กองทัพหวั่นม็อบชนม็อบ ผบ.ทบ.สั่งพร้อมรับ ภาวะฉุกเฉิน

กองทัพหวั่นม็อบชนม็อบ ผบ.ทบ.สั่งพร้อมรับ "ภาวะฉุกเฉิน"

ผบ.ทบ.เรียกหน่วยกำลังหารือ หลังการข่าวทหารเชื่อม็อบอาจบานปลายหากมีการเคลื่อนขบวน ทัพ ภ.1 เตรียมพร้อมรับมือรัฐบาลประกาศ "ภาวะฉุกเฉิน" เครือข่ายพันธมิตรแฉ "ทักษิณ" จัดม็อบชนม็อบ หวังให้เกิดความรุนแรงประกาศภาวะฉุกเฉิน ผู้นำบุญธรรมกายเผยพร้อมร่วมหนุน "ทักษิณ" ส่วนไปรษณีย์ให้กำลังใจทะลุถึง 4 ล้านใบ ไปรษณียบัตรภาคเหนืออีสานขายดี แต่ภาคใต้นิ่ง อีสานส่วนใหญ่ชาวบ้านซื้อเองเพราะรัก "ทักษิณ" ส่วนผู้ชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลคึกคัก ชาวแม่สาย-เชียงแสน ร่วมกับชาวเขากว่าครึ่งหมื่นรวมพลังหน้าด่านแม่สายหนุน "ทักษิณ" ขณะที่กลุ่มรถอีแต๋นเชียงรายกว่า 200 คัน เดินหน้าขับเข้ากรุงให้กำลังใจแล้ว สระแก้วระบุป๋าเหนาะไฟเขียวให้รับคนกว่าหมื่นคนเข้ากรุง แต่จะเลี่ยงเหมารถบัสหวั่น ตร.สกัด

-----------------------------------------------

หลังเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้เวลา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี 5 วัน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง หากไม่ยอมลาออกก็จะประกาศจะชุมนุมรวมตัวกันครั้งใหญ่อีกครั้ง ณ ท้องสนามหลวง ในวันที่ 5 มีนาคม ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลได้พยายามสร้างกิจกรรมให้เห็นว่ายังมีผู้สนับสนุนรัฐบาลอีกจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะการตัดสินใจเปิดเวทีปราศัยใหญ่ในวันที่ 3 มีนาคม ที่ท้องสนามหลวงนั้น จนทำให้หลายฝ่ายวิตกว่า อาจจะเกิดการเผชิญหน้าจนนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงได้นั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 มีนาคม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมร่วมกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อหารือถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 3 และ 5 มีนาคม โดยมี พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.สส. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. เข้าร่วมประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง

พล.อ.ธรรมรักษ์ เปิดเผยหลังการประชุมว่า มาทำความเข้าใจทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 3 และ 5 มีนาคม เพราะช่วงนี้มีข่าวลือมาก ทั้งนี้ตำรวจจะมีหน้าที่รับผิดชอบหลัก ส่วนทหารจะดูความเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าให้คนอื่นมาก่อเหตุได้ ทั้งเรื่องการข่าวและดูแลสถานที่สำคัญรอบสนามหลวง ถ้าการชุมนุมโดยบริสุทธิ์ไม่น่ามีปัญหา แต่กลัวว่าอาจจะมีการก่อเหตุปะทะกันได้ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจพยายามทำอ่อนโยนที่สุด

"เราพยายามไม่ให้เผชิญหน้า ไม่ให้ใครก่อเหตุ ส่วนมาตรการคงบอกรายละเอียดไม่ได้ ตำรวจเป็นผู้ดูแล หากมีลักษณะแนวโน้มว่าจะปะทะ ก็ต้องดูไม่ให้ปะทะกัน" รักษาการ รมว.กลาโหม กล่าวและว่า รัฐบาลไม่ได้เกณฑ์คนมาร่วมชุมนุม คนที่รู้สึกอึดอัดมากก็ให้มากันเอง ไม่ต้องเกณฑ์ ไม่ต้องจ้าง ส่วนชุมนุมแล้วจะกลับหรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะเขามาเองไปบังคับเขาไม่ได้ และที่ต้องใช้สนามหลวงนั้น เพราะที่อื่นไม่พอ เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาจำนวนมาก

ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพ โดยอ้างว่า เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนกำลังทหารออกมาดำเนินการใดๆ ส่วนเรื่องปฏิวัตินั้นตรวจสอบแล้ว ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

