถูกต้องชอบธรรม และสุดท้ายประโยชน์สุขที่เกิดขึ้นก็ตกถึงทุกคนในชาติด้วย อย่างไรก็ดี ตนขอยกพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานไว้หลังเกิดเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 บางส่วนที่ว่า
"ประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็ จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มีแต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ"
"วีระ" ยันแม้วพูดสงบสุขกว่าป่วน
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่สถานีโทรทัศน์พีทีวี อิมพีเรียล ลาดพร้าว ผู้ดำเนินการการความจริงวันนี้ นำโดยนายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน (พปช.) นายก่อแก้ว พิกุลทอง พร้อมด้วยนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และนายอดิศร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหาร ทรท. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน "ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร" วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ที่สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก
โดยทุกคนต่างสวมเสื้อโปโลสีแดง ที่มีข้อความ "Ttruth Today" ที่ทำขึ้นเพื่อจำหน่ายในงาน ขณะที่นายจาตุรนต์สวมเสื้อโปโลสีแดงสกรีนคำว่า "คัดค้านรัฐประหาร"
นายวีระกล่าวว่า การจัดงานเพราะสถานการณ์การเมืองวันนี้ไม่น่าไว้วางใจ จึงขอใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมโดยสงบสันติและปราศจากอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐประหาร ไม่สร้างความปั่นป่วนในบ้านเมือง หรือให้เกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี คงมีวุฒิภาวะมากพอที่จะพูดให้สังคมสงบสุข มากกว่าที่จะพูดให้สังคมเกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย
อ๋อย-อดิศรเตือนอย่าประมาทปฏิวัติ
นายจาตุรนต์กล่าวว่า มีข่าวบิดเบือนว่างานมุ่งให้เกิดเผชิญหน้ากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือเพื่อสร้างเงื่อนไขเกิดรัฐประหาร ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่ได้เกณฑ์คนมาร่วมแต่อย่างใด วันนี้ผู้สร้างเงื่อนไขเกิดรุนแรงคือกลุ่มพันธมิตร ผสมผสานกับคำพูดของผู้นำเหล่าทัพในทำนองที่ว่าหากเกิดกลียุคจะต้องหยุดการใช้อำนาจของรัฐ แม้ตัว ผบ.ทบ.จะยืนยันว่าไม่ใช้การรัฐประหาร แต่เรื่องนี้ไม่มีทางจะเป็นอื่นไปได้นอกจากการรัฐประหาร ซึ่งสังคมไทยจะประมาทละเลยไปไม่ได้
ด้านนายอดิศรกล่าวว่า การออกโทรทัศน์แถลงจุดยืนของผู้นำเหล่าทัพ ถือเป็นการโยนหินถามทางที่อยากจะปฏิวัติแต่ทำไม่ได้ เพราะสังคมไม่ตอบรับ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน หากมีการปฏิวัติเกิดขึ้นก็จะมีความรุนแรงเกิดตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้านนายจักรภพกล่าวว่า ได้รับการประสานงานมาจากตัวแทนเอกอัครราชทูตหลายประเทศที่จะมาเข้าร่วมงานดังกล่าวซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และรัฐบาลของหลายประเทศ
แย้มมีแขกพิเศษร่วมโฟนอิน"แม้ว"
นายจตุพรยังกล่าวถึงการโฟนอินเพื่อพูดคุยกับผู้ร่วมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเป็น 1 ใน 9 คนที่ร่วมปราศรัยในเรื่องเดียวกัน นอกจากนี้ จะมีแขกรับเชิญพิเศษอีก 1 คนด้วย โดยหัวข้อคือการต้านรัฐประหาร ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถมาร่วมได้เนื่องจากแพทย์ไม่อนุญาต โดยแขกรับเชิญพิเศษอีก 1 คนเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย ส่วนใช่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายจตุพรหลีกเหลี่ยงที่จะตอบโดยให้ดูวันงาน
ซัดเสวนาของพระปกเกล้าป้องพธม.
