หกพรรคร่วมกอดคอยื้อไม่สนกองทัพบีบ "สมชาย" ยันไม่ยุบ-ไม่ออก-ไม่ปลด ผบ.ทบ.ให้รอผลสอบคณะกรรมการใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน สะพัดต่อรองกองทัพขอเวลา 2 เดือน ก่อนยอมลงจากเก้าอี้ แฉ "แม้ว" สายตรงสั่งสู้ หวั่นแผนลี้ภัยลอนดอนไม่สำเร็จ นปช.ขู่ทหารทำปฏิวัติรวมพลเต็มถนนแน่ ศาลออกหมายจับ "สุชาติ" แกนนำ นปช.หมิ่นเบื้องสูงแล้ว
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เรียกประชุมแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่สนามบินดอนเมือง ที่ใช้เป็นที่ทำงานชั่วคราวของคณะรัฐมนตรี โดยหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที นายกรัฐมนตรีเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าทำงานต่อไป
การแถลงข่าวครั้งนี้มีขึ้นภายหลังผู้บัญชาการสี่เหล่าทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจ รวมทั้ง ผบ.ทหารสูงสุด ออกรายการทางช่อง 3 เมื่อเย็นวันที่ 16 ตุลาคม ที่ผ่านมา กดดันให้รัฐบาลลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเหตุสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรที่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
นายกรัฐมนตรีนั่งแถลงข่าวพร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย นายมั่น พัธโนทัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนจากพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา และนางอุไรวรรณ เทียนทอง จากพรรคประชาราช โดยนายกรัฐมนตรีชี้แจงถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรว่า เมื่อรัฐบาลได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 30 วัน ซึ่งประธานสภาได้นัดประชุมในวันที่ 7 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม ในคืนวันที่ 6 ตุลาคม ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปปิดสภา คืนนั้นจึงเรียกประชุม ครม.ฉุกเฉิน เวลา 23.00 น. ซึ่งที่ประชุมมีการเสนอความเห็นหลากหลาย สุดท้ายก็ได้สรุปว่า เราต้องไปสภาตามนัด และดูว่าจะสามารถเข้าไปแถลงได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปไม่ได้ก็รอฟังประธานสภาว่าจะนัดหมายอย่างไร และเมื่อสรุปเช่นนั้น ครม.ก็ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ ขณะนั้น เป็นผู้รับภาระประสานงาน ดูแลในส่วนที่มีการไปปิดล้อมสภาอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เล่าให้ฟัง การประชุมก็จบลงตรงนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันรุ่งขึ้น (7 ต.ค.) กลับเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ซึ่งมีเสียงสะท้อนว่าใครจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ในฐานะนายกฯ จึงสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เป็นการดำเนินการเพื่อให้ความสะดวก สามารถเรียกเอกสาร สอบสวนใครก็ได้ โดยให้อิสระทุกอย่าง คณะกรรมการดังกล่าวเป็นบุคคลทรงคุณวุฒิให้ความวางใจจากประชาชนโดยทั่วไป คาดว่าภายใน 15 วัน น่าจะทราบผล ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลก็พร้อมยอมรับผลตามนั้น ไม่หลีกเลี่ยง
เผยอยู่ทำงานใหญ่เสร็จค่อยยุบสภา
นายสมชายกล่าวว่า ในการทำงานนั้น รัฐบาลมีหน้าที่ที่ไม่อาจละทิ้งได้ โดยเป็นงานใหญ่ 3 งาน คือ 1.งานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ 14-19 พฤศจิกายน ขณะนี้รัฐบาลเตรียมความพร้อม 100% แล้ว 2.งานเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นงานที่เป็นศูนย์รวมดวงใจคนไทย รัฐบาลจึงอยากให้หยุดการวิวาทบาดหมางกันไว้ ร่วมมือร่วมใจกันแสดงความจงรักภักดีให้สมพระเกียรติ และ 3.การที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทั่วโลกจับตามองอยู่ งานนี้เป็นหน้าตารัฐบาล ทุกประเทศได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทำเรื่องกราบบังคมทูลอยู่ อันนี้เราต้องช่วยกันรักษาหน้าตาของเรา อยากให้ร่วมมือกันจัดงานทั้งหมดนี้ ดีกว่าเขาจะไปนินทาว่าเราไม่รักษาเกียรติภูมิของชาติเอาไว้เลย
