ในฐานะโฆษกคณะกรรมการธิการ (กมธ.)การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสข่าวที่ทางบริษัท การบินไทย จำกัด เตรียมพิจารณาโทษลดชั้นนายจักรี พงษ์ศิริ กัปตันบริษัทการบินไทย ที่ปฏิเสธไม่ให้ท 3 ส.ส.พลังประชาชน ขึ้นเครื่องบินการบินไทย ในวันที่ 8 ต.ค. ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรฯที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเพราะอยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่ได้ข้อสรุป ทั้งนี้มีข้อมูลจากเวบไซต์ของการบินไทยว่าจริงๆแล้วเหตุการณ์ในวันที่ 8 ต.ค.เกิดอะไรขึ้น
ซึ่งมี 2 กระแสข่าวคือ
1.มี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ขึ้นเครื่องไปแล้วมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในเครื่องบินเป็นพันธมิตรฯหลายคน ทำให้เกิดความไม่พอใจ ซึ่งกัปตันจักรี ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์
ส่วนอีกกระแสข่าวหนึ่งคือเมื่อกัปตันจักรี เห็นชื่อผู้โดยสารว่าเป็น ส.ส.พลังประชาชน จึงได้ไปเชิญให้ออกจากเครื่อง โดยไม่ให้เหตุผลอะไร
ซึ่งข้อเท็จจริงตรงนี้คณะกรรมการของบริษัทการบินไทย สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้จากกล้องวงจรปิดว่า
เหตุการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร อย่าเพิ่งด่วนสรุปลงโทษและอย่าเกรงกลัว กมธ.คมนาคม ซึ่งเป็นส.ส.พลังประชาชน และมีหนึ่งในนั้นเป็นส.ส.ที่ถูกไล่ลงจากเครื่องร่วมเป็น กมธ.ด้วย ซึ่งคณะกรรมการของการบินไทย ควรทำงานให้เป็นมืออาชีพให้มากกว่านี้
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ 3 ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้แก่
นางฟารีดา สุไลมาน ส.ส. สุรินทร์ นายไชยา พรหมา ส.ส. หนองบัวลำภู และนางชมพู จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคพลังประชาชน ถูกห้ามขึ้นเครื่อง เมื่อวันที่ 8 ต.ค.นั้น ในการประชุมของ กมธ.คมนาคม เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่มีว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน เป็นประธาน ได้สรุปผลการประชุมโดยที่ประชุมกมธ.คมนาคม มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตการบินของกัปตันจักรี และให้ยกเลิกการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการบิน โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่อื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน โดย กมธ.ส่งเรื่องให้การบินไทยแจ้งผลการดำเนินการกลับมายัง กมธ. ภายใน 30 วัน.