"ผมย้ำว่าเราเดินทางมาในแนวทางประชาธิปไตยแล้ว สื่อจะไปยั่วยุให้ปฏิวัติเถอะ ถ้าใครโง่ตามก็เข้าคุกกันหมด" พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวและว่าปกติถ้าใครรู้จักตน จะรู้ว่าต่อต้านการปฏิวัติมาตลอด ส่วนพล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.แกนนำเตรียมทหารรุ่น 10 ได้ชี้แจงไปแล้วว่า เขาไม่เกี่ยว

ทัพภาค 1 สั่งเตรียมพร้อมภาวะฉุกเฉิน

รายงานจากกองทัพบกเผยว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.อ.สนธิ ผบ.ทบ.ได้เรียกนายทหารระดับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงในกรุงเทพฯ (ผบ.นขต.ทบ.) และส่วนกลางเข้าประชุม ประกอบด้วย พล.อ.โสภณ ศีลพัฒน์ เสธ.ทบ., พล.ท.กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองเสธ.ทบ., พล.ท.ฉัตรชัย ถาวรบุตร ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายข่าว, พล.ท.ชาติชาย บุญยวัฒนะ ผช.เสธ.ทบ.ฝ่ายยุทธการ, พล.ต.สุรพันธ์ วงษ์ไทย เจ้ากรมยุทธการทหารบก (จก.ยก.ทบ.), พล.ต.ศิริชัย ดิษฐกุล เจ้ากรมข่าวทหารบก (จก.ขว.ทบ.), พล.ต.เธียรวิชญ์ สายพงศ์ ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.ทบ.) ส่วนทหารระดับคุมกำลัง ประกอบด้วย พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แม่ทัพภาคที่ 1, พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ., พล.ต.จิระเดช โมกขะสมิต ผบ.มทบ.11, พล.ต.ศาสนิต พรหมาศ ผบ.พล.ม.2 รอ., พล.ต.เรืองศักดิ์ ทองดี ผบ.พล.ปตอ. และพล.ต.ดุลกฤต รักษ์เผ่า ผบ.พลพัฒนาที่ 1 เพื่อเตรียมพร้อมรับการชุมนุมใหญ่ของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.สนธิ ได้สั่งการให้ พล.ท.อนุพงษ์ เตรียมพร้อมในการใช้กำลัง เพราะจากการประเมินและวิเคราะห์ของหน่วยข่าว ทบ. เชื่อว่าน่าจะเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เพราะแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังจุดเป้าหมายหลัก คือ ทำเนียบรัฐบาล หรือบ้านพักนายกฯ

ทั้งนี้ พล.อ.สนธิ ได้ให้นโยบายกองทัพบกต่อสถานการณ์เช่นนี้ ขอให้ผู้บังคับบัญชาทุกคนมอบนโยบายต่อไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ในยุคบ้านเมืองเกิดวิกฤติเช่นนี้ เราจะต้องมีความรักความสามัคคีอย่าหลงเชื่อกับข่าวลือต่างๆ ที่ปล่อยออกมา เพื่อหวังสร้างความขัดแย้งให้กับกองทัพและรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การใช้กำลัง และขอให้ทุกคนดำรงในความเป็นกลาง

ในส่วน พล.ท.อนุพงษ์ ได้กล่าวเสริมว่า กองทัพภาคที่ 1 มีความพร้อมในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้วางกำลัง จัดชุดเตรียมพร้อมจากหน่วย พล.1 รอ.และ มทบ.11 เบื้องต้นกำลังทั้งหมดของกองทัพภาคที่ 1 จะพร้อมในที่ตั้ง หากเกิดสถานการณ์ที่รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทางกองทัพภาคที่ 1 มีแผนรองรับได้ทันที

ขณะเดียวกัน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสนาธิการทหาร ได้เรียกประชุมกรมเสนาธิการทหาร กรมข่าวทหาร กรมยุทธการทหาร และผู้บังคับหน่วยของ บก.ทหารสูงสุด เพราะจากการประเมินติดตามสถานการณ์ของกรมข่าวทหาร เกรงจะเกิดการปะทะกันของกลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรี และกลุ่มขับไล่นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะในวันที่ 3 มีนาคมนี้ จึงได้สั่งให้เตรียมมาตรการรองรับ โดยเฉพาะแผนที่รัฐบาลอาจประกาศภาวะฉุกเฉินได้ ซึ่งที่ประชุม ยังได้กังวลว่าจะเกิดปัญหาเดียวกันในการชุมนุมของกลุ่มขับไล่นายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มีนาคมด้วย