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นเรื่องการบ้านการเมืองเราไม่อยากพูด เรื่องการเมืองจะทำอย่างไร เราเคยพูดแล้วว่าจะสนับสนุนแนวทางจัดตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งในการประชุมร่วมพรรคการเมืองและประธานสภา ประธานวุฒิสภา ทุกฝ่ายก็มีความเห็นตรงกันว่าเป็นทางออกในการพัฒนาการเมือง ทั้งนี้เมื่อสำเร็จแล้ว รัฐบาลก็พร้อมจะคืนอำนาจให้ประชาชน
ยันไม่ปลด"อนุพงษ์"ไม่ยุบ-ไม่ออก
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.หรือไม่ นายกรัฐมนตรีหัวเราะและกล่าวว่า ไม่มีเรื่องอย่างนั้น วันนี้เป็นการชี้แจงเรื่องการทำงาน ไม่มีใครไปเปลี่ยนใคร
ส่วนในสถานการณ์อย่างนี้รัฐบาลจะทำงานร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทำงานในราชการมันเป็นระบบ มีกฎหมาย มีกติกาอยู่แล้ว ตนเคยเป็นข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ทุกคนจะต้องทำงานร่วมกับข้าราชการ
เมื่อถามย้ำว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ยุบสภาหรือลาออกใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ฟังตามที่ตนได้แถลงไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมาพูดผ่านโทรทัศน์เหมือนเป็นการปฏิวัติเงียบด้วยการปฏิวัติผ่านหน้าจอ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่เข้าใจคำว่าปฏิวัติหน้าจอ และได้ตอบไปชัดเจนแล้วว่า ใครจะพูดอะไรหรือมีความคิดเห็นอย่างไร รัฐบาลก็รับฟังและมาวิเคราะห์ พิจารณา
เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพระบุว่าจะออกมาพูดลักษณะนี้ทุกอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ก็รอ” จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็รีบกล่าวตัดบทเพื่อจบการแถลงข่าวทันที และเดินกลับขึ้นห้องทำงาน
นายกฯเครียดจัดเช็กข่าวปฏิวัติตลอด
รายงานข่าวเปิดเผยบรรยากาศการประชุมพรรคร่วมวันนี้ นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก พร้อมกับรีบชี้แจงต่อที่ประชุมอย่างรวดเร็วว่า “มติ ครม.เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมนั้น ไม่มีคำสั่งให้สลายการชุมนุมแน่นอน และผมก็ไม่ได้สั่งให้มีการสลายการชุมนุม ผมเป็นสุภาพบุรุษพอ ถ้าผิดผมยอมลาออก ซึ่งในคืนนั้นมติ ครม.ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ดูแลสถานการณ์และสั่งการทั้งหมด” และเมื่อนายกรัฐมนตรีชี้แจงเสร็จ ก็ได้ถามว่าพรรคอื่นๆ มีใครจะเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ แต่ปรากฏว่าก็ไม่มีใครพูดอะไร จากนั้นทั้งหมดก็ออกมาแถลงข่าวร่วมกัน
รายงานข่าวในที่ประชุมเปิดเผยอีกว่า นายสมชายบอกว่า เมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ภายหลัง ผบ.เหล่าทัพออกมาพูด ก็ได้สั่งคนไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกองทัพตลอดทั้งคืน เพราะมีข่าวออกมาว่ากองทัพจะทำการปฏิวัติภายใน 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวเสร็จในวันนี้ นายสมชายยังคงตรวจสอบเรื่องข่าวการปฏิวัติอยู่ที่ห้องทำงาน ในท่าอากาศยานดอนเมือง เนื่องจากมีข่าวสะพัดว่าทหารจะปฏิวัติ โดยมีการเตรียมกำลังพลที่จะชาร์จตัวนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว
สมชายขอ 2 เดือนก่อนลงจากเก้าอี้
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวจากฝ่ายทหารเปิดเผยว่า แกนนำระดับผู้ใหญ่ของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายทหารมีการหารือในเบื้องต้น โดยมีรายงานว่านายสมชายยื่นเงื่อนไขขอเวลาอยู่เคลียร์ปัญหาต่างๆ และจัดงานพระราชพิธีให้เสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นพร้อมจะลงจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม อีกกระแสหนึ่งระบุว่า ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชนพอดี
พปช.รุมจวกเหล่าทัพไม่ทำตาม รธน.
