หลังผบ.เหล่าทัพ รวมทั้งผบ.ตร. ตบเท้าออกทีวี ประกาศจุดยืนเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ลาออก เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.
ส่งผลให้สถานการณ์ของรัฐบาลตึงเครียดขึ้นอีก
การส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลผ่านจอครั้งนี้ เจตนาเหล่าทัพคาดหวังผลระดับไหน มีความเห็นจากนักวิชาการหลายคนที่เกาะติดสถานการณ์การเมือง-การทหาร มาโดยตลอด
-สุรชาติ บำรุงสุข
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
ปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้นำเหล่าทัพต่างก็ตระหนักดีว่าการยึดอำนาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่หากยึดอำนาจจะสร้างปัญหามากขึ้น จึงเกิดปรากฏการณ์รัฐประหารหน้าจอ
ไม่ใช่รูปแบบใหม่ เพียงแต่เป็นการกดดันรัฐบาลในที่เปิด
จากสมัยก่อนกดดันโดยเรามองไม่เห็น ก็เปลี่ยนมากดดันกันตรงๆ ผ่านสื่อ เมื่อรัฐประหารยึดอำนาจไม่ได้ ผู้นำเหล่าทัพหันมาใช้แรงกดดันต่อรัฐบาล
นักวิชาการก็ตีโจทย์ไม่แตกเหมือนกัน ว่าท่าทีสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ ก็ต้องประเมินท่าทีของแต่ละฝ่ายทีละขั้น แบบวันต่อวัน
เมื่อทหารยืนยันสัญญาผ่านหน้าจอขนาดนี้ว่าไม่ยึดอำนาจ และเสนอรูปแบบกดดันรัฐบาลไปแล้วก็คงไม่มีการเคลื่อนกำลังหรือเกิดความรุนแรง เพราะม็อบรุนแรงกว่าเยอะอยู่แล้ว ดังนั้นย่อมมีสัญญาณอีกด้านออกมา
เดาท่าทีรัฐบาลไม่ออกว่าจะทำอย่างไร หรือถ้าไม่ทำอะไรแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครตอบได้ชัดเจน ต้องรอดูหน้าจอเช่นกันว่าใครจะออกทีวี ออกมาพูดว่าอย่างไร เพราะต่างฝ่ายก็อาศัยสื่อเป็นตัวกลางในการรับส่งสัญญาณการเมืองขณะนี้
ดูแล้วเหมือนการเมืองอเมริกันที่มีดีเบตกัน
-สมชาย ปรีชาศิลปกุล
คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ท่าทีทหารในเชิงรูปแบบคงไม่ได้เรียกว่าการรัฐประหาร แต่เชิงเนื้อหาก็ถูกตั้งคำถามมาก เพราะโดยรูปแบบทหารต้องอยู่ภายใต้รัฐบาล
แต่คราวนี้ทหารกลับพร้อมใจกันออกมาแสดงท่าทีที่แตกต่างจากรัฐบาล ถือว่าเป็นปัญหา
เหตุผลจากเหตุการณ์ 7 ตุลา หากจะให้รัฐบาลลาออกจะไม่ยุติปัญหา เพราะความรุนแรงที่เกิดกับประชาชนยังไม่รู้ว่าความรุนแรงเกิดจากสาเหตุอะไร
คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้สำคัญที่จะให้เราเรียนรู้เรื่องความรุนแรงได้ดีขึ้น หากรอผลสอบออกมา เช่น ความรุนแรงเกิดจากคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นใคร ตำรวจไม่รู้วิธียิงหรือไม่ อาวุธมีประสิทธิภาพหรือไม่ แล้วเราจะเห็นปัญหา
ทหารรู้ดีว่าการยึดอำนาจไม่มีประโยชน์ ทหารไม่สามารถจัดการได้ดี สิ่งที่ทหารทำจึงไม่ใช่การยึดอำนาจแบบเดิม แต่เป็นการกดดันโดยพร้อมกัน ออกมาแถลงท่าทีผ่านสื่อ
ทำให้เชื่อได้ว่าการยึดอำนาจโดยมีรถถังออกมากุมอำนาจรัฐบาลน่าจะเกิดได้ยาก ยกเว้นนายกฯ จะสั่งปลดทหาร
ขณะนี้เราเห็นชัดว่าฐานสนับสนุนรัฐบาลหดแคบเหลือเพียงเสียงประชาชนที่เป็นฐานใหญ่จากการเลือกตั้ง
ทหารที่สนับสนุนรัฐบาลก็ถอยห่าง หากรัฐบาลอยู่ต่อก็ลำบาก
แต่นายกฯ จะลาออกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล และการลาออกไม่ช่วยอะไร เหมือนตอนนายสมัคร สุนทรเวช ออกไปแล้วก็กลับมามีปัญหาอีก
หรือหากยุบสภาไปเฉยๆ เลือกตั้งกลับมาเหมือนเดิม สิ่งที่นายกฯ ตั้งส.ส.ร.3 ก็หลุดไปด้วย
-สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
อธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)
สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำให้คณะผู้นำทหารไม่อาจอยู่นิ่งเฉยต่อไปได้ เพราะความขัดแย้งในสังคมเริ่มขยายตัวและมีท่าทีรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณรัฐสภา วันที่ 7 ต.ค.
การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ใช้อำนาจที่ชอบธรรม ไม่ได้ห่วงประชาชนที่แต่งตั้งตัวเองมาเป็นรัฐบาล อีกทั้งยังสวนทางกับนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา ที่จะสร้างปรองดองและสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชาติ
ท่าทีและข้อเรียกร้องของผบ.เหล่าทัพนั้น เป็นการออกมาส่งสัญญาณและแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง เพราะความชอบธรรมในการบริหารประเทศของรัฐบาลหมดไปแล้ว
รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ยืนยันที่ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา จะยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมมากขึ้น และถ้าการเผชิญหน้ารุนแรงจนเกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างเหลือคณานับ ในที่สุดกองทัพก็ต้องออกมารับผิดชอบในการยุติความรุนแรงที่เกิดจากความขัดแย้ง
หมายความว่าถ้ารัฐบาลไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาระต่างๆ ก็จะถูกผลักมาให้กองทัพ
การที่คณะผู้นำหล่าทัพออกมาส่งสัญญาณเตือน และเรียกร้องความรับผิดชอบ เป็นแนวทางที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยยังคงดำเนินต่อไปได้
ถ้านายกฯ ประกาศลาออก หรือยุบสภา กลไกตามระบอบประชาธิปไตยจะอยู่ต่อไปได้ ความขัดแย้งจะผ่อนลง
แต่เมื่อรัฐบาลยังดึงดันที่จะอยู่บนอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ความขัดแย้งก็จะยิ่งขยายตัว จนนำไปสู่การเผชิญหน้าและเกิดความรุนแรงขึ้นในที่สุด
เมื่อถึงวันนั้นก็จะตกเป็นภาระของกองทัพที่จะออกมาดำเนินการ และทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
หมายถึงว่าทหารไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าการยึดอำนาจรัฐบาล
มีความเป็นไปได้มากว่าสถานการณ์จากนี้จะนำไปสู่ความสูญเสียอย่างรุนแรงจนกลายเป็นวิกฤตของประเทศ
การดึงดันที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปของนายกฯ จะนำไปสู่จุดจบที่น่าอัปยศที่สุด
-ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
การแสดงออกของผู้นำเหล่าทัพในวันที่ 16 ต.ค. ยังไม่ถือว่าเป็นการปฏิวัติผ่านจอ
หากติดตามจากคำให้สัมภาษณ์โดยละเอียด ผู้นำเหล่าทัพก็ปฏิเสธชัดเจนในเรื่องของการยึดอำนาจ การปฏิวัติ จากคำถาม-คำตอบแล้วก็เป็นการให้สัมภาษณ์ในประเด็นต่างๆ ที่เกิดคำถามขึ้นในสังคม
แต่หากผบ.เหล่าทัพ ออกอากาศพร้อมกันและแถลงผ่านทางททบ.5 ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ประเด็นสำคัญคือ ข้อเรียกร้องของผบ.ทบ.ที่ต้องการให้นายกฯ ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การที่นายสมชาย ยังยืนยันว่าจะรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.ก่อน ในแง่ที่มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้แก๊สน้ำตาเคลียร์พื้นที่หน้ารัฐสภาเพื่อเปิดทางเข้าออกนั้น รัฐบาลก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้แล้วว่าเป็นคนสั่งการในการเคลียร์พื้นที่
ที่สำคัญเมื่อมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นช่วงเช้า มีคนบาดเจ็บขาแขนขาด เหตุการณ์ในช่วงเย็นและช่วงค่ำก็ไม่น่าเชื่อจะเกิดได้ รัฐบาลควรหาทางยุติหรือยับยั้งไว้ก่อน แต่กลับไม่มีใครรับผิดชอบจนทำให้มีคนบาดเจ็บจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ผลสอบสวนข้อเท็จจริงจะออกมาอย่างไร ใครเป็นสั่ง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง คงต้องปล่อยให้กระบวนการสอบสวนดำเนินต่อไป
แต่ความรับผิดชอบของนายสมชาย ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับผลการสอบสวน จะตั้งเงื่อนไขขณะที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตไม่ได้
ผมไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ ยึดอำนาจ เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหา และสังคมไทยก็ไม่ควรเรียกร้องให้ทหารเข้ามาปฏิวัติ เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าการปฏิวัติแก้ปัญหาไม่ได้
ขณะนี้นายกฯ เป็นผู้ถือกุญแจดอกสำคัญในการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือควรประกาศยุบสภา เพื่อให้วิถีตามระบอบประชาธิปไตยเดินต่อไปได้
ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.ทำให้รัฐบาลสูญเสียความชอบธรรมไปมาก การที่รัฐบาลจะอยู่ในอำนาจต่อไปได้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ลำบากมาก อย่างไรก็อยู่ได้ไม่นานแต่จะจบอย่างไรเท่านั้น
ที่นายกฯ ระบุว่าต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อรับผิดชอบงานพระราชพิธีฯ ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาอ้าง เพราะไม่ว่านายกฯ จะลาออกหรือยุบสภาก็ทำหน้าที่ต่อไปได้ในฐานะรัฐบาลรักษาการ
ไม่อยากเห็นจุดจบเรื่องนี้ด้วยการที่รัฐบาลถูกปฏิวัติหรือนองเลือด
นายกฯ ควรเลือกวิธีการที่ดีกว่า ภายใต้กติกาตามระบอบประชาธิปไตย
การยุบสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด