สมชายขอเวลาอนุพงษ์2เดือน หลังจากนั้นยุบสภาหรือลาออก

ภายหลังการแถลงจุดยืนของนายสมชายวงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ว่า 

จะยังไม่ยุบสภา หรือลาออก ตามแรงกดดันของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ทำให้อุณหภูมิทางการเมืองร้อนแรงขึ้นมาจากการเผชิญหน้าของรัฐบาลกับกองทัพ 

มีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพแจ้งว่า

ก่อนจะมีการประชุมร่วมกับแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาล นายสมชายตัดสินใจจะต่อสู้ทางการเมืองต่อ หลังได้รับโทรศัพท์สายตรงจากลอนดอน จากนั้นนายสมชายได้โทรศัพท์หา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อขอนัดพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ทั้งหมด แต่ ผบ.เหล่าทัพมีมติให้ พล.อ.อนุพงษ์ ไปพูดคุยเพียงคนเดียว

มีรายงานอีกว่า

เดิมนายสมชายและ พล.อ.อนุพงษ์ มีกำหนดจะนัดพูดคุยกันที่บ้านพักรับรองในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ย่านดินแดง แต่ต้องมีการเปลี่ยนแผนกะทันหัน ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของนายสมชาย 

ต่อมาจึงมีการนัดหมายกันอีกรอบที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. 

โดยใช้เวลาหารือราว 1 ชั่วโมง ก่อนที่นายสมชายจะไปร่วมประชุมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรออยู่ที่ศูนย์บัญชาการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ที่อาคารท่าอากาศยานดอนเมือง

แหล่งข่าวคนเดิมระบุถึงเนื้อหาในการหารือครั้งนี้ว่า

นายสมชายกล่าวกับ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการสั่งการให้ตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมหน้ารัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยมีผู้รับผิดชอบจากตนอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะโดยส่วนตัวต้องการแค่เข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อสามารถบริหารประเทศชาติได้เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายประชาชน

ในตอนท้ายของการหารือนายสมชายยังรับปาก พล.อ.อนุพงษ์ ว่า 

จะขอเวลาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ สักระยะ ไม่เกิน 2 เดือนนับจากนี้ โดยจะขอทำหน้าที่เกี่ยวกับงานพระราชพิธี และเมื่อมีการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะลาออกหรือยุบสภาทันที

อย่างไรก็ตามภายหลังการหารือเป็นการส่วนตัวระหว่างนายสมชายกับ พล.อ.อนุพงษ์ 

ก็มีความเคลื่อนไหวของ ผบ.เหล่าทัพคนอื่น เช่น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อติดต่อขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักรับรองใน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่กำหนดการดังกล่าวต้องยกเลิกไปในเวลาต่อมา เนื่องจาก พล.อ.เปรม ติดภารกิจ ไม่สามารถให้เข้าพบได้