เมื่อเวลา 13.30 น. ส.ส.พรรคพลังประชาชน อาทิ นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ร่วมแถลงจุดยืนกรณีที่ ผบ.เหล่าทัพแสดงท่าทีกดดันรัฐบาลผ่านโทรทัศน์
นายพีรพันธุ์กล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตว่า เดิมจะเป็นการให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเหตุปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา แต่ไม่ทราบว่าทำไมจึงพูดเรื่องการเมืองและแสดงท่าทีดังกล่าวออกมา จึงอยากถามว่าเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงการต่อต้านการปฏิวัติไม่เงียบที่เกิดขึ้น
นายพีรพันธุ์กล่าวต่อว่า อยากให้กำลังใจนายสมชายรักษาอำนาจไว้ อย่าทำตามกระบวนการกดดันให้นายกฯ ลาออก เพราะเท่าที่ทราบข้อมูลในเชิงลึกนั้น หากนายกฯ ไม่ยอมลาออกก็จะกดดันต่อเนื่อง เพื่อให้มีการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา โดยเฉพาะเรื่องการสรรหานายกฯ คนใหม่ เนื่องจากต้องการเปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก
นายอำนวยกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยต่อการที่ ผบ.เหล่าทัพออกมาแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น เพราะไม่ใช่หน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
เมื่อถามว่าแสดงว่า ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่ยอมรับแนวทางรัฐบาลแห่งชาติ นายอำนวยกล่าวว่า การตั้งรัฐบาลแห่งชาติคงเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลปี 2550 กำหนดไว้ จะไปพูดนอกกรอบไม่ได้ เนื่องจากการพูดขัดรัฐธรรมนูญถือว่ามีความผิดเช่นกัน
พปช.ตั้งวอร์รูมเกาะติดสถานการณ์
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรงขณะนี้ พรรคพลังประชาชนมีการจัดตั้งวอร์รูมของพรรคเพื่อเกาะติดสถานการณ์เพื่อรายงานและสรุปสถานการณ์เป็นช่วงๆ ให้ทันต่อเหตุการณ์
นายพีรพันธุ์ยอมรับว่า มีการตั้งวอร์รูมตามปกติ ซึ่งมีการแบ่งคณะทำงานเป็นชุดๆ ในการรับผิดชอบดูแลวอร์รูมเพื่อเกาะติดวิเคราะห์ พร้อมในการชี้แจงและทำความเข้าใจให้ประชาชนด้วย นอกจากนี้พรรคพลังประชาชนยังเปลี่ยนฉากห้องแถลงข่าวสื่อมวลชนใหม่ เพื่อรองรับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ โดยเปลี่ยนฉากเป็นสีธงชาติ พร้อมนำข้อความที่ชูสโลแกนของพรรคว่า ”สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย” และ ”เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยพลังประชาชน”
"อนุพงษ์"โดนติดตาม-หวั่นปองร้าย
ภายหลังนายกรัฐมนตรียืนยันไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ตลอดทั้งวันผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง ผบ.เหล่าทัพทุกคน แต่นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำตัว ผบ.เหล่าทัพบอกว่า ขณะนี้ติดประชุมไม่สามารถรับได้ หากผู้สื่อข่าวมีอะไรก็ให้ฝากโน้ตไว้
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ไปทอดกฐินที่ จ.สุพรรณบุรี อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ ถูกกลุ่มคนบางกลุ่มติดตามอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ แต่มีการคาดการณ์ว่า คนที่ติดตาม พล.อ.อนุพงษ์ อาจจะคิดปองร้าย หลังจากไปออกทีวีช่อง 3 เพื่อประกาศให้รัฐบาลลาออก
รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 18 ตุลาคมนี้ พล.อ.อนุพงษ์ และ ผบ.เหล่าทัพ จะไปร่วมงานทอดกฐินที่ จ.บุรีรัมย์ คาดว่าจะมีการคุยนอกรอบระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ เพื่อหารือสถานการณ์การเมือง ภายหลังนายกฯ ประกาศจะไม่ลาออกและไม่ยุบสภา ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ มีกำหนดการจะไปร่วมรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาบันทึกเทปร่วมกับนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ที่ ททบ.5 เวลา 13.00 น.
