"ทักษิณ"ท้าไม่ชอบทรท.มี"ช่อง"ให้กา
เสธ.หนั่น ฟันธงวันเลือกตั้งป่วน ผู้สมัครไม่ครบ-คนแห่กาช่องไม่ลงคะแนน ชี้อายุรัฐบาลใหม่แค่วงจรชีวิตยุง "อภิสิทธิ์" ยืนกรานทำถูกแล้วไม่ร่วมฟอกระบอบทักษิณ ขณะที่ "แก้วสรร" ชี้ "ทักษิณ" คนป่วย หัวหน้า ทรท.ท้าลั่นไม่ชอบ ทรท.กาช่องไม่ลงคะแนน
ฝ่ายค้านและวุฒิสภาต่างเห็นว่าควรจะให้บทเรียนแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ด้วยการไปเลือกตั้งกันมาก แต่ให้กาช่องไม่ลงคะแนน
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงการสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ว่า 3 พรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงย้ำจุดยืนเดิม คือไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส่วนพรรคการเมืองที่ลงสมัครก็เป็นตัวประกอบดีๆ นี่เอง ซึ่งตนเชื่อว่า หลังจากนี้จะเกิดความวุ่นวายขึ้นในภาคเหนือและภาคใต้ เกิดปัญหาคนลงสมัครไม่ครบและประชาชนจะกาในช่องไม่ลงคะแนนก็ได้
หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า ตนเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง เกรงว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วบ้านเมืองจะเสียหาย จึงอยากแนะนำไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้อ่อนท่าทีลงบ้าง ที่เคยเอาเปรียบก็ให้ลดความเอาเปรียบลงและหาโอกาสคุยกับกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติบ้าง
พล.ต.สนั่น ยังกล่าวว่า วันที่ 3 มีนาคม พรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมหารือกันถึงแนวทางการจับมือเดินสายชี้แจงประชาชนทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นจะจัดเวทีชี้แจงที่จังหวัดใหญ่ๆ ก่อน ส่วนจังหวัดอื่นแต่ละพรรคจะมีสาขาพรรคอยู่แล้วจึงคิดว่าน่าจะชี้แจงให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
เมื่อถามว่าการจัดปราศรัยดังกล่าวจะหมิ่นเหม่ผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น ฝ่ายค้านก็ชี้แจงว่าเหตุใดจึงไม่ส่งคนลงสมัคร จึงคิดว่าไม่มีปัญหา
เย้ย ครม.หลังเลือกตั้งอายุเท่ายุง
พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะขึ้นเวทีชี้แจงในวันที่ 3 มีนาคม ก็คงพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความน่าเชื่อถือหมดแล้ว จากการทุจริตเชิงนโยบายและคงไม่ช่วยให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น ทั้งนี้พรรคไทยรักไทยไม่ต้องคิดถึงแผนในการหาเสียง คงเตรียมตั้ง ครม.ได้เลย เพราะยังไม่มีพรรคการเมืองคู่แข่งเลย และเมื่อได้ ส.ส.เข้ามาก็จะถือว่าสภาก็เป็นของตัวเองได้เลย
เมื่อถามว่า มองว่า ครม.ชุดใหม่จะมีอายุยืนยาวหรือไม่ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า ให้ไปศึกษาวงจรชีวิตของยุง และผีเสื้อดูก็แล้วกัน รัฐบาลก็มีอายุเท่านั้น
พล.ต.สนั่น กล่าวอีกว่า ตนมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่อยากให้มีนายกฯ รักษาการ แต่ควรจะหาคนกลางมาดูแลการเลือกตั้ง และอยากให้องคมนตรีเป็นผู้ตั้ง กกต.องค์กรอิสระต่างๆ ให้ศาลยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินให้ใบแดงใบเหลืองแก่ ส.ส.