ภาคเหนือยอดไปรษณียบัตรพุ่ง

หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเมื่อวันที่ 1 มีนาคมว่า จะเปิดตู้ ปณ.888 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ 10302 เชิญชวนประชาชนชาวไทยที่รักสันติ รักประชาธิปไตยส่งไปรษณียบัตรร่วมแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนรัฐบาลนั้น ล่าสุดทำให้ยอดขายไปรษณียบัตรในพื้นที่ภาคเหนือขายดีทันที

นายณุรัตน์ แสนสุรินทร์ ผช.ที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ กล่าวว่า ในส่วน จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 1 มีนาคม มีประชาชนเข้ามาซื้อไปรษณียบัตรราคาแผ่นละ 2 บาทจำนวนมาก แต่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ถึงสองราย รายแรกซื้อไป 3 หมื่นใบ อีกราย 2 หมื่นใบ ขณะที่ประชาชนทั่วไปก็ทยอยมาซื้อเป็นระยะเช่นกัน ทำให้ตลอดวันแรกมียอดขายเฉพาะที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่สูงถึง 53,200 ใบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ใน จ.เชียงใหม่ ออกกว้านซื้อไปรษณียบัตรจำนวนมากก่อนนำไปแจกจ่ายให้สมาชิกผู้สนับสนุนในพื้นที่ต่างๆครัวเรือนละ 5-10 ใบ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาลตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หลายแห่ง ทั้งในเขต อ.เมือง อ.หางดง และ อ.สันกำแพง ขณะเดียวกันก็มีประชาชนทั่วไป จำนวนไม่น้อยที่ออกมาซื้อไปรษณียบัตรส่งให้กำลังใจรักษาการนายกฯ เช่นกัน

บุรุษไปรษณีย์นายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าไปรษณียบัตรที่ส่งให้กำลังใจรักษาการนายกฯ จำนวนหนึ่ง เป็นแบบเก่าซึ่งมีอากรแสตมป์ราคา 1.50 บาท แต่ตามระเบียบปัจจุบันได้ปรับขึ้นเป็น 2 บาทแล้ว จึงต้องเสียค่าปรับเพิ่ม แต่เฉพาะกรณีนี้จำเป็นต้องอนุโลมให้ เพราะถือว่าส่งไปให้รักษาการนายกรัฐมนตรี

นายสุกิจ ภู่ทาสิน ประธานชุมชนหนองหอย ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ประชาชนที่ซื้อไปรษณียบัตรส่งเองคงจะมีน้อย แต่เชื่อว่าไปรษณียบัตรที่ส่งไปจำนวนมาก จะถูกซื้อโดยกลุ่มการเมืองแล้วให้ชาวบ้านเป็นคนเขียน ตนมองว่า ทั้งหมดเป็นเพียงเกมการเมืองที่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกัน

อีสานก็ขายดีแต่ใต้ยอดนิ่ง

ส่วนในพื้นที่ภาคอีสาน นายศักดิ์สิทธิ์ อรรคเลิศลาภ หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ขอนแก่น กล่าวว่า เฉพาะวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งมีการเปิดตู้ ปณ.888 ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,000 ฉบับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ขายได้เฉลี่ยแค่วันละ 1,000 ฉบับ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ซื้อรายย่อยทั่วไปไม่เกินคนละ 20-30 ฉบับ แต่ยังไม่พบการกว้านซื้อทีละมากๆ

"คาดว่า กระแสคนที่จะร่วมแสดงเจตนารมณ์จะเพิ่มมากขึ้น สำนักงานอาจจะทำตรายางจ่าหน้าถึงตู้ ปณ.888 ให้โดยเฉพาะ คาดว่าตั้งแต่วันที่ 1-5 มีนาคมนี้ จะมียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นฉบับ" นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว

น.ส.นิรมล อินสกุล อายุ 30 ปี ชาวบ้านกุดกว้าง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งมีอาชีพค้าขาย กล่าวว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านเริ่มทยอยส่งไปรษณียบัตรตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมแล้ว โดยจะฝากลูกหลานที่ไปในตัวจังหวัดซื้อกลับมาเพื่อให้กำลัง พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ ตนซื้อมา 50 ฉบับ จะเอาไปแจกให้ญาติพี่น้องส่ง