แฉแผน"แม้ว"ต่อสายให้สมชายสู้ต่อ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจาก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าหารือที่บ้านพักนายกฯ ย่านถนนแจ้งวัฒนะนั้น ช่วงเวลาดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหานายสมชาย และบอกว่าให้ "สู้ต่อ" อย่าเพิ่งลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะถึงอย่างไรการลาออกก็ไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในเวลานี้
“พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการให้นายสมชาย อยู่ในตำแหน่งต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการลาออกไม่ได้เป็นหนทางในการแก้ไขปัญหา เพราะหาลาออกแล้วจะเข้าทางกลุ่มพันธมิตร เพราะการลาออกหรือยุบสภาก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่ากลุ่มพันธมิตรจะหยุดการเคลื่อนไหว ดังนั้นขอให้อยู่ทำงานต่อไปก่อน อีกทั้งขณะนี้การลี้ภัยที่ประเทศอังกฤษก็ยังไม่สมบูรณ์ จึงขอให้ยื้อเวลาออกไปอีกระยะหนึ่งก่อน” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ถ้าทหารออกมาปฏิวัติรัฐบาลก็ไม่รับรองว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ เพราะมั่นใจว่า นปช.จะรวมกันได้มาก จะเรียกมารวมตัวตั้งแต่ 5 พัน-1 แสนคนก็ย่อมได้ และ นปช.ก็พร้อมจะปะทะอยู่แล้ว
สะพัดเซ็นเด้งอนุพงษ์แต่ต้องพับแผน
แหล่งข่าวยังบอกด้วยว่า ตอนนี้พรรคพลังประชาชนและแกนนำคนสำคัญของพรรคพยายามหาวิธีตลบหลัง ผบ.เหล่าทัพ โดยมีแนวคิดจะปลด ผบ.เหล่าทัพออกจากตำแหน่ง และพยายามหาคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งแทน โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. ที่ตลอดทั้งวันมีกระแสข่าวว่า นายสมชายลงนามในคำสั่งให้ พล.อ.อนุพงษ์ มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมีการผลักดันให้เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 พล.อ.พรชัย กรานเลิศ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้รับการผลักดันจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มาหลายครั้ง
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า วิธีการดังกล่าวต้องถูกยกเลิกกะทันหัน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหารุนแรง โดยเฉพาะขุมกำลังของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ได้จัดวางไว้เรียบร้อยหมดแล้ว โดยเฉพาะขุมกำลังที่อยู่ในพื้นที่ กทม. อีกทั้งขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ มีคำสั่งให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก และเหล่าทัพอื่นๆ เตรียมความพร้อม 100% ตลอด 24 ชั่วโมง ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทหารไทยปะทะทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ที่กลุ่ม นปช.ระบุว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นได้
ผลสอบ กก.สิทธิฯ ชี้ ตร.ทำรุนแรงเกินเหตุ
ศ.เสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายสุรสีห์ โกศลนาวิน ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ร่วมกันแถลงข้อสรุปการพิจารณาในเบื้องต้นของคณะอนุกรรมการว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พบว่ามีการใช้แก๊สน้ำตาโดยไม่ประกาศเตือนผู้ชุมนุมก่อน และยังพบว่าคืนวันก่อนหน้านั้น (6 ต.ค.) เป็นที่ทราบในหมู่สื่อมวลชนแล้วว่า รัฐบาลได้เรียกประชุมเพื่อวางแผนจะใช้กำลังสลายการชุมนุมอยู่แล้ว เพื่อจะเปิดทางให้ ส.ส. ส.ว.และคณะรัฐมนตรี สามารถเข้าไปในอาคารรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลได้
นายสุรสีห์กล่าวอีกว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนพิจารณาแล้วเห็นว่า การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม เป็นการกระทำรุนแรงที่เกินความจำเป็น เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน และละเมิดกฎหมาย ส่วนผู้ที่ต้องรับผิดชอบนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจากความต้องการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยมีการประชุมวางแผนไว้ก่อนแล้ว จึงเชื่อว่าการกระทำเกิดจากการสั่งการของรัฐบาล รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในฐานะผู้สั่งการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ปฏิบัติ ซึ่งรัฐบาลมีแนวทางปฏิบัติในการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอยู่แล้ว