องอาจเย้ย ทรท.สมัครเลือกตั้ง
ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาที่ทำการพรรคตามปกติ และเฝ้าติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบรรยากาศการจับหมายเลขผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ช่องต่างๆ
จากนั้น นายองอาจ ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ที่เห็นเป็นการเลือกตั้งเก๊ ที่เหมือนกับนักมวยขึ้นเวทีคนเดียว และชกลมไปเรื่อยๆ แถมยังไปเกณฑ์กองเชียร์มาเชียร์ตัวเอง ซึ่งเป็นอีกภาพหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย และเชื่อว่าของเก๊คงอยู่ได้ไม่นาน
ไปเกณฑ์กองเชียร์มาบอกให้สู้ๆ บอกให้ต่อยให้ล้มชนะให้ได้ ผมคิดว่าทั้งหมดคือกระบวนการการเลือกตั้งเก๊ ซึ่งดำเนินการโดยท่านทักษิณ ชินวัตร ผมคิดว่าท่านกำลังถลำลึก สร้างความไม่ถูกต้องให้ประเทศไทยมากขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนจะเกิดความวุ่นวายตามมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประชาชน ว่าจะออกไปใช้สิทธิหรือไม่อย่างไร แต่ผมแปลกใจว่าประชาชนคิดไกลกว่านักการเมือง เขาบอกกับผมว่า วันที่ 2 เมษายน จะไม่ออกไปเลือกตั้ง แต่จะไปเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 19 เมษายน แทน พวกผมก็ไม่ต้องไปชี้นำอะไร แต่ถ้าครบ 30 วัน แล้วยังไม่มี ส.ส.ในสภา ก็คงไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองต่อไป นายองอาจ กล่าว
จวกทักษิณเผด็จการสายพันธุ์ใหม่
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การตัดสินใของพรรคนั้น อยู่บนกติกาทุกอย่าง เพียงแต่ว่าไม่ทำตามทางเดินที่นายกฯ พยายามขีดเส้นให้เดิน เพราะรู้ว่าเป็นทางเดินที่นำไปสู่ความหายนะของประเทศ
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายกฯ เปรียบเทียบว่า ฝ่ายค้านเหมือนนางออง ซาน ซู จี ที่ไม่ทำตามกติกาทางการเมือง นายองอาจ กล่าวว่า การยกขึ้นมาเปรียบเทียบเช่นนี้ แสดงว่านายกฯ กำลังชูภาพความเป็นเผด็จการของตัวท่านเองให้เห็นชัดเจน เพราะนางซู จี คือคนที่ทำตามกติกาทุกอย่าง แล้วเป็นอย่างไร ผลที่ได้รับจากพวกเผด็จการที่มีแนวคิดแบบเดียวกับนายกฯ รัฐบาลทหารพม่า ไม่ยอมรับนางซู จี ที่ชนะการเลือกตั้งแล้วไม่ให้นางซู จี ออกนอกบริเวณ นั่นเป็นเพราะความคิดเผด็จการของรัฐบาลทหารพม่า
ผมคิดว่า ออง ซาน ซู จี คือนักประชาธิปไตย และคิดว่าวันนี้ยังเห็นตัวตนของนายกฯ ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าท่านคือเผด็จการสายพันธุ์ใหม่ตัวจริงของประเทศไทย แล้วพวกเราจะคิดหรือว่า เผด็จการสายพันธุ์ใหม่ จะสามารถมาเป็นผู้ชูธงปฏิรูปการเมือง เดินตามกติการะบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่แน่นอน นายองอาจ กล่าว
อภิสิทธิ์ยืนยันตัดสินใจถูกต้องแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ว่า เป็นการตัดสินใจไม่ผิดอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการที่ กกต.จ้องเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายเดียว ยิ่งยืนยันชัดเจนว่า พรรคตัดสินใจไม่ผิดและตนไม่ได้ห่วงตัวเอง หรือตัดสินใจอะไรเพื่อตัวเอง เพียงแต่ต้องการบอกประชาชนว่า วันนี้สังคมต้องต่อสู้กับความไม่ถูกต้องที่คืบคลานเข้ามาและเกาะกินเข้าไปในระบบเหมือนมะเร็งร้าย ซึ่งหากไม่หยุดจะยิ่งลุกลาม แล้ววันหนึ่งจะถูกบิดเบือนไปกลายเป็นคอรัปชั่นของระบบประชาธิปไตย
ดังนั้น วันนี้จึงต้องพยายามหยุดสิ่งเหล่านี้ และสิ่งที่ต้องตัดสินใจว่าจะหยุดได้อย่างไรโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย และอยู่ในกรอบกติกา ก็คือต้องชี้ให้ประชาชนเห็น และตนคิดว่านับตั้งแต่ตัดสินใจก็ส่งผลพอสมควรให้หลายคนตื่นตัวขึ้นมา