"คนในหมู่บ้านกว่า 80% ยังชื่นชอบนายกฯ ทักษิณอยู่ และอยากให้เป็นนายกฯ ต่อไป เพราะว่าเมื่อก่อนฉันต้องไปกู้หนี้ยืมสินเงินนอกระบบจนเป็นหนี้หัวโต แต่เมื่อนายกฯ มีนโยบายแก้ปัญหาความยากจน ฉันก็เจรจากับเจ้าหนี้ลดลงมาได้" น.ส.นิรมล กล่าวและยืนยันว่า จะเลือกพรรคไทยรักไทย (ทรท.)อีก

สำหรับพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายอรุณ สุรักษา ผช.หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์ อ.เมือง จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดขายไปรษณียบัตรในพื้นที่ยังถือว่า อยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้มีประชาชนมาสั่งซื้อเพื่อส่งไปให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คนในพื้นที่สนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน

นายวุฒิพงษ์ โมฬีชาติ รอง กก.ผจก.ใหญ่ ด้านปฏิบัติการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กระจายไปรษณียบัตร 20 ล้านฉบับ ไปยังที่ทำการไปรษณีย์ 1,178 แห่งทั่วประเทศแล้ว เบื้องต้นคาดว่า เฉพาะตู้ ปณ.888 ขายไปได้แล้วไม่น้อยกว่า 4 ล้านฉบับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลได้รับไปรษณียบัตรที่ประชาชนส่งให้กำลังใจแล้วประมาณ 1 พันฉบับ คาดว่า น่าจะมีส่งมาไม่น้อยกว่า 5 แสนฉบับ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ไปรษณียบัตรส่วนใหญ่ที่ส่งมามีลายมือเดียวกันค่อนข้างมาก และไม่ได้ประทับตราจากที่ทำการไปรษณีย์ที่ส่ง ขณะที่ข้อความส่วนใหญ่จะเรียกร้องสันติ และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สู้ต่อ

เชียงรายขับอีแต๋นบุกกรุงหนุน

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณในพื้นที่ภาคเหนือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 2 มีนาคม ชาว อ.แม่สาย อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และชาวเขาเผ่าต่างๆ ตามตะเข็บชายแดนกว่า 5,000 คน มาชุมนุมกันที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองอ.แม่สาย เพื่อแสดงพลังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนหนึ่งในขบวนนี้จะเข้ากรุงเทพฯ โดยใช้รถอีแต๋นเพื่อไปให้กำลังใจด้วย

นายวุฒิ กาวิชา ผู้ร่วมชุมนุมกล่าวว่า จะขับรถอีแต๋นไปให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เนื่องจากที่ผ่านได้สร้างผลงานไว้มากมาย แก้ไขปัญหาที่รัฐบาลหลายชุดแก้ไขไม่ได้ เช่น ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ หรือปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน

"เราคาดว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 วัน ซึ่งตลอดทางคาดว่า จะมีเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์แต่ละจังหวัดนำรถอีแต๋นมาเข้าร่วมด้วยถึง 1 หมื่นคัน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่บริเวณท้องสนามหลวง" นายวุฒิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าจะรถอีแต๋นออกจาก จ.เชียงราย ครั้งนี้กว่า 200 คัน ขณะเดียวกันมีรถบรรทุกหกล้อนับสิบคันขนเต็นท์และไม้ไผ่พร้อมเครื่องมือยังชีพไปด้วยเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้มีรายงานข่าวด้วยว่า กลุ่มผู้สนับสนุนอีกจำนวนหนึ่งได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว เพื่อให้ทันกับการปราศรัยใหญ่ วันที่ 3 มีนาคม

ส่วนสถานการณ์ ที่ จ.เชียงใหม่ นั้น นายปกรณ์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 พรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีผู้สนับสนุนพรรคในภาคเหนือ ไปร่วมรับฟังปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เนื่องจากผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในภาคเหนือกำลังเตรียมเวทีใหญ่เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาปราศรัยที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ในวันที่ 4 มีนาคม ซึ่งถือเป็นการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรกในพื้นที่บ้านเกิด คาดว่าจะมีสมาชิกพรรคและคนใน 8 จังหวัดภาคเหนือมาร่วมรับฟังไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนคน

ทรท.อีสานเร่งจัดเวทีฟัง "ทักษิณ"

