เจอหน้าบิ๊กป๊อกสมชายยิ้มแย้ม


คุยด้วย! ปัดตอบขออยู่อีก 2 เดือนเลขาฯยืนยันนายกฯไม่ท้อ'อ๋อย'หนุนอย่ายอมทหาร
           
นายกฯกระซิบข้างหู ผบ.ทบ.สนทนาแนบชิดขณะร่วมซ้อมพระราชพิธี"สมชาย"เป็นฝ่ายเขยิบเข้าหา"บิ๊กป๊อก"ปิดปากเงียบไม่ตอบขออยู่อีก 2 เดือน “อนุพงษ์” แจงคุยกันเฉย ๆ ส่วน “ชูศักดิ์” เผยนายกฯ ไม่มีท้อ “กุเทพ” ยกมติพปช. อุ้มนายกฯ ทำงานต่อ เชื่อสะสาง 3 ภารกิจพร้อมตั้ง ส.ส.ร. ปูทางลงที่นิ่มนวล ยันนายกฯ ไม่ดื้อดึง “จาตุรนต์” หนุนนายกฯ อย่ายอมทหาร ชี้ปล่อยทหารบงการจะกลายเป็นพม่า เจอ “ซ้อมือตบ” ควักมือสะบัดแหลกจนกระจุย ปชป. จวกพฤติกรรมซ้ำรอย  “ทักษิณ-สมัคร” วอนนายกฯ อย่าพาชาติล่มจม “บุญยอด” จี้เร่งตัดสินใจลาออกเพื่อบ้านเมือง พิษการเมืองทำบรรยากาศเลือกตั้งซ่อม “เพชร บูรณ์” กร่อย ส่วนคนบางกอกเซ็งเลือกตั้งซ่อมล่วงหน้าในกทม. ขณะที่ ทบ.ล้มโครงการซ่อม ฮ.มะกัน 15 ลำ หันไปซื้อจากรัสเซียมาใช้


นายกฯทักทาย “อนุพงษ์”

 
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่สนามหลวง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เข้าร่วมพิธีซ้อมริ้วขบวนพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินคร์ ตามเส้นทางสถานที่จริง โดยมีทหารกองเกียรติยศกว่า 3,000 นาย รวมทั้งปลัดกระทรวงต่าง ๆ เข้าร่วมในพิธีด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ฝนได้เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้พล.อ.อนุพงษ์และทุกคนที่มาร่วมในพิธีต่างเปียกปอนไปตาม ๆ กัน จนกระทั่งเวลา 09.15 น. เมื่อขบวนเริ่มเคลื่อนเข้าสู่สนามหลวงฝนจึงซาและฟ้าเปิด
 
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แต่งกายด้วยชุดข้าราชการสีกากี ได้เดินทางมาถึงบริเวณสนามหลวง และเข้ามานั่งรอที่เก้าอี้ชั้นลดด้านหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เมื่อขบวนของพล.อ.อนุพงษ์เดินเข้ามาถึงพื้นที่สนามหลวง ผบ.ทบ.ได้แยกตัวออกจากขบวนพร้อมผู้ติดตาม และเดินผ่านนายกฯพร้อมยกมือไหว้ทำความเคารพ ทั้ง 2 คนมีสีหน้ายิ้มแย้มและพูดคุยทักทายกัน โดยผบ.ทบ.เริ่มทักว่า “ผมเปียกหมดเลย ไม่ค่อยชินกับการใส่ชุดนี้มาร่วมพิธี” ซึ่งนายกฯตอบกลับไปว่า “ผมก็ไม่ชินเหมือนกันที่ต้องใส่ชุดกากี เพราะไม่ได้ใส่มานานแล้ว”


ค่อย ๆ เขยิบใกล้ชิดผบ.ทบ.

  
ทั้งนี้ นายกฯได้เชิญให้ พล.อ.อนุพงษ์นั่ง โดยเริ่มแรกนายกฯและพล.อ.อนุพงษ์ได้นั่งห่างกันเว้นช่วง 3 เก้าอี้ และในขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ได้รายงานขั้นตอนพิธีการต่าง ๆ สักครู่หนึ่งนายกฯได้เขยิบเข้าไปหาพล.อ.อนุพงษ์ ยังนั่งเว้นห่างกัน 1 ที่นั่งแล้วพูดคุยสองต่อสองประมาณ 5 นาที ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นนายกฯและผบ.ทบ. เข้าร่วมพิธีซ้อมริ้วขบวนที่ 3 เชิญพระโกศเวียนพระเมรุ 3 รอบ ภายหลังพิธีซ้อมนายกฯและผบ.ทบ. ได้เข้ามานั่งพักและพล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 เข้ารายงานสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จึงทำให้นายกฯต้องเข้าไปนั่งใกล้ชิดผบ.ทบ.เพื่อดูแผนที่และฟังข้อมูลจากพล.ต.ธวัชชัย
  
โดยนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้มีการกำชับอะไรหรือไม่ว่า ไว้มีข้อมูลแล้วค่อยพูด ตอนนี้ยังไม่ขอพูดเพราะไม่เหมาะสม ด้านพล.อ.อนุพงษ์ ก็ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดของการหารือ กล่าวเพียงว่า “ไม่มีอะไร” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯแสดงความเป็นห่วงในเรื่องใดหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันเฉย ๆ นายกฯไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องใด ต่อข้อถามว่า จุดยืนของกองทัพในสถานการณ์การเมืองยังเหมือนเดิมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จุดยืนของกองทัพตนได้พูดไปหมดแล้ว


ปัดตอบต่ออายุรัฐบาล2เดือน

  
ที่องค์พระสมุทรเจดีย์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เวลา 13.20 น. นายสมชาย ได้เป็นประธานในพิธีห่มผ้าองค์พระสมุทรเจดีย์ โดยได้เข้ากราบนมัสการพระมงคลชัยวัฒน์ (ปางห้ามสมุทร) และร่วมขบวนแห่ผ้าห่มฯด้วย มีประชาชนร่วมงานและให้กำลังใจจำนวนมาก ต่อมาเวลา 14.30 น. นายกฯปราศรัยตอนหนึ่งว่า เรามีปัญหาหลายด้าน รัฐบาลอยากให้ความสนใจที่ความเป็นอยู่ของประชาชน การลงทุน การคมนาคม รัฐบาลที่ขึ้นมาโดยตนเป็นผู้นำครั้งนี้มีนโยบายชัดเจนที่จะดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่ขณะนี้มีปัญหาเรื่องความแตกแยกทางความคิด ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายที่อยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคี ขอให้อดทนให้คนกลับมารักกัน

นายสมชาย กล่าวว่า ตนพยายามส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมือง ซึ่งทางประธานสภา ได้มีการพิจารณาแนวทางของส.ส.ร. รัฐบาลเห็นว่าจะเป็นทางออกและเป็นจุดที่จะทำให้เกิดความปรองดอง เมื่อรัฐบาลเข้ามาทำงานแม้จะมีอุปสรรค เราก็ต้องมีสติในการฝ่าฟันอุปสรรคด้วยความรอบคอบ และเคารพความรู้สึกของทุกคน งานทุกงานที่อยู่ในภาระหน้าที่ เราจะละทิ้งไม่ได้ เพราะประชาชนมอบหมายมาให้ทำ ทั้งนี้ก่อนที่นายกฯจะเดินทางกลับได้มีประชาชนมาคอยให้กำลังใจ โดยตะโกนว่า “ขอให้นายกฯอยู่นาน ๆ อย่าลาออก อย่ายุบสภา” โดยนายกฯ กล่าวถึงการหารือกับผบ.ทบ.ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า คุยเรื่องซ้อมพิธีและเรื่องทั่ว ๆ ไป แต่ไม่ยอมตอบคำถามเรื่องการขอเวลา 2 เดือนในการทำงานต่อ


