ลั่นเห็นทางออกวิกฤตินายกฯ


ปัดนัดพบเคลียร์"ผบ.ทบ." "สมชาย"เยือนเมือง"อีสาน"ผวาไม่นั่งเครื่องบินทหารพปช.ป้อง"ทักษิณ"ยื้อเวลาโยนบาปสื่อปั่น"บิ๊กทหาร"

“สมชาย” ไม่นั่งเครื่องบินกองทัพ ปัดซดเมนูเกาเหลา “อนุพงษ์” ลั่นเห็นแสงสว่างของบ้านเมือง “พปช.” ยัน “ทักษิณ” ไม่ได้สั่ง “น้องเขย” ห้ามไขก๊อก-ยุบสภา แถมโยน “กรรมกรข่าว” ปั่นหัว “ผบ.เหล่าทัพ” จนผิดคิว เชื่อนายกฯ ไม่ปลด ผบ.ทบ. ฟาก “สุรยุทธ์” ไม่วิพากษ์ “ผบ.ทบ.” ล้ำเส้นการเมืองหรือไม่ ชี้ห้ามทหารคิดเรื่องการเมืองไม่ได้ ส่วน “รอง ปธ.วุฒิฯ” เดือด อัดยับ “รสนาและพวก” คอยตีรวนลูกเดียว ระบุเดินตามเกม “ปชป.” ร่ำไป “ส.ว.เมืองคอน “วิปวุฒิฯ” วอนทหารเลิกจุ้นการเมือง ด้าน “ปชป.” แฉ “สมชาย” ซื้อเวลาตุนเสบียงเลือกตั้ง ฝ่าย “เสี่ยตือ” สวนทันควัน ส่วน “ป.ป.ช.” แจงใกล้เคาะคดีเขาวิหารแล้ว

“สมชาย”ไม่นั่งเครื่องบินทหาร

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. เวลา 09.45 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม เดินทางถึง จ.อุบลราชธานี ด้วยเครื่องบินกรมขนส่งทางอากาศลงที่สนามบินทหารอากาศ กองบินที่ 21 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราช ธานี รวมทั้งทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการคอยต้อนรับ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจลาจลกว่า 200 นาย จากนั้นนายสมชายได้เดินทางไปยังท่าน้ำแม่น้ำมูลเพื่อทำพิธีเปิดงานแข่งเรือประเพณีของอุบลราช ธานี โดยมีประชาชนใช้ชื่อกลุ่มชักธงรบและกลุ่มพลังเงียบกว่า 3 พันคน มายกป้ายให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบให้กับนายสมชาย พร้อมทั้งตะโกนส่งเสียง นายสมชาย... สู้ ๆ เป็นระยะ

นายสมชาย กล่าวในพิธีเปิดตอนหนึ่งว่า ไม่ผิดหวังที่มีประชาชนจำนวนมากมาให้กำลังใจและแต่ละคนมีความสุข ชาวอุบลฯ เป็นคนมีน้ำใจ เป็นนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ เลือกตั้ง ชนะก็ชนะ แพ้ก็ยอมรับว่าแพ้ ยอมรับกติกาบ้านเมือง

ลั่นเห็นแสงสว่างทางออกวิกฤติ

นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เคารพกฎหมาย เคารพกติกา เคารพกระบวนการทุกอย่างของกฎหมาย ไม่ทำอะไรที่ผิดหรือนอกเหนือกฎหมาย และจะไม่ สนับสนุนคนทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้การแข่งเรือเป็นเรื่องของความสามัคคีตรงกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้คนไทยรักสามัคคีกัน ปรองดองซึ่งกันและกันเพื่อความสุขของทุกคน และทุกคน คือหุ้นส่วนของประเทศไทย ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นแม้แต่คนเดียว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีหลายคนบอกว่าปัญหาการเมืองมันยุ่ง รัฐบาลทำงานไม่ได้ ก็วิจารณ์กันไปแต่ตนอยากบอกว่าเรื่องการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน แต่ระบอบที่เข้ามานี้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย และอีกอย่างการจะทำอะไรนั้นต้องมองเห็นแสงสว่าง ซึ่งแสงสว่างคือความอยู่รอดของประเทศ ความสุข การกินดีอยู่ดี และความสามัคคีของประชาชน ตนยึดถือหลักนี้ในการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างไรก็ตามวันนี้จะลืมทุกอย่างที่เป็นสิ่งไม่ดี

ปัดซดเมนูเกาเหลา“ผบ.ทบ.”