นายสุรสีห์กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะเร่งสอบสวนเพื่อหาตัวบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนดังกล่าวโดยเร็ว แต่จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะมีหลักฐานและบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก จากนั้นจะนำผลการพิจารณาเสนอต่อรัฐบาลต่อไปส่วนการแถลงครั้งนี้ เป็นการสรุปเบื้องต้นตามที่มีความชัดเจนเท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ
นิด้ายื่นถอดชื่อสมชายออกจากสถาบัน
เวลา 13.30 น. ตัวแทนศิษย์เก่าและประชาคมของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในนามกลุ่มนิด้าพัฒนาการมือง ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อผู้บริหารของสถาบัน ขอให้ถอนรายชื่อนายสมชาย นายกรัฐมนตรี ออกจากบัญชีศิษย์เก่าของสถาบัน
นายจักรกริช ธรรมศิริ อดีตนายกสโมสรนักศึกษาสถาบันปี 2539 แถลงว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายสมชาย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ประชาชนไทยต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นชัดว่า นายสมชายขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้นำประเทศ ขาดเมตตาธรรมต่อประชาชนผู้อยู่ใต้ปกครอง พวกเราในฐานะศิษย์เก่าและประชาคมสถาบันมีความรู้สึกสลดหดหู่ และมีความเสียใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งนายสมชายเป็นศิษย์เก่าร่วมสถาบัน พวกเราก็ยิ่งมีความรู้สึกเสียใจเป็นทวีคูณ ดังนั้นเพื่อแสดงให้สังคมและประชาชนได้รับรู้ว่าสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ยังเป็นสถาบันของประชาชน ยังคงยืนหยัดเคียงข้างประชาชนอยู่เสมอ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ศิษย์เก่าของสถาบันที่มีโอกาสเข้าไปมีอำนาจรัฐคนอื่นๆ ให้กระทำการเยี่ยงนายสมชาย ศิษย์เก่าและประชาชนประมาณ 300 คน จึงร่วมกันเรียกร้องให้สภาสถาบันที่มี รศ.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนายกสภา ดำเนินการพิจารณาถอดถอนรายชื่อนายสมชาย นายกฯ มือเปื้อนเลือด ออกจากทำเนียบศิษย์เก่าสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
นปช.ขู่ทหารทำปฏิวัติพร้อมเคลื่อนพล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำ นปช. กล่าวกรณีนายสมชาย นายกฯ แถลงข่าวไม่ยุบสภาและไม่ลาออกว่า ขอสนับสนุนนายสมชายที่จะสู้ต่อไปเพราะมีประชาชนที่รักประชาธิปไตยสนับสนุนด้วยเช่นกัน ที่ขอให้รัฐดำเนินการตามกรอบประชาธิปไตย
นายจตุพรกล่าวว่า ในส่วนการเคลื่อนไหวของ นปช.นั้น จะยังไม่มีอะไรจนกว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น หากถึงวันนั้นจะมีประชาชนที่รักประชาธิปไตยออกมารวมตัวกันเต็มบ้านเมือง การปฏิวัติก็จะเจอปัญหาใหญ่หลวงไม่น้อยไปกว่าสถานการณ์ขณะนี้ ตั้งแต่วันแรกเมื่อมีการปฏิวัติ
ถามว่าได้เตรียมกำลังประชาชนในพื้นที่ในการต่อต้านทหารอย่างไร มากแค่ไหน นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีการเตรียมจัดตั้งอะไร เพียงแต่นัดหมายกันว่าหากปฏิวัติเมื่อไรก็จะออกมาต่อต้านให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อวานนี้มีคนบอกว่าเป็นการปฏิวัติเงียบหน้าจอ แต่ก็ต้องติดตามวันต่อวันว่าจะมีหรือไม่
โฆษก ทบ.ยันทหารไม่ปฏิวัติ
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้กองทัพไม่ได้จัดกำลังเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวใดๆ หลังจากผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพออกมาแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองผ่านรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พร้อมยืนยันจะไม่มีปฏิวัติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนการออกมาแสดงความเห็นของ พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.ที่ระบุว่า หากบ้านเมืองถึงขั้นกลียุค มีการนองเลือดเกิดขึ้น ก็อาจจะต้องมีการหยุดการใช้อำนาจนั้น เป็นเพียงการอุปมาอุปไมย ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ แต่บรรยากาศโดยทั่วไปของบ้านเมืองขณะนี้ค่อนข้างอึมครึม ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกก็ยังไม่มีการสั่งการใดๆ ลงมา