ส่วนในพื้นที่ภาคอีสาน มีรายงานข่าวว่า อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย ระดมกำลังกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเข้าร่วมฟังการถ่ายทอดสดปราศรัยใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 3 มีนาคม อย่างคึกคัก นายจตุพร เจริญเชื้อ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 3 จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ตามมติพรรคต้องการให้ส.ส.แต่ละเขตพื้นที่ให้จัดเวทีปราศรัยตามเขตที่รับผิดชอบ ขณะนี้มีประชาชนในพื้นที่จำนวนมากเรียกร้องให้มีการชุมนุมและต้องการรับฟังข้อเท็จจริงของเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้

"คงไม่ใช่ม็อบปะทะ แต่จะเป็นเวทีชี้แจงว่าที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรอยู่ " นายจตุพร กล่าว

นายธีระยุทธ วานิชชัง อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย เขต 4 จ.อุดรธานี กล่าวว่า เวทีปราศรัยในวันที่ 3 มีนาคม เป็นเวทีชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทำไมรัฐบาลถึงต้องยุบสภา ทำไมต้องมีการเลือกตั้ง พร้อมทั้งเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เชื่อว่าจะมีประชาชนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มาร่วมไม่ต่ำกว่า 2,000 คน

"ประชาชนยังสับสน แต่เราจะดูถูกพลังเงียบที่มีถึงร้อยละ 80 ไม่ได้ เราต้องฟังความทั้งสองด้าน ไม่ใช่ฟังเสียงที่ออกไปคัดค้านฝ่ายเดียว ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดใจขอให้ประชาชนฟังก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าอะไรถูกอะไรผิด จะฟังเพียงทักษิณ ออกไปๆ ไม่ได้ " นายธีระยุทธ กล่าว

ศิษย์ธรรมกายฮือหนุน"ทักษิณ"

นายวีระศักดิ์ ฮาดดา หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่ว่า วัดพระธรรมกาย จะให้ลูกศิษย์รวมตัวไปให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ตนขอปฏิเสธว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะเท่าที่ทราบ มีเพียงการวิจารณ์ด้านการเมืองอย่างกว้างขวางในช่วงก่อนจะสวดมนต์ภาวนา ซึ่งญาติธรรมจากทั่วประเทศที่มาทำบุญ อาจจะมีทัศนคติแตกต่างกันได้ ถือเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล

"คนที่ต้องการจะไปให้กำลังใจรักษาการนายกฯ ก็มี ส่วนที่ต้องการจะวางเฉยหรือไม่เกี่ยวข้องก็มี ปัจจุบันคณะศิษย์ที่มาร่วมทำบุญกันครั้งหนึ่ง ก็หลายแสนคน โดยมีผู้นำบุญ หรือหัวหน้าสายนำมา ส่วนมากมีเจตนาสร้างบุญกุศลเท่านั้น ไม่สนใจที่จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง" หัวหน้ามูลนิธิธรรมกาย กล่าว

นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการเมืองในปัจจุบัน ทางวัดไม่ขอยุ่งเกี่ยว เพราะวัดมีหลักที่จะต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะท่านพระภาวนาวิทยาคุณ เจ้าอาวาส ที่ผ่านมาไม่เคยเทศน์ โดยนำเอาประเด็นการเมืองเข้ามาพูดเลยสักครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นางเชอรี่ (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ผู้นำบุญระดับอำเภอรายหนึ่ง มีส่วนเข้าไปร่วมในการยับยั้งไม่ให้นำหุ้นเบียร์ ช้าง เข้าตลาดหุ้นมาแล้ว ยืนยันว่า ในวันที่ 3 มีนาคมนี้ ลูกศิษย์วัดธรรมกายส่วนหนึ่งจะรวมตัวกันเข้าไปให้กำลังใจพ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะไปกันในนามส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ถือว่าเป็นสิทธิของแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มีฐานะ มีการศึกษา และได้ถกเถียงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจนได้ข้อสรุปแล้วว่า จะต้องไปให้กำลังใจรักษาการนายกฯ

"ล่าสุดได้รับการยืนยันว่า จะมีผู้นำบุญจากทั่วประเทศไปรวมตัวกัน ซึ่งน่าจะมีจำนวนคนมหาศาล ซึ่งอาจจะมีมากกว่ากลุ่มที่กำลังกดดันรักษาการนายกฯ ในขณะนี้ก็ได้ เราทำเพื่อปกป้องประชาธิปไตย และจะขอคัดค้านการใช้กฎหมู่บีบบังคับ" ผู้นำบุญวัดพระธรรมกาย กล่าว