ต่อมาเวลา 16.20 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายสมชาย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจในภาคอีสานถึงสาเหตุที่ไม่ขึ้นเครื่องบินของทหารไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บว่า ไม่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แล้วแต่เครื่องไหนว่างตนก็ไป วันนี้ก็ไปเครื่องของกรมขนส่งทางอากาศ กระทรวงคมนาคม เมื่อถามว่า ได้คุยและพบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หรือยัง นายสมชาย หัวเราะก่อนที่จะเลี่ยงตอบคำถามว่า “เดี๋ยวกลับบ้านไปนอนกันได้แล้ว”

แจง“ทักษิณ”ไม่ได้สั่งยื้อเวลา

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โทรศัพท์สายตรงจากกรุงลอนดอนพูดคุยกับนายสมชาย ไม่ให้ลาออกหรือยุบสภาว่า ไม่เป็นความจริง เพราะ ส.ส.ในพรรคมีมติตรงกันว่า แม้ถูกกดดันจากทุกฝ่าย แต่นายกฯ ก็ไม่ควรลาออกหรือยุบสภา ดังนั้นจึงไม่ใช่ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่านายกฯ จะใช้แนวทางการบริหารประเทศแบบซอฟต์แลนดิ้ง ถ้าประกาศลาออกก็ลงที่ปลอดภัย โดยทำภารกิจสำคัญของบ้านเมืองทั้ง 3 เรื่องให้เสร็จสิ้นก่อน คือ พระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพ งานเฉลิมพระเกียรติ 5 ธันวา และการตั้ง ส.ส.ร.3 เมื่อเสร็จแล้วนายกฯ ก็พร้อมคืนอำนาจให้ประชาชน

ส่วนที่มีข้อสังเกตว่านายกฯ ยื้อต่อเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลี้ภัยสำเร็จนั้น รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่า ไม่เกี่ยว ข้องกันเลย ข่าวนี้เป็นความพยายามโยงภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ กับนายสมชายให้เกี่ยวข้องกัน

โยนสื่อเหลี่ยมจัดปั่นหัว“ป๊อก”

ส่วนกระแสข่าวนายกฯ เตรียมปลด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปลด ผบ.เหล่าทัพ ช่วงนี้ เพราะเราเปิดใจรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย และเชื่อว่าขณะนี้ยังทำงานร่วมกันได้ อย่างไรก็ตามตนอยากตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกรายการนั้นอาจถูกหลอกจากนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้จัดรายการทีวีชื่อดังทางช่อง 3 ก็ได้ เพราะเบื้องต้นทราบว่าเดิมที ผบ.เหล่าทัพ ถูกเชิญมาเพื่อสัมภาษณ์กรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกับเขมร ไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องการเมือง แต่เป็นการหลงกลสื่อเหลี่ยมจัดอย่างนายสรยุทธ

“ถ้า ผบ.เหล่าทัพ จะพูดหรือจะปฏิวัติเงียบ หรือแสดงอะไรสามารถแสดงผ่านโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจได้ จึงไม่มีเหตุอะไรต้องปลด แต่สงสาร ผบ.เหล่าทัพ เนื่องจากรายการดังกล่าวเป็นรายการสดจึงต้องปล่อยเลยตามเลยไปตามสถานการณ์” ร.ท.กุเทพ ตั้งข้อสังเกต

“แอ้ด”ไม่พูด“ป๊อก”ล้ำเส้น?

