ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.10 น.องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวม 9 คน ได้ออกนั่งบัลลังก์ และเริ่มต้นอ่านคำพิพากษาแล้ว
โดยมีกลุ่มสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ภริยา ประมาณ 300 คน มาร่วมฟังคำพิพากษาอยู่ภายนอกอาคาร ผ่านลำโพงที่เจ้าหน้าที่ศาลจัดไว้ให้ ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณราว 100 คน พร้อมได้นำแผงเหล็กมากั้นทางเข้า-ออก อาคารด้วย
ทั้งนี้คดีดังกล่าว อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ต่อศาลฎีกากรณีที่คุณหญิงพจมานประมูลซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าอาจไม่ถูกต้อง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจในการกำกับดูแลหน่วยงานของรัฐ จึงไม่สามารถทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐได้ ซึ่งรวมถึงคู่สมรสได้ โดยผู้พิพากษาได้เลื่อนอ่านคำตัดสินจากวันที่ 17 ก.ย.
เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามที่นัดหมาย ศาลจึงให้ออกหมายจับ และคดีดังกล่าวศาลได้ไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยมาตั้งแต่เดือนก.ค. และเสร็จสิ้นเมื่อปลายเดือน ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาเป็นเวลานาน 3 ชั่วโมง โดยมีมติเอกฉันท์ว่าที่ดินที่เป็นข้อพิพาทไม่ได้มาจากการทำความผิด และมีมติ 7 ต่อ 2 เงินที่ซื้อจากที่ดินไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผิดจึงไม่มีการริบ
ทั้งนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 คือพ.ต.ท.ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกฯซึ่งได้รับมอบหมายให้บริหารราชการแผ่นดินเป็นหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งต้องกระทำตัวให้เป็นแบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์ จึงถือได้ว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติ ปปช.ตามมาตรา 100 มีโทษจำคุก 2 ปี
ส่วนข้อหาอื่นให้ยกหมด และให้ยกฟ้องข้อหาทั้งหมดของจำเลยที่ 2 และให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 พร้อมทั้งให้นำคำพิพากษานี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้ถือว่าจำเลยแม้จะไม่มาร่วมรับฟังพึงถือว่ารับรู้คำตัดสินของศาลแล้ว