ชี้คนสระแก้วหมื่นคนร่วมกู้ชาติ

ส่วนความเคลื่อนไหวของประชาชนใน จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นฐานเสียงของนายเสนาะ เทียนทอง อดีตประธานที่ปรึกษาพรรค ทรท. พบว่ามีบรรดาแกนนำท้องถิ่นออกชักชวนคนในพื้นที่ให้ไปเข้าร่วมการชุมนุมกู้ชาติที่สนามหลวง ในวันที่ 5 มีนาคม โดยตั้งเป้าไว้ว่า ชาวสระแก้วจะไปร่วมชุมนุมครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นคน เพื่อสนับสนุนนายเสนาะ แกนนำที่ไปชักชวนยังได้บอกกับชาวบ้านด้วยว่า "ป๋าเหนาะ" เปิดไฟเขียวให้ไปเข้าร่วมชุมนุมได้เต็มที่ โดยนัดหมายให้เดินทางไปทั้งโดยรถไฟและรถยนต์ส่วนตัว แต่จะไม่มีการว่าจ้างรถบัสไป เพื่อหลีกเลี่ยงการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทาง แต่ยังไม่กำหนดจุดรวมตัวที่ชัดเจน

เผย"ทักษิณ"มุ่งแจงหุ้นชินพ่วงผลงาน

ในช่วงเย็นวันที่ 2 มีนาคม ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้มีกลุ่มเครือข่ายชาวไทยรักแผ่นดิน แจกใบปลิวเชิญชวนให้ประชาชนไปรับฟังการชี้แจงของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยระบุว่า "กลุ่มผู้เสียประโยชน์จากผลงานของนายกฯ ได้รวมตัวกันก่อกวนบ้านเมืองให้วุ่นวาย แม้นายกฯ จะเปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจโดยการยุบสภา แต่ก็ไม่มีการยอมรับ และยังขับไล่นายกฯ ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันแสดงพลัง ซึ่งมีความสำคัญมากต่ออนาคตของประเทศ"

นายภิมุข สิมะโรจน์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ว่า ก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 17.00 น. ทีมโฆษกและ ส.ส.หญิง จะจัดเวทีย่อย 3 จุด ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา บริเวณแยกคอกวัว และหน้าสำนักงานกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ริมถนนราชดำเนินกลาง เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาร่วมฟังการปราศรัยใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

เมื่อเวลา 17.10 น. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงว่า ที่ประชุมหารือถึงการปราศรัยใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเตรียมแผนรักษาปลอดภัยเช่นเดียวกับการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ โดยจะจัดแผงกั้น ตรวจอาวุธปืน-ระเบิด ก่อนเข้างาน คาดว่าการปราศรัยคงใช้เวลาไม่เกิน 22.00 น. ส่วนเรื่องมือที่สาม หน่วยข่าวกรองยืนยันว่ายังไม่พบความเคลื่อนไหว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ จะเคลื่อนขบวนเพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล หรือบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ 5 มีนาคม พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวว่า จะเคลื่อนก็ได้แต่ต้องอยู่ในความสงบ ไม่กีดขวางการจราจร ซึ่งเรื่องนี้ได้เตรียมแผนรับมือไว้พร้อมแล้ว โดยสถานที่สำคัญต่างๆ จะจัดหน่วยคอมมานโดมารักษาการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ตนคิดว่าหลังประชาชนได้ฟังนายกฯ ปราศรัย ในวันที่ 3 มีนาคม จะส่งผลให้การชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ ในวันที่ 5 มีนาคม มีคนมาร่วมน้อยลง และเชื่อว่า ในวันนั้นคงไม่ถึงขั้นต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และรักษาการ รมว.คมนาคม กล่าวว่า การปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะชี้แจงในสิ่งที่ถูกโจมตีมาหลายเดือน ทั้งเรื่องการขายหุ้นของครอบครัวอีกครั้ง เพราะบางคนยังไม่รู้เรื่อง หรือรู้เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ พรรคจะชี้แจงในโครงการและนโยบายของพรรคที่ไปแล้วในรอบ 5 ปี รวมทั้งจะชี้แจงการปฏิรูปการเมือง โดยมุ่งแก้รัฐธรรมนูญที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตย ป้องกันไม่ให้ประเทศกลับไปสู่ภาวะเผด็จการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์