“ชูศักดิ์” เผยนายกฯไม่ย่อท้อ

 
ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกฯ กล่าวระหว่างร่วมกิจกรรมตีดาบโบราณและปลุกเสกมีดดาบโบราณ 9,999 เล่ม ถึงท่าทีของนายกฯว่า นายสมชายยังไม่เคยบ่นย่อท้อกับการทำงานในตำแหน่งนายกฯ โดยเฉพาะกับผู้บัญชาการเหล่าทัพที่ออกมาให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนการถูกกดดันจากบุคคลหลายกลุ่มนายกฯไม่ย่อท้อแต่อย่างใด
  
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังมีงานสำคัญ 3 งาน หากให้รัฐบาลลาออกตามที่บางคนต้องการนั้น ก็จะไม่เหมาะสม เนื่องจากรัฐบาลรักษาการจะทำงานดังกล่าวได้ไม่เต็มที่ การสั่งงานอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอยากจะให้มองกันว่าต่างคนต่างทำงาน รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานก็ต้องทำงาน ส่วนกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยหรือนักวิชาการก็เสนอแนะวิธีกันไป รัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ


พปช.ยกมติพรรคหนุนสู้ต่อ

  
ที่พรรคพลังประชาชน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงสนับสนุนกรณีที่นายสมชายตัดสินใจไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และยืนยันจะไม่ประกาศยุบสภาว่า การที่นายกฯ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออกจึงไม่ใช่ดื้อด้านดึงดันแต่อย่างใด แต่การอยู่ในหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ทิ้งหน้าที่ทำให้การเมืองไทยอยู่ในภาวะเครื่องบินตกก็เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่สำคัญทางหนึ่ง และหากรัฐบาลดำเนิน 3 ภารกิจสำคัญ อีกทั้งการตั้งส.ส.ร. 3 เพื่อแก้ไขและยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อปฏิรูปการเมืองรอบใหม่แล้วเสร็จ ก็จะเป็นการสร้างทางลงอย่างนุ่มนวล และการทำงานต่อก็เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับมติพรรคพลังประชาชนที่สนับสนุนให้นายกฯ อยู่ต่อ
  
ร.ท.กุเทพ เปิดเผยต่อว่า ส่วนที่กล่าวหาว่านายกฯ ไม่ลาออกเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นการสร้างจินตนาการเชื่อมโยง เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาที่ว่าจะอยู่ช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ลี้ภัยในประเทศอังกฤษนั้นถือว่าไม่มีหลักอธิบาย อีกทั้งตนยังรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของอาจารย์และศิษย์เก่าสถาบันนิด้า ที่ออกมาประณามหยามเหยียดนายสมชายมีการบอกว่าจะมีการถอดถอนออกจากศิษย์เก่านั้น รู้สึกว่าอาจารย์นอกจากจะไม่ให้กำลังใจลูกศิษย์แล้วยังจะมาเข่นฆ่าทำลายอีก และอยากฝากถึงผู้บริหารนิด้าว่าจะแสดงความคิดเห็นการเมืองก็ว่าไป แต่อย่ามาหลงเพลินกับตำแหน่งการเมืองที่เคยได้มา


“จาตุรนต์” สับทหารอย่ากดดัน
  
ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงว่า นายกฯจะลาออกเพราะการกดดันของ กองทัพไม่ได้ เพราะเท่ากับยอมรับในระบบผู้นำเหล่าทัพเป็นใหญ่ไม่ต่างจากพม่า ทั้งนี้คำพูดของพล.อ.อนุพงษ์ ตนไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือรู้เข้าใจแต่ไม่มีวิธีการพูดดีกว่านี้ จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ซึ่งดูมีแนวโน้มมีปัญหาลุกลาม เพราะสื่อต่างประเทศ วิเคราะห์กันไปแล้วว่าเป็นการกดดันให้นายกฯออก ตนเห็นว่ายิ่ง ผบ.ทบ.พูดยิ่งต้องไม่ลาออก หากนายกฯ ลาออกเพราะถูกกดดันจะทำให้ชาวโลกเห็นว่าผู้นำเหล่าทัพสั่งให้ลาออกได้ ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ
 