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่ว่า ผบ.ทบ. และผู้นำเหล่าทัพ เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกถือเป็นการล้ำเส้นหรือไม่ว่า ไม่ทราบรายละเอียดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร “หน้าที่ของแต่ละคนเป็นหน้าที่ที่คน ๆ นั้นจะต้องทำไม่ว่าจะเป็นใครและหากทำหน้าที่ของตัวเองแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ตรงจุดนี้ก็จะทำให้สังคมอยู่ในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้”

อดีตนายกฯ กล่าวด้วยว่า ทหารมีหน้าที่ แต่เมื่อพ้นหน้าที่แล้วก็ถือเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าในช่วงที่อยู่ในหน้าที่ ไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้เหมือนคนทั่ว ๆไป เพราะทหารต้องมีระเบียบวินัยและข้อจำกัด แต่คงจะไปห้ามทหารคิดในเรื่องทางการเมืองไม่ได้ แต่ในการปฏิบัติตนอย่างไร คนที่เป็นทหารต้องมีการพิจารณาตัวเอง เมื่อถามว่า ทหารได้ทำหน้าที่ในสถานการณ์ขณะนี้ดีพอหรือยัง พล.อ. สุรยุทธ์ ตอบว่า ไม่มีข้อมูลพอที่จะตอบได้ แต่ว่าทุกคนจะต้องช่วยกันดู เพราะในแต่ละช่วงนั้นมีความแตกต่างกัน

รองปธ.วุฒิฯ จวก“รสนา”เละ

นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ชี้แจงกรณีกลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย น.ส. รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ ระบุว่าการไปร่วมประชุม 4 ฝ่าย เป็นการกระทำโดยพลการว่า ประธานรัฐสภามีคำสั่งให้ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เข้าร่วมประชุมหาทางคลี่คลายวิกฤติให้บ้านเมือง ซึ่งเป็นการแต่งตั้งโดยใช้อำนาจทางบริหารของรัฐสภา และการที่ ตนเข้าร่วมประชุมด้วย เพราะเป็นคำสั่งของประธานวุฒิสภาที่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ตนไม่ทราบว่าคนที่ออกมาพูดเข้าใจเรื่องอำนาจทาง บริหารหรือไม่ การไปร่วมประชุมไม่ได้ทำความ เสียหายอะไร เป็นการร่วมกันหาทางออกให้บ้านเมือง เราต้องแยกให้ออก ส่วนผลประชุมออกมาแล้วนายกฯจะเอามาอ้างอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตามวันนี้ทุกฝ่ายก็ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่มีปัญหา ถึง ผบ.ทบ. จะปฏิวัติรัฐประหารก็ต้องตั้งคนขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ดี

ซัด 40 ส.ว.เล่นตามบท“ปชป.”

รองประธานวุฒิสภา ยกตัวอย่างว่า การเมืองใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเสนอ หรือการแก้รัฐธรรมนูญที่ทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องต้องกัน หรือหากเกิดอะไรขึ้นกับนายกฯ แล้วไม่สามารถหานายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้ หากไม่ตั้ง ส.ส.ร. และยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร อย่าตั้งหน้าปฏิเสธกันอย่างเดียว วันนี้ทุกคนช่วยกันปิดประตูจนบ้านเมืองจะไม่มีทางออกอยู่แล้ว แต่พอมีคนช่วยทำให้เกิดประตู กลับมาบอกว่าไม่ชอบธรรม

“หากมอบให้กลุ่ม 40 ส.ว. ไปทำหน้าที่แทนคงมีการตีรวน สุดท้ายก็หาทางออกไม่ได้ ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ก็เห็นชอบแนวทางนี้ กลุ่ม 40 ส.ว. ก็ไม่เห็นออกมาคัดค้าน แต่พอพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนท่าที กลุ่ม 40 ส.ว. ก็ออกมาต่อต้าน” นายนิคม ระบุและว่า จะนำผลการหารือเรียนให้ประธานวุฒิสภาทราบหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศในวันที่ 19 ต.ค. นี้เพื่อเตรียมเข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายในวันที่ 20 ต.ค.