ไม่อย่างนั้นไม่มีทางได้ยินคำว่าปฏิรูป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าตนตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ ซึ่งอยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ดิ้นรนทำไม ถ้าไม่คิดว่าในที่สุดของการตัดสินใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมได้เปลือยระบอบทักษิณออกมาแล้ว และถ้าพวกเราไม่เคลื่อนไหวมาอย่างนี้ วันนี้พรรคไทยรักไทยจะเริ่มมาประกาศเรื่องการปฏิรูปการเมืองหรือไม่ เพราะฉะนั้น ส่งผลแล้ว เพียงแต่ว่าเราต้องดำเนินการต่อ เพื่อให้ทุกคนในสังคมกลับมาดูว่าอะไรเกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำหรือนโยบายบางเรื่องเลวร้ายไปหมด แต่สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นส่วนดีที่เป็นฉากภายนอก กับสิ่งที่เป็นอันตรายเกิดขึ้นภายใน เช่น กรณีของการขายหุ้นชินคอร์ป กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อกำไรของครอบครัวเดียว สิ่งนี้ต่างหากที่จะต้องหยุดยั้งให้ได้
ผมทำหน้าที่ของผม และเมื่อตัดสินใจแล้ว ผมพร้อมที่จะรับผิดชอบ และผมเรียนว่า การตัดสินใจของผมและของพรรคที่มอบอำนาจให้ผม เป็นการตัดสินใจที่ผ่านการไตร่ตรอง ไม่มีเรื่องอารมณ์ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า ความถูกต้องจะต้องชนะหรือถึงแม้ว่ารอบนี้จะแพ้ แต่ตนเชื่อว่าจะมีคนอื่นที่ยึดความถูกต้องและลุกขึ้นมาต่อสู้อีก เพราะขณะนี้ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อตัวบุคคล หรือเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในวันที่ 3 มีนาคม เวลา 12.00 น. หัวหน้าพรรคการเมืองทั้งสามพรรค คือ พรรคประชาธิปัตย์ มหาชน และชาติไทย จะมีการพูดคุยเรื่องของแนวทางที่จะทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นใจที่ดีในหมู่ประชาชนว่า การที่ตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งมีเหตุผลอะไร และชี้แจงสิ่งที่มีการบิดเบือนหรือมีการใส่ร้ายจากพรรคการเมืองอื่น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในที่สุดแล้วรัฐบาลจะหลีกหนีข้อเท็จจริงไม่พ้นอย่างหนึ่ง คือ เงื่อนไขของความขัดแย้ง หรือความตึงเครียดที่มีอยู่ในสังคมนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมหรือความชอบธรรมของตัวหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเงื่อนไขนี้ไม่อาจจะหมดไปได้ ไม่ว่าพรรคฝ่ายค้านเดิมจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือข้อเท็จจริงที่หัวหน้าพรรคไทยรักไทยจะต้องเผชิญ และหากไม่ยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ ปัญหาก็คงแก้ไม่ได้ และไม่ควรที่จะบิดเบือนใส่ร้ายอะไร เช่น นายกฯ พูดว่าพรรคฝ่ายค้านรับเงินจาก กกต.แต่กลับไม่ส่งผู้สมัครนั้น
เหน็บกลับซูจีไม่ลงเลือกตั้งฟอกเผด็จการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ขอชี้แจงว่าเงินที่รับจาก กกต.พรรคทำโครงการการใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ให้เป็นไปตามกติกา และหน้าที่ของพรรคการเมืองที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีเฉพาะกิจ เฉพาะการเลือกตั้ง ดังนั้นเงินที่ได้รับจาก กกต. เป็นเงินที่พรรคนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในการให้ความรู้แก่ประชาชนในการจัดเวทีสาธารณะต่างๆ และขอยืนยันว่าพรรคไม่ทำสมาชิกหลอก เพื่อเอาเงินจาก กกต. และไม่มีการไปยัดเยียดสมาชิกภาพให้ประชาชน และที่สำคัญที่สุดพรรคไม่เห็นด้วยกับการนำเงินภาษีอากรของประชาชนมาจัดการเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเอง
ผมคิดว่าว่านายกฯ พูดผิวเผินเกินไปหน่อย อย่างกรณีนางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้านของพม่า เพราะนางออง ซาน ซู จี ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คงไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว และผมไม่แน่ใจว่า หากเป็นการเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเผด็จการที่ไหน นางออง ซาน ซู จี จะลงสมัครหรือไม่ และผมว่าท่านนายกฯ อย่าไปคิดถึงแนวคิดนางออง ซาน ซู จีเลย ท่านคงไม่เข้าใจ ท่านอาจจะเข้าใจแนวคิดของกลุ่มเผด็จการในพม่ามากกว่า ก็ไปปรึกษากันเองก็แล้วกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทำความเข้าใจตรงนี้ และทำให้ทุกวงการตื่นตัว เพื่อเรียกร้องว่า พรรคเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ไม่ยอมจำนนต่อการที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ และเรียกร้องทุกวงการว่าอย่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ
เมื่อถามถึงแนวทางรณรงค์กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชาชนทุกคนมีหน้าที่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นพรรคจะไม่ขัดขวางการเลือกตั้งใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่ไปพูดว่าให้สนับสนุนพรรคโดยไม่กากบาทตรงไหน แต่จะชี้แจงทำความเข้าใจว่า สิทธิหน้าที่ของประชาชนคืออะไร แต่ประชาชนก็มีสิทธิเลือกผู้สมัครผู้หนึ่งผู้ใดหรือจะไม่ลงคะแนนให้ผู้สมัครรายใด
ย้ำไม่อยู่เพื่อสร้างความชอบธรรมให้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงว่าในพื้นที่ภาคใต้คะแนนเลือก ส.ส.อาจจะได้ไม่ถึงร้อยละ 20 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า ตรงนี้ถือเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มีการปล่อยข่าวในทำนองว่าหากไปใช้สิทธิ แต่กากบาทในช่องไม่ใช้สิทธิจะผิดกฎหมายนั้น หากใครพูดเช่นนี้ก็จะต้องไปร้อง กกต.ว่าเป็นการทำความเข้าใจผิดเพื่อจูงใจให้ไปเลือกผู้สมัคร ซึ่งหากมีใครพูดจะต้องขอให้ กกต.ดำเนินการ เพราะผิดกฎหมายเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าตอนเป็น ส.ส.ยังสู้กับระบอบทักษิณ ไม่ได้แล้วตอนนี้เป็นประชาชนธรรมดาจะสู้ได้หรือ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะมองเฉพาะในของสถานภาพตัวเองไม่ได้ แต่บางครั้งการที่เรากลายเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล กลับจะทำให้การต่อสู้ยากขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยให้ความสำคัญกับสภา แต่เวลาที่ตัวเองมีปัญหาจึงจะให้ความสำคัญกับการพูดถึงสภา หรือการเลือกตั้ง เพื่อเป็นเครื่องมือ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดที่พวกตนยอมไม่ได้ รวมถึงการอ้าง 19 ล้านเสียงที่เลือกพรรคไทยรักไทยเข้ามา ซึ่งตนเชื่อว่า 19 ล้านเสียงอยากให้รัฐบาลทำอะไรหลายอย่าง แต่ 19 ล้านเสียงไม่ควรเป็นใบอนุญาตให้ทุจริตคอรัปชั่น และละเมิดสิทธิเสรีภาพ เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยให้มาอ้างอีกกี่ล้านเสียงในการเลือกตั้งรอบนี้ไม่ได้แล้ว
เชื่อผมเถอะครับว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านลงสมัครรับเลือกตั้ง เกิดสมมติว่าเป็นไปตามแผนเขาทุกอย่าง คำพูดของนายกฯ ทักษิณ คือทุกอย่างต้องจบ กฟผ.ต้องขาย เอฟทีเอ ต้องทำ การเรียกร้องรัฐธรรมนูญต้องหยุด การไม่จ่ายภาษี การทำผิดกฎหมาย ก.ล.ต.ต้องหยุด มันใช่หรือครับ เพราะการตัดสินใจของประชาชนในการหย่อนบัตรเป็นเรื่องการแข่งขันเชิงนโยบาย รัฐธรรมนูญแยกแยะไว้หมดแล้ว แต่ท่านเข้าไปยึดครองกลไกต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ จึงทำให้สิ่งนี้เป็นการสร้างระบอบใหม่ขึ้นมา ซึ่งเรายอมรับไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่พรรคไทยรักไทยแย้งว่าการใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถทำได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังใช้ไม่ได้ แต่หากเข้าเงื่อนไขก็ต้องใช้ได้ มิเช่นนั้นจะบัญญัติมาตรานี้ไว้ทำไม แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจจะไปดูและตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีความห่วงใยว่าจะมีเกิดเหตุการณ์ม็อบชนม็อบในการชุมนุมวันที่ 5 มีนาคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องทุกฝ่ายว่าขอให้ยึดกรอบของกฎหมายและใช้สิทธิในขอบเขต ส่วนการไปร่วมในการชุมนุมด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณา เพราะยังมีสถานะของความเป็นพรรคการเมือง