นายจาตุรนต์ ยังกล่าวว่า การเมืองไทยขณะนี้มีจุดหักเห 2 ทางคือ 1.กลจากการยุบพรรคการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น 2.ความขัดแย้งที่เกิดจากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ส่วนที่ ผบ. ทบ.ระบุว่าหากเกิดกลียุคหรือนองเลือดจะไม่รัฐประหารแต่จะยุติการใช้อำนาจนั้น ที่ว่านองเลือดหมายถึงอะไร หากพันธมิตรฯ แทงตำรวจยิงตำรวจเพื่อสร้างเหตุให้ยึดอำนาจ กองทัพจะทำการยุติการใช้อำนาจของรัฐบาล จุดอ่อนของผบ.ทบ. ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่พันธมิตรฯ ทำก็ผิดกฎหมาย ทั้งการยึดทำเนียบฯ การขู่ฆ่าคนในสภา และถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีกท่านก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าหน้าที่ควรทำอย่างไร ดังนั้นขอเสนอให้ทุกฝ่ายยึดกฎหมาย ไม่ต้องกลัวว่าทำถูกต้องแล้วกองทัพจะยึดอำนาจ เพราะประชาชนจะออกมาต่อต้าน แต่ขอให้ยึดสันติวิธีและไม่เห็นด้วยกับการจัดคนมาตอบโต้พันธมิตรฯ



“ซ้อ” สะบัดมือตบแตกกระจุย
 
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายกฯพูดคุยกับผบ.ทบ.แล้วโดยขอเวลา 2 เดือน นายจาตุรนต์ ตอบว่า ไม่ทราบรายละเอียด แต่เห็นว่าการตัดสินใจของรัฐบาลต้องไม่ขึ้นกับผบ.ทบ. รัฐบาลจะออกต่อเมื่อเหตุผลทางสภา หรือการ ยุบพรรค แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออก หากไปตกลงกันในลักษณะจำยอมเท่ากับทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ และเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมเพราะนายกฯมาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะไปตกลงกับผู้นำเหล่าทัพว่าจะอยู่กี่เดือน ๆ ไม่ได้ และแม้ว่านายกฯยอมประชาชนคงไม่ยอม
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวได้มีหญิงชาวไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่งอายุราว 50-60 ปี ที่เดินทางมาพร้อมครอบครัวเพื่อรับประทานอาหารที่ห้องอาหารจีนติดกับบริเวณที่นายจาตุรนต์นั่งแถลงข่าว ได้เดินถือมือตบเข้ามา เฉียด ๆ บริเวณนั้น และใช้สายตาดุดัน โกรธแค้นชิงชังจ้องไปยังนายจาตุรนต์ พร้อมกับตบมือตบอย่างแรง จนมือตบหลุดออกเป็นชิ้น ๆ ตกลง   บนพื้น ส่วนนายจาตุรนต์ได้มองและยิ้มให้ ขณะเดียวกันมีชายคนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนั้นตะโกนขึ้นว่า “จะบ้าอะไรกันนักหนา ประสาทหรือเปล่า รวยแต่ทำไมโง่ขนาดนี้” แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ได้สนใจ และเดินเข้าไปในห้องอาหาร


ปชป.จวกพฤติกรรมซ้ำรอย

  
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสมชายยังยืนยันบริหาร   ประเทศชาติต่อไปว่า ท่าทีนายสมชายเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นความหวังของประเทศ แต่วันนี้นายกฯกำลังมีพฤติกรรมและสถานการณ์ซ้ำรอยพ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ โดยไม่ได้คิดแก้ปัญหาประเทศ และไม่รับผิดชอบต่อสถานการณ์บ้านเมือง นำพาประเทศไปสู่หายนะ บนความเสี่ยง 3 ปัจจัย 1.เสี่ยงที่ประเทศกำลังสูญเสียประชาธิปไตย 2.เสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจที่จะทำให้ประเทศล่มจม และ 3.เสี่ยงต่อความสูญเสียชีวิตประชาชน
  