วอน“กองทัพ”เลิกจุ้นการเมือง

นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงกรณีผู้นำเหล่าทัพออกมาแสดงจุดยืนให้นายกฯ ลาออกว่า ทหารต้องระมัดระวังในการแสดงออกทางการ เมือง ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงสุดโต่งของ 2 ขั้วที่อาจนำไปสู่การต่อต้านกองทัพหรือสนับสนุนให้กองทัพยึดอำนาจ เพราะหากมีการทำรัฐ ประหารเกิดขึ้น จะไม่ได้มีเฉพาะกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือพวกของรัฐบาลเท่านั้นที่จะออกมาต่อต้าน แต่จะมีกลุ่มประชาชนที่เป็นกลางหรือกลุ่มพลังเงียบที่รักในระบอบประชาธิปไตยจะพร้อมใจกันออกมาต่อต้านกองทัพ

วิปวุฒิสภา กล่าวว่า ดังนั้นกองทัพควรลดการแสดงท่าทีต่อสถานการณ์การเมืองลงให้มากที่สุด แต่ไปเพิ่มบทบาทในการเป็นทหารอาชีพ เช่น เข้าไปแก้ไขปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ในการประชุมวิปวุฒิสภาสัปดาห์หน้าจะมีการหารือถึงสถานการณ์การเมืองเพื่อให้ทุกคน ร่วมกันหาทางออกให้ประเทศด้วย

“เทพไท”ชี้ยื้อเวลาตุนกระสุน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตอบโต้ผู้นำเหล่าทัพโดยยืนยันว่าจะไม่ลาออกว่า การที่นายสมชายอ้างภารกิจ 3 เรื่อง เปรียบเสมือนว่าถ้าไม่มีรัฐบาลที่ชื่อสมชาย รัฐบาลชุดอื่นคงไม่สามารถมารับภารกิจนี้ต่อได้ ข้อเท็จจริงอาจมีรัฐบาลรักษาการหรือรัฐบาลใหม่ สามารถทำงานได้ดีกว่ารัฐบาลนี้

ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป้าหมายที่แท้จริงของการยื้อเวลาเพื่อผลักดันให้มี ส.ส.ร.มาแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วให้มีการเลือกตั้งในเงื่อนที่ตัวเองได้เปรียบ และเพื่อหาประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินมาเป็นกระสุนในการเลือกตั้ง นอกจากนี้ตนไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. จะสรุปผลได้ภายใน 15 วันตามที่นายสมชายให้สัมภาษณ์หรือไม่ เพราะประธานกรรมการฯ บอกว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน ส่วนนายยุวรัตน์ กมลเวชช กรรมการ บอกว่า 15 วันทำได้แค่รวบรวมหลักฐานเท่านั้น

เรียกร้อง“ขรก.”อารยะขัดขืน

นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากถามว่าทำไมนายกฯ ไม่นำผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุชัดเจนว่ารัฐบาลเป็นคนผิด เพราะเป็นคนสั่งการ รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบ ลำพังตัวนายสมชายคงถอดใจไม่สู้ แต่สภาพสิ่งแวดล้อมพยายามทำให้นายสมชายต้องสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มและขบวนการของเขา เวลานี้นายสมชายหมดสภาพความเป็นนายกฯ แล้ว แต่เป็นนายกฯหุ่นยนต์ที่มี เครื่องรับสัญญาณชั้นเยี่ยม เมื่อมีการกดจากกรุงลอนดอนก็สามารถปฏิบัติตามรีโมตได้ทันที

ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลแถลงตอบโต้ข้อเรียกร้องของผู้นำเหล่าทัพ ถือว่าเป็นการตบหน้าครั้งใหญ่และให้สมาชิกพรรคพลังประชาชนออกมาอบรมกองทัพให้รู้จักบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งรายการความจริงวันนี้ออกมาข่มขู่กองทัพด้วย ดังนั้นเมื่อรัฐบาลหมดความชอบธรรมที่จะบริหารอีกต่อไป จึงขอเรียกร้องให้ข้าราชการทุกภาคส่วนใช้อารยะขัดขืน ไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลชุดนี้