ชวนแนะทักษิณถกผลงานฮิตเลอร์
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจไม่ส่งผู้สมัครแล้วก็ต้องยอมรับตามนั้น ซึ่งไม่ได้สวนทางกับแนวทางประชาธิปไตย
นายชวน ย้ำว่า เป็นทางเลือกหนึ่งของพรรค เพราะกระบวนการที่ผ่านมา 5 ปี ต้องยอมรับว่าการเมืองเป็นไปในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และการดำเนินการอะไรก็ตาม ไม่เป็นไปตามกติกาของรัฐธรรมนูญ มีการละเมิดกฎเกณฑ์อะไรต่างๆ จึงทำให้เป็นทางเลือกว่า พรรคไม่ควรจะส่งเสริมระบบทักษิณ ดังนั้นจึงเห็นว่าหัวหน้าพรรคตัดสินใจด้วยเหตุด้วยผลที่สมบูรณ์
ความจริงผมไม่อยากไปเยาะเย้ยถากถางพรรคการเมืองอื่น แต่เมื่อนายกรัฐมนตรีบอกให้ไปปรึกษานางออง ซาน ซู จี ผมก็อยากจะบอกว่า วันข้างหน้าตอนสาย หรือตอนบ่าย เมื่อไปอยู่ร่วมกับฮิตเลอร์ แล้วลองหารือผลงานกันดู นายชวน กล่าวว่า เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอให้ฝ่ายค้านไปปรึกษานางออง ซาน ซู จี
แก้วสรรชี้ทักษิณคนป่วยเป็นอันตราย
นายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กทม. กล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 เมษายน ว่า ประชาชนควรจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่กาในช่องไม่เลือกใคร เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ และถือเป็นโอกาสของประชาชนที่จะแสดงประชามติบอยคอต ทำลายความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่จะไม่ออกไปใช้สิทธิ อีกทั้งฝ่ายค้านต้องรณรงค์หรือเปิดเวทีปราศรัยให้ประชาชนไปเลือกตั้ง ไม่ใช่ไปบอกไม่ให้ไปใช้สิทธิเพราะผิดกฎหมาย
ส่วนเขตเลือกตั้งใดที่ไม่มีผู้สมัครลงแข่งขันกับพรรคไทยรักไทย ผู้สมัครของพรรคไทยรักไทยต้องได้คะแนนร้อยละ 20 ของผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งตรงนี้ควรมีการรณรงค์ไปใช้สิทธิกันให้มากๆ แต่กาในช่องไม่ลงคะแนนให้ใคร
รัฐธรรมนูญ มาตรา 65 บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ประชาชนก็มีสิทธิที่จะต่อต้านโดยสันติวิธีด้วยการไปลงคะแนนแต่ไม่เลือก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นคนป่วย ถ้าเป็นคนธรรมดา ป่านนี้คงออกไปแล้ว คนแบบนี้อันตรายทำได้ทุกอย่าง นายแก้วสรร กล่าว
"ทักษิณ" ยืนยันเดินหน้าสู้ต่อ
ขณะที่แกนนำพรรคไทยรักไทยนั้นต่างก็พากันตำหนิพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่างกฎกติกาออกมาเอง แต่เมื่อถึงเวลา กลับไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจับสลากหมายเลขเลือกตั้งได้เบอร์ 2 ว่า ไม่เคยคิดว่าจะต้องได้เบอร์อะไรหรือไม่ได้เบอร์อะไร เบอร์อะไรก็ถือว่าเป็นกติกาที่สมมติขึ้นมาทั้งนั้น อยู่ที่ประชาชนว่าจะว่าอย่างไร ถ้าประชาชนไว้วางใจเบอร์อะไรก็เลือก แต่หมายเลข 2 ถือว่าสะดวกสำหรับการชูนิ้วมือในการหาเสียง ถ้าเกินเลข 5 ขึ้นไปจะต้องใช้ 2 มือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งหาเสียงยังคงดำเนินการต่อไปใช่หรือไม่ ถึงแม้ว่าฝ่ายค้านยังยืนยันไม่ร่วม นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน ถ้าภาษาอังกฤษเรียกว่า ต้องเดินหน้าสู้ต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นภารกิจของรัฐบาล ส่วนรายละเอียดที่ว่าจะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนอีกครั้งหรือไม่นั้น ตนจะพูดอย่างชัดเจนในวันที่ 3 