นายสาธิต ยังกล่าวว่า ส่วนที่นายกฯยืนยันจะรอผลการสอบของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี 7 ต.ค.นั้น ตนคิดว่าไม่มีผลอะไร เพราะคณะกรรมการฯก็บอกว่า มีอำนาจเพียงรวบรวมข้อเท็จจริงส่งให้รัฐบาลเท่านั้น ไม่มีหน้าที่สรุปความถูกผิด ส่วนข้ออ้างจัดงานใหญ่ 3 งาน เป็นข้ออ้างเก่าที่นายสมัครก็เคยอ้างมาก่อน และงานนี้ไม่ว่าใครก็สามารถดำเนินการได้ พรรคขอเรียกร้องให้นายสมชายยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนปลดล็อกสถาน การณ์เพื่อให้คลี่คลายไปสู่การเริ่มต้นใหม่ อย่างน้อยทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งและอึมครึมที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนขึ้นมาในระดับหนึ่ง


กระตุกกล้าตัดสินใจลาออก

  
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กรุงเทพฯ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้นายสมชาย ลาออกว่า ในฐานะที่นายกฯ เคยเป็นอดีตผู้พิพากษามาก่อนอยากให้คิดถึงการหาทางออกให้ประเทศ ตนอยากเห็นนายสมชายรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนทุกกลุ่มสังคม อย่าไปหลงภาพมายาที่ต้องการให้อยู่ต่อ อยากให้นายกฯรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้วกล้าตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว และเวลาที่เหมาะสม อย่านำเอาเรื่องการเมือง เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวของครอบครัวมาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในครั้งนี้ อยากให้นายกฯตัดสินใจอย่างเร่งด่วนที่สุด
  
นายบุญยอด กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุผลที่นายกฯอ้างว่าต้องอยู่ต่อ เพราะมีภารกิจงานสำคัญ 3 เรื่องนั้น ไม่ต้องมีนายสมชายงานต่าง ๆ ก็ทำได้ หากอ้างว่าจำเป็นต้องทำพิธีเหล่านี้และจำเป็นต้องอยู่ต่อ ตนขอให้รัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมจากการแถลงนโยบายก็อย่าทำเรื่องอื่น ๆ เช่น โครงการเมกะโปรเจคท์ การเซ็นสัญญา ต่าง ๆ และอย่าใช้งบประมาณแม้แต่บาทเดียวไปทำโครงการต่าง ๆ แค่ทำ 3 งานนี้ให้เสร็จแล้วก็ลาออก และขอให้สื่อมวลชนตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงของรัฐบาลในการทำงานของแต่ละกระทรวงอย่างเข้มข้นด้วย


เซ็งการเมืองเลือกตั้งซ่อมจืด

  
ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ที่ จ.เพชรบูรณ์ เขต 2 แทนตำแหน่งที่ว่างว่า บรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเงียบกว่าเมื่อครั้งการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อครั้งที่ผ่านมา จากการได้ถามชาวบ้านว่ารู้ไหมว่ามีการเลือกตั้ง ซึ่งชาวบ้านก็รู้ว่ามีการเลือกตั้ง แต่เขาบอกมาว่าเลือกไปก็เท่านั้น บรรยากาศการเมืองมันอึมครึมไม่คึกคัก เลือกไปก็ไม่รู้จะอยู่นานแค่ไหน ไม่นานก็ต้องมาเลือกกันใหม่อีก ไม่ไปดีกว่า   
  