“ตือ”สวน“ปชป.”ไร้เหตุผล

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำพรรคชาติไทย กล่าวตอบโต้นายเทพไทว่า พรรคประชาธิปัตย์จะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน แต่เมื่อรัฐบาลตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะตั้งคณะกรรมการกลางที่เป็นอิสระ เป็นคนที่สังคมยอมรับและเชื่อถือ เพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาว่าใครเป็นผู้สั่งการ มีการใช้อาวุธ และมีผู้บาดเจ็บอย่างไรบ้าง ส่วน กสม. หรือชุดอื่น ๆ ก็สอบในแง่มุมที่อยากจะทำ ไม่ครอบคลุมทั้งหมด ดังนั้นจึงขอให้สบายใจได้ เพราะระยะเวลา 15 วันคงไม่ใช่เป็นการยื้อเวลา

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องรัฐบาลต้องการใช้งบประมาณเพื่อเตรียมการเลือกตั้งนั้น แกนนำพรรคชาติไทย กล่าวว่า การบริหารงบในไตรมาสแรกแทบจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เลย การกล่าวหาว่าใช้งบประมาณเพื่อหาเสียงจึงไม่มีเหตุมีผล ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วจึงพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างยับเยิน และทำไมรัฐบาลพรรคไทยรักไทยจึงไม่ชนะในพื้นที่ภาคใต้

“ป.ป.ช.”โต้คดีเขาวิหารไม่อืด

อีกเรื่องหนึ่ง น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการถอดถอน ครม. กรณีมีมติออกแถลงการณ์สนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เปิดเผยถึงความคืบหน้าการไต่สวน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนขั้นสุดท้ายว่า จำเป็นต้องเรียกใครมาให้ข้อมูลเพิ่มอีกหรือไม่ คาดว่าจะส่งสำนวนมาให้ตนทราบได้ในสัปดาห์หน้า หากไม่ต้องเรียกใครมาสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหา ครม. ทั้งคณะได้หรือไม่

กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้มีความล่าช้า เพราะ ป.ป.ช. เร่งทำงาน อย่างเต็มที่ อีกทั้งคดีนี้มีผู้ร้องถึง 7 ฝ่ายจึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะเรื่องการทำผิดมาตรา 190 แต่ต้องพิจารณามาตรา 270 เรื่องถอดถอน ครม. และการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย

ติดกล้อง“ซีซีทีวี”คุมหีบบัตร

วันเดียวกัน มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 11 แทนนายสุธา ชันแสง ส.ส.พรรคพลังประชาชนที่ลาออกด้วยปัญหาสุขภาพ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 18-19 ต.ค. เวลา 08.00-17.00 น. นายชัยณรงค์ เทียนมงคล ผอ.การเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (ผอ. กต.กทม.) เปิดเผยยอดผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในวันแรกมีจำนวน 1,854 คน แยกเป็น เขตบางแค 690 คน เขตภาษีเจริญ 468 คน และเขตหนองแขม 696 คน ส่วนบรรยากาศตลอดวันเรียบร้อยดีและยังไม่มีรายงานการทุจริตเลือกตั้ง

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. เปิดเผยว่า บรรยากาศการเลือกตั้งล่วงหน้าวันแรกช่วงเช้าค่อนข้างคึกคัก มีประชาชนออกมาใช้สิทธิหนาตา ได้กำชับให้ทั้ง 3 เขตรักษาความปลอดภัยห้องเก็บหีบบัตรลงคะแนนเลือกตั้งอย่างเข้มงวดด้วยการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด สำหรับพรรคการเมืองที่ประสงค์จะจัดผู้สังเกตการณ์เข้ามาคอยตรวจสอบความโปร่งใสก็ทำได้โดยติดต่อที่สำนักงานเขต.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์