มีนาคม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าภายหลังการชี้แจงแล้วประชาชนจะเข้าใจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องรักษากติกา ถ้าเราไม่รักษากติกา ตนก็ไม่รู้ว่าในสังคมนี้จะอยู่กันอย่างไร สังคมที่ไม่มีกติกา และวันนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่มีใครผูกขาดอำนาจประชาชน แต่ประชาชนจะเป็นคนตัดสินชะตาของประเทศ อย่าไปคิดว่าเราเก่งกว่าประชาชน หรือคิดแทนประชาชนได้ การคืนอำนาจให้ประชาชนเท่ากับว่าไปบอกประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 40 ล้านคนช่วยตัดสินทิศทางของประเทศว่าจะเป็นอย่างไร
ท้า ปชช.เมิน ทรท.ก็กาช่องไม่ลงคะแนน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งคือการให้ประชาชนทั้งประเทศออกมาตัดสินใจทิศทางของประเทศ ไม่ใช่เราเป็นคนกำหนด แต่เมื่อเขามอบความไว้วางใจให้เรา เราต้องทำให้ดี เมื่อทำดีแล้วก็กลับไปถามเขาอีกครั้งในโอกาสที่ครบรอบหรือวาระเลือกตั้ง ว่าจะให้ทำงานต่อหรือไม่ ตรงนี้เป็นหลักประชาธิปไตยที่ยึดถือกันทั่วโลก
"ถ้าจะมาบอกว่าไม่ชอบผม ก็ไปบอกประชาชน ประชาชนจะเลือกคุณ ไม่เลือกผม ก็เท่านั้นเอง หลักการมันมีแค่นี้"
เมื่อถามว่า การที่พรรคฝ่ายค้านไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะทำให้ได้รับคะแนนเสียงที่แท้จริงจากประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เสียงประชาชนไม่แท้จริงแล้วเสียงอะไรแท้จริงล่ะ ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน ไม่ลงเลือกตั้งก็ไปบอกคนที่เป็นแฟนของเขาอย่าเลือกพรรคไทยรักไทย จะไปเลือกพรรคเล็กพรรคน้อย หรือไปลงคะแนนแล้วบอกว่าไม่ใช้สิทธิก็ได้ เป็นสิทธิของประชาชน แต่ทั้งหมดทุกพรรคจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง
ต่อข้อถามว่า เป็นห่วงพื้นที่ภาคใต้ที่อาจจะไม่มีประชาชนออกมาใช้สิทธิหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคิดแทนประชาชน ต้องให้ประชาชนคิดของเขาเอง นี่ประเทศของเขา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองที่ได้รับเงินอุดหนุนจาก กกต. ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน ได้มาทำหน้าที่ตัวเอง เพราะประชาชนที่ไม่ได้ใช้สิทธิเลือกตั้งถูกตัดสิทธิมากมาย จึงอยากวิงวอนให้พรรคการเมืองกรุณาออกมาเถอะ อย่าดูถูกประชาชนเลย ให้ประชาชนได้ตัดสิน ประชาชนคิดเป็นว่าจะตัดสินอย่างไร
"ผมอยากวิงวอนให้มา ไหนๆ ก็รับเงินอุดหนุนจาก กกต.ไปมากแล้ว มาทำงานเถอะ มาร่วมขบวนการที่ถูกต้อง และความจริงกติกานี้ เป็นกติกาที่พวกท่านร่างกันเอง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายลูก กฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายเหล่านี้ออกในสมัยที่ท่านทำงาน ในเมื่อท่านบอกว่ากติกาไม่แฟร์ แล้วไม่ลงเลือกตั้ง ก็ท่านร่างเองแล้วจะให้ผมทำอย่างไร"
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศจะปิดล้อมบ้านนายกฯ ทำเนียบรัฐบาลและพรรคไทยรักไทย เพื่อเข้าถึงตัวนายกฯ นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า "คุณอย่าพูดจาแบบนี้"
เหน็บฝ่ายค้านน่าไปปรึกษา "ซู จี"
ก่อนเข้าไปยื่นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายคือ เป็นการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน กติกาที่เล่นอยู่นี้ไม่ใช่กติกาที่พรรคไทยรักไทยเป็นผู้กำหนด ที่ผ่านมากฎหมายลูกพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นคนทำ ร่างเอง ทำเองทุกอย่าง แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับไม่มาแข่งขันในกติกาที่เขียนขึ้นมาเอง ตนก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร
"ออง ซาน ซู จี ดิ้นรนทุกอย่างที่จะให้มีการเลือกตั้งในพม่า วันนี้ประเทศเราเปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น คืนอำนาจให้แก่ประชาชน แต่ผู้นำพรรคบางพรรคกลับไม่ต้องการเลือกตั้ง อย่างนี้ผมว่าต้องไปปรึกษาออง ซาน ซู จี แล้วล่ะ" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