สำหรับกรณีที่เครือข่ายสันติประชาธรรมร่วมกับสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกกลุ่มยุติการเคลื่อนไหวไปสู่ความรุนแรงนั้น นายวีระกล่าวว่า เห็นด้วยและสนับสนุนอย่างยิ่ง แต่ที่รับไม่ได้คือการจับคนออกเป็น 2 ฝ่ายและบอกให้หยุด เพราะพวกตนเป็นประชาชนส่วนใหญ่ที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนอีกฝ่ายละเมิดกฎหมาย เหมือนโจรปล้นบ้าน แต่ตำรวจบอกให้ถอยคนละก้าว มันเป็นไปไม่ได้ ตำรวจต้องสั่งให้โจรถอย
นายจาตุรนต์กล่าวว่า เสียดายกับการจัดงานเสวนาเพื่อสันติธรรมที่จัดโดยสถาบันพระปกเกล้าที่หอประชุมใหญ่กรมประชาสัมพันธ์ มีเนื้อหาปกป้องกลุ่มพันธมิตรที่ทำผิดกฎหมาย แต่ไม่สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้รักษากฎหมาย และยังให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกกรณีโดยที่ไม่พิจารณาว่าพันธมิตรคือผู้สร้างเงื่อนไข
ผู้ว่ากกท.ปัดรบ.บีบ-พร้อมให้พธม.เช่า
ขณะที่นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวว่า อัฒจันทร์สนามราชมังคลากีฬาสถานสามารถจุคนได้ประมาณ 50,000 คน ส่วนพื้นด้านล่างคือพื้นสนามหญ้าและลู่วิ่งจุได้ประมาณ 15,000 คน หากมาเกินกว่านี้ไม่สามารถรับได้ จะทำให้ได้รับความเสียหาย กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวด
"ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยกำหนดให้มีประตูทางเข้าสนามไว้ 2 ทาง และได้ทำทางเดิน (วอล์กทู) เข้าสนาม คือ ตรงสนามฟุตซอลด้านหน้าอินดอร์สเตเดียมหัวหมาก และด้านสระว่ายน้ำ มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและอาวุธตรงทางเข้า และไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาจอดอย่างเด็ดขาด ยกเว้นรถวีไอพี ส่วนรถบัสที่จะขนคนมาก็กำหนดให้เข้าที่ประตู 2 และวิ่งออกที่ประตู 4 ผู้ว่าการ กกท.กล่าว และว่า การให้เช่าสนามเป็นการให้บริการประชาชนตามปกติ ไม่มีแรงบีบจากรัฐบาล ไม่หนักใจอะไร หากฝ่ายพันธมิตรมาขอเช่าสนามบ้าง ก็ไม่ขัดข้องเช่นกัน"
ปชป.จี้ฟันนำเทปออก"ความจริงวันนี้"
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. แถลงเรียกร้องให้นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนายสุริยงค์ หุณฑสาร ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ชี้แจงกรณีปล่อยให้รายการความจริงวันนี้ที่ออกอากาศวันที่ 26 ตุลาคม นำเทปการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม มาออกอากาศ เนื่องจากพิธีกรทั้ง 3 ในรายการพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่นในทางเสียหาย ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ผู้รับผิดชอบต้องไม่ปล่อยให้มีการฉวยโอกาสขึ้นอีกในอนาคต ด้วยการปล่อยให้นำเทปรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่จัดขึ้นวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ มาออกอากาศอีก
นายเทพไทยังกล่าวถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ว่า อย่าทำเป็นสร้างภาพเพื่อปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่น หากนายกฯสนใจปัญหาปากท้องประชาชนจริง ก็ขอให้ไปดูแล ส.ส.ของพรรค ที่กำลังขนคนมาร่วมงานวันที่ 1 พฤศจิกายน ในจำนวน ส.ส. 1 คนต่อประชาชน 1,500 คน จะดีกว่า
หวั่นชุมนุม1พ.ย.จงใจให้เกิดรุนแรง
"กรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกไปปลุกระดมตามเวทีต่างๆ รวมถึงปล่อยให้มีกลุ่มนอกกฎหมายเตรียมการจัดกำลัง อาทิ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ พรรคเป็นห่วงว่าเป็นขบวนการจงใจให้ชาติถึงทางตัน โดยปลุกระดมว่าจะมีการปฏิวัติ นำไปสู่การชุมนุมใหญ่และอาจถึงขั้นไม่สามารถควบคุมได้ จนกองทัพต้องเข้ามาคุมสถานการณ์ จึงวิตกว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 1 พฤศจิกายน จะนำไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง" นพ.บุรณัชย์กล่าว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวผ่านการปราศรัยของ นปช.ที่สนามหลวงและเว็บไซต์ เห็นว่ามีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูงผิดปกติ จึงอยากเห็นการปราบปรามจากรัฐบาล ทั้งจากนายกรัฐมนตรี กระทรวงไอซีที กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม อย่างจริงจัง รัฐบาลไม่ควรยักคิ้วหลิ่วตา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทำร้ายจิตใจประชาชน
ม็อบเสื้อแดงพกตีนตบป่วน"ปชป."
ก่อนหน้านี้เวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงพร้อมตีนตบประมาณ 15 คน ใช้ชื่อกลุ่มศูนย์กลางปฏิวัติประชาธิปไตยแห่งชาติ โรงเรียนประชาธิปไตยสนามหลวง (ศ.ป.ช.) นำโดยนายสุขุม วงประสิทธิ มาที่พรรค ปชป. ยื่นหนังสือมติของกลุ่มฉบับที่ 2 ให้ยุบพรรค เนื่องจากไม่เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.เข้ารับฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาล รวมถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่ร่วมประชุม 4 ฝ่าย เพื่อหาทางแก้วิกฤตบ้านเมือง และเอาแต่เสนอยุบสภา โดยมีผู้อำนวยการของพรรค ปชป.พยายามไปรับหนังสือ แต่แกนนำผู้ชุมนุมอ้างว่าหากนายอภิสิทธิ์หรือกรรมการบริหารพรรคคนอื่นไม่ลงมารับหนังสือก็จะปักหลักชุมนุมต่อไป จากนั้นผู้ชุมนุมก็ใช้รถกระบะติดเครื่องขยายเสียงดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัยชั่วคราว กล่าวโจมตีการทำงานของพรรค ปชป.