นายประพันธ์ ยังได้กล่าวถึงการเลือกตั้งเขต 11 กรุงเทพฯ ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์  ที่ 26 ต.ค.นี้ว่า บรรยากาศคงไม่ทิ้งกับการเลือกตั้งที่ จ.เพชรบูรณ์มากนัก ผู้ใช้สิทธิ น่าที่จะมาประมาณ 50% บวก-ลบ เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรตนก็อยากให้ผู้ที่มีสิทธิออกไปใช้สิทธิกันให้มาก ๆ สิ่งที่ประชาชนแสดงออกมาขณะนี้ก็น่าจะเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองกัน เมื่อไหร่สถาน การณ์จะคลี่คลายโดยเร็วก็ไม่รู้ ถ้ายอมถอยกันคนละก้าวเพื่อบ้านเมืองของเรากลับสู่สภาพเดิม ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี  


ผล พปช.ชนะเลือกตั้งซ่อม

  
สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 2 จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเวลา 18.45 น. พบว่าผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคพลังประชาชนได้คะแนนนำทั้ง 3 อันดับ คือ 1.นายเอี่ยม ทองใจสด ได้ 80,428 คะแนน 2.นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ได้ 73,557 คะแนน และ 3.นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ได้ 71,343 คะแนน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา กกต. มีมติให้ใบเหลือง 3 ใบ แก่ส.ส.เขต 2 จ.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชาชน ในข้อกล่าวหารับจัดเลี้ยงให้ผู้หนึ่งผู้ใดและให้ทรัพย์สินกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ธ.ค. 50 ต่อมาได้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งเพื่อพิจารณาและศาลฯมีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ในวันที่ 19 ต.ค.
 
ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 2 จ.เพชรบูรณ์ว่า ทาง กกต.เพชรบูรณ์จะประชุมเพื่อรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ต.ค. ก่อนส่งผลการเลือกตั้งให้ กกต. ประกาศรับรอง ทั้งนี้หากภายใน 7 วันไม่มีเรื่องร้องเรียน ทาง กกต. จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป


คนบางกอกหน่ายใช้สิทธิ
 
นายพิงค์ รุ่งสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวถึงการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.เขต 11 ของ กรุงเทพฯว่า เป็นไปอย่างปกติแต่การใช้สิทธิของประชาชนอาจน้อย ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเบื่อหน่ายการเมือง และร่วมกันไปใช้สิทธิซึ่งจะมีการเลือกตั้งวันที่ 26 ต.ค.นี้ โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิประมาณร้อยละ 60
  
นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ กทม. (ผอ.กกต.กทม.) เปิดเผยว่า สรุปยอดการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วง หน้าในวันที่ 18-19 ต.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น. มีผู้มาใช้สิทธิ 3,835 คน แบ่งเป็นเขตบางแค 1,362 คน เขตภาษีเจริญ 937 คน และเขตหนองแขม 1,531 คน โดยบรรยากาศการเลือกตั้งตลอดทั้ง 2 วันเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยังไม่มีรายงานการทุจริตเลือกตั้ง หลังจากนี้หีบลงคะแนนจะเก็บไว้ที่สำนักงานเขตแต่ละแห่ง เพื่อนำมานับคะแนนพร้อมกับผลการเลือกตั้งวันจริงในวันที่ 26 ต.ค.นี้


ทบ.ขอ950ล้านซื้อฮ.รัสเซีย

   
รายงานข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เตรียมเสนอโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ MI-17 จาก รัสเซีย จำนวน 3 ลำ งบประมาณ 950 ล้านบาท โดยจะยกเลิกโครงการซ่อมเฮลิคอปเตอร์ Bell 212 ของสหรัฐ จำนวน 15 ลำ ที่ใช้งบประมาณ 999 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพบกสั่งซื้ออากาศยานจากรัสเซียแทนสหรัฐ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถูกส่งผ่านไปยัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ในฐานะ รมว. กลาโหมแล้ว โดยมี พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นประธานโครงการ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์