มุ่งแจงหุ้นชิน-ปฏิรูปการเมือง
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย รักษาการ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 3 มีนาคม ว่า หัวหน้าพรรคจะชี้แจงในสิ่งที่ถูกโจมตีมาหลายเดือน จะชี้แจงเรื่องการขายหุ้นของครอบครัวอีกครั้ง เพราะบางคนยังไม่รู้เรื่อง หรือรู้เพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้พรรคจะชี้แจงในโครงการและนโยบายของพรรคที่ได้ดำเนินการไปแล้วรอบ 5 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งจะชี้แจงการปฏิรูปการเมือง โดยมุ่งแก้รัฐธรรมนูญที่ถูกต้องและนำมาใช้ในระบอบประชาธิปไตย ป้องกันไม่ให้ประเทศกลับไปสู่ภาวะเผด็จการ รัฐธรรมนูญที่ดีประเทศจะอยู่ได้
เมื่อถามว่า การปราศรัยวันที่ 3 มีนาคม จะชี้แจงผลงานเป็นหลักหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์ ตอบว่า 5 ปีที่ผ่านมาเราได้แสดงผลงานไปแล้ว ประชาชนในต่างจังหวัดก็เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปทำงานต่อ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายใน กทม.จึงขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่นั้นๆ โดยจะถ่ายทอดการปราศรัยเข้าไปให้รับฟัง แต่การเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน ก็ขอให้ประชาชนมาใช้สิทธิเยอะๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งคือการใช้ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
สำหรับกำหนดการปราศรัยใหญ่ บริเวณสนามหลวง นั้น เวทีจะเปิดเวลา 16.00 น. โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นปราศรัยเวลา 20.30-22.00 น.
"สุดารัตน์" ถามหาจิตสำนึกจาก ปชป.
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวเรียกร้องให้พรรคร่วมฝ่ายค้านมาสมัครรับเลือกตั้ง โดยตั้งคำถามว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านมีจิตสำนึกที่มีต่อบ้านเมืองร่วมกันหรือไม่ ไม่ใช่คอยตั้งเงื่อนไขต่างๆ ตั้งแต่ที่พรรคขอเปิดสภาร่วม แต่กลับไม่ร่วมสังฆกรรม รวมถึงการเร่งกระแสบ้านเมืองให้เกิดความวุ่นวาย จนนายกฯ ต้องยุบสภา
"ถามว่ายังมีความรับผิดชอบอยู่หรือไม่ในการใช้เกมนอกสภา เพื่อสมประโยชน์ของตัวเองและอยากถามว่า พรรคประชาธิปัตย์กลัวการเลือกตั้งหรือไม่ อย่าไปอ้างว่าไม่ไว้วางใจในการปฏิรูปการเมือง เพราะถ้าเห็นแก่บ้านเมือง ก็ควรร่วมลงนามสัตยาบัน ที่แต่ละพรรคได้ร่วมลงนามกัน หรือจะเซ็นในร่างใหม่ก็ได้ แต่ตอนนี้กลับเอาประเด็นเล็กๆ มาอ้างว่าทำไมถึงต้องนำพรรคเล็กมาร่วมลงชื่อด้วย" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า พรรคไทยรักไทยจะพยายามทุกอย่างเพื่อไม่ให้บ้านเมืองบอบช้ำ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า หากพรรคไทยรักไทยจะก่อม็อบให้ชนม็อบ คงไม่รอจนถึงทุกวันนี้ เพราะเราสามารถจัดเวลาเดียวกันได้ แต่ได้เลือกจัดคนละวัน คนละเวลากัน ถ้าจะจัดม็อบชนม็อบไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราไม่ทำ
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า พรรคไทยรักไทยไม่มีนโยบายให้ลูกพรรค จัดเตรียมระดมคนมาร่วมงานครั้งนี้ หากใครอยากแสดงพลังก็สามารถรับสัญญาณถ่ายทอด และตั้งเวทีในแต่ละจังหวัดได้
ระคายหูริงโทน "ทักษิณ...ออกไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ของคุณหญิงสุดารัตน์ อยู่นั้น ปรากฏว่า มีเสียงโทรศัพท์มือถือของสื่อมวลชนในกลุ่มดังขึ้น ซึ่งปกติเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือจะเป็นเสียงจังหวะดนตรี หรือเป็นเสียงเพลงตามสมัยนิยม แต่โทรศัพท์ที่กำลังดังอยู่กลับเป็นเสียงริงโทน ระบุว่า "ทัก...ษิณ...ออกไป" ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ หันมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