พธม.ยันไม่แก้รธน.ไม่ปิดล้อมรัฐสภา
ส่วนข่าวเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่ห้องสื่อมวลชน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรแถลงว่า ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 28 ตุลาคม กลุ่มพันธมิตรจะไม่เคลื่อนไปปิดล้อมรัฐสภา เพราะทราบว่าไม่มีพิจารณาวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีการหมกเม็ดนำร่างฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) เข้าสู่ที่ประชุมด้วยหรือไม่นั้น ได้รับการยืนยันว่าไม่มี แต่ถ้ามีก็แปลว่ารัฐบาลโกหก เมื่อไม่มีวาระแก้รัฐธรรมนูญไม่รู้จะไปล้อมหน้าสภาทำไม
"ส่วนที่นักวิชาการเสนอให้มีการเสวนาร่วมกัน เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาและการใช้ความรุนแรงนั้น เห็นว่าที่ผ่านมากลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหวตามกรอบรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด ไม่เคยใช้ความรุนแรง ถ้ารัฐบาลและตำรวจตรงไปตรงมา คงไม่มีปัญหา เหตุการณ์ที่ผ่านมา เราโชคร้ายที่รัฐบาลหน้าไม่อาย ถ้าเป็นรัฐบาลประเทศอื่นคงรับผิดชอบโดยการลาออกไปแล้ว เราอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ใช้ความรุนแรงอะไร ยืนยันว่าเรายอมรับการเจรจากับทุกฝ่าย ไม่ว่าใครจะมาเจรจาเรื่องอะไร ก็ไม่เคยขัด ไม่เคยแข็งกร้าว และบอกมาตลอดว่า การเจรจาเป็นเรื่องดี ผมเป็นทหารมาก่อน ผ่านการรบ เห็นความรุนแรงเสียหาย ดังนั้น ครั้งนี้ก็ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเช่นกัน"
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรช่วงเช้านั้น ในพื้นที่รอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล ยังคงมีการนำแผงเหล็กและล้อยางรถยนต์มาปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินนอก หน้ากองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 จนถึงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่ได้เปิดให้มีการสัญจรไปมาได้ 1 ช่องทาง มีการตรวจสอบรถยนต์ที่ผ่านเข้าออกอย่างละเอียด ส่วนบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ยังปิดกั้นไม่ให้สัญจร
เทศกิจรื้อเต๊นท์ขายของสนามหลวง
วันเดียวกันที่บริเวณสนามหลวง ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายประเสริฐ ฉวีอินทร์ หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร (กทม.) นำกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 30 คน เข้ารื้อถอนเต๊นท์ และนำรถยนต์ 4 ล้อ และรถยนต์ 6 ล้อ ขนย้ายสิ่งของ อาทิ รถเข็น หม้อ กระทะ เก้าอี้พลาสติค โต๊ะพับเหล็กออกจากพื้นที่ไปเก็บไว้ที่สำนักงานเขตพระนคร หลังจากมีหนังสือแจ้งผู้ค้าแล้วให้ย้ายที่ขายของออกไปก่อนวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากกองทัพและสำนักการโยธา (สนย.) ต้องเข้าปรับปรุงพื้นที่ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
นายประเสริฐกล่าวว่า ผู้ค้าที่เป็นเจ้าของไปขอรับคืนได้ แต่จะต้องเสียค่าปรับด้วย ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน และวันที่ 14-16 พฤศจิกายนนี้ ขอความร่วมมือผู้ค้าห้ามค้าขายสินค้าทุกชนิดในบริเวณสนามหลวงอย่างเด็ดขาด
แกนนำนปช.ยื้อขอย้ายหลัง1พ.ย.
สำหรับเต๊นท์ของกลุ่ม นปช.จำนวน 2 หลัง ได้แก่ นักรบพระเจ้าตากและผู้ช่วยแกนนำ นปช. นั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้รื้อถอนแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายบวรพัฒน์ บุญธนทัต รักษาการผู้อำนวยการเขตพระนคร กล่าวว่า แกนนำ นปช.มาขอตั้งเต๊นท์ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เนื่องจากมีความจำเป็นใช้ระดมมวลชนก่อนชุมนุมใหญ่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งทางเขตอะลุ้มอล่วยให้ แต่หลังจากวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป จะให้เจ้าหน้าที่ไปรื้อถอนทันที
ดร.สุเมธไม่ขอโต้สนธิยันเจตนาดีไม่ได้พูดเพื่อใคร ให้เวลาพิสูจน์ นำเป็นบทเรียนก่อนถูกเชิญออกงาน
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ดร.สุเมธไม่ขอโต้สนธิยันเจตนาดีไม่ได้พูดเพื่อใคร ให้เวลาพิสูจน์ นำเป็นบทเรียนก่อนถูกเชิญออกงาน