อย่างไรก็ดี หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ คุณหญิงสุดารัตน์ เดินเข้ามาสอบถามสื่อมวลชนว่า "เมื่อกี้เสียงโทรศัพท์ใคร มีเสียงอื่นเยอะ เดี๋ยวจะเปลี่ยนเสียงให้ใหม่"
ทักษิณชูกสองนิ้ว ทรท.ได้เบอร์ 2
สำหรับการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ วันแรกนั้นปรากฏว่า มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครรวม 7 พรรค ผ่านการรับรองของ กกต. 5 พรรค ท่ามกลางเสียงกองเชียร์อย่างคึกคักของพรรคไทยรักไทย โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จับสลากได้เบอร์ 2 พร้อมกับชูสองนิ้ว พรรคพลังประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชากรไทยได้เบอร์ 3 พรรคพลังประชาชน เบอร์ 4 และพรรคแผ่นดินไทย เบอร์ 5
หลังจากจับเบอร์เสร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เตรียมเดินทางกลับ ก็ยังคงมีกองเชียร์ตะโกนก้องอาคารนิมิบุตร ว่า "ทักษิณสู้ๆ" อยู่เป็นระยะๆ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินออกไปค่อนข้างลำบาก เพราะต้องแหวกกองเชียร์ที่มาให้กำลังใจจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนที่มาให้กำลังใจ ไปฟังการปราศรัยพ.ต.ท.ทักษิณ ค่ำวันที่ 3 มีนาคม อีกด้วย
20 อันดับ ปาร์ตี้ลิสต์ ทรท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 อันดับรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคไทยรักไทย มีดังนี้ 1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 4.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 5.นายโภคิน พลกุล 6.นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ 7.นายพินิจ จารุสมบัติ 8.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา 9.นายสรอรรถ กลิ่นประทุม 10.นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา 11.นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ 12.พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา 13.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 14.นายสนธยา คุณปลื้ม 15.นายยงยุทธ ติยะไพรัช 16.นายสมชาย สุนทรวัฒน์ 17.นายจาตุรนต์ ฉายแสง 18.นายอดิศัย โพธารามิก 19.น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ 20.นายภูมิธรรม เวชยชัย
"ปริญญา" เตือนรณรงค์ไม่ใช้สิทธิผิดก.ม.
ด้าน นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวภายหลังการรับสมัครว่า การรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อจะรับสมัครถึงวันที่ 3 มีนาคม ส่วนการรับสมัครแบบแบ่งเขต จะรับสมัครระหว่างวันที่ 4-8 มีนาคม ซึ่งใน กทม.จะรับสมัครที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ส่วนในต่างจังหวัดจะรับสมัครที่ศาลากลางจังหวัด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่องค์กรครู ออกมาระบุว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง นายปริญญา กล่าวว่า ขณะนี้เราเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้วและกระทรวงศึกษาธิการก็รับปากว่า ครูจะมาทำหน้าที่กรรมการประจำหน่วยอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หากในวันเลือกตั้ง มีกรรมการที่ทำหน้าที่ไม่ได้ เราก็เตรียมกรรมการสำรองไว้แล้ว และอยากจะบอกว่า การเลือกตั้งเป็นของคนทั้งประเทศ จึงอยากให้ครูเป็นแบบอย่างของเยาวชน
นายปริญญา กล่าวอีกว่า คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะมีการร้องเรียนน้อยลง และอาจจะมีการทำบัตรเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีการรณรงค์ไม่ให้ออกไปเลือกตั้ง หรือทำบัตรเสีย ก็จะถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 62 ฐานยับยั้งการเลือกตั้ง