โฆษกกองทัพบกยังกล่าวด้วยว่า ระหว่างออกรายการโทรทัศน์อยู่นั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาสอบถามทีมงานว่า ใครเป็นคนประสานให้บรรดาผู้บัญชาการเหล่าทัพมาออกรายการ
ศาลอนุมัติหมายจับ "สุชาติ" หมิ่นเบื้องสูง
เวลา 12.00 น. พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า เวลา 11.00 น. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เป็นผู้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อออกหมายจับนายวราวุธ ฐานังกรณ์ หรือชื่อเดิมนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยได้รวบรวมพยานหลักฐานและประชุมพนักงานสอบสวน ก่อนไปยื่นหมายจับข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ต้องรอดูในช่วงบ่ายวันนี้
ต่อมาเวลา 14.30 น. พ.ต.ท.สุเมธกล่าวว่า ศาลได้พิจารณาคำร้องขออนุมัติหมายจับกุมแล้ว โดยศาลมีคำสั่งว่า จากคำร้องดังกล่าว ศาลเห็นว่ามีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา และเป็นความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกเกินกว่า 3 ปี จึงอนุมัติหมายจับกุมตามที่ร้องขอ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำหมายจับ เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาดำเนินการติดตามจับกุมนายสุชาติต่อไป
พ.ต.ท.สุเมธกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาที่อยู่ของนายสุชาติ คาดว่าฝ่ายสืบสวนกำลังจะนำหมายจับไปควบคุมตัวมาดำเนินคดี
"แม้ว" แจ้งจับ "สนธิ" หาทุ่มเงินล้มสถาบัน
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวัชระ แสงประทุม ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม กล่าวโจมตีใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง โดยเฉพาะทุ่มเงินล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือว่าได้สร้างความเสียหายมากกว่าทุกครั้ง จึงมอบหมายให้ทีมทนายความเข้าแจ้งความ รวมทั้งให้ดำเนินคดีหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี โดยนำหลักฐานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แผ่นดีวีดี พร้อมรายละเอียดคำปราศรัยพร้อมจะยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งกรณีที่นายสนธิกล่าวโจมตีใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 อีกด้วย
“พ.ต.ท.ทักษิณเคยยื่นฟ้องนายสนธิกับพวกมาแล้ว โดยเฉพาะศาลได้มีคำสั่งห้ามนายสนธิพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในทางเสียหายอีก แต่นายสนธิยังคงกล่าวโจมตีใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการกระทำที่ละเมิด ไม่เคารพต่อคำสั่งห้ามของศาล จึงได้มอบหมายให้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งได้มีคำสั่งห้ามนายสนธิที่กล่าวใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณต่อไป” นายวัชระกล่าว
ด้านนายวิชิตให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า จนถึงขณะนี้นายสนธิได้ถูกแจ้งความและยื่นฟ้องดำเนินคดีมากกว่า 50 คดี โดยเฉพาะการปราศรัยกล่าวหาค่อนข้างจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับไม่ได้ที่กล่าวหาว่าทุ่มเงินเพื่อล้มล้างสถาบัน เพราะไม่เป็นความจริง จึงต้องแจ้งความดำเนินคดี อย่างไรก็ตามในการฟ้องทางแพ่ง อาจจะเรียกค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 500 ล้านบาท เพราะได้พูดใส่ร้ายต่อเนื่อง และยังละเมิดคำสั่งศาลด้วย
พธม.ไปสีลมประณาม ตร.สลายม็อบ
เมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้รวมตัวกันที่ลานพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ด้านหน้าสวนลุมพินี ก่อนจะเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าถนนสีลมเพื่อแจกจ่ายหนังสือและซีดี บันทึกเหตุการณ์ 7 ตุลา ประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม โดยมีนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตร เป็นผู้นำ
ขณะเดียวกัน มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมรักษาความปลอดภัยประมาณ 500 นาย จากหลาย สน.ในสังกัดนครบาล ทั้งนี้ระหว่างชุมนุมมีการปั่นป่วนชั่วขณะ เนื่องจากมีกลุ่ม พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วยวัยรุ่นหลายสิบคน เดินทางด้วยรถปิกอัพ 3 คัน มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนำใบปลิวและซีดีมาแจกจ่ายให้ตำรวจ ทำให้กลุ่มพันธมิตรส่งเสียงโห่ร้องขับไล่ จนที่สุดกลุ่มของ พ.ต.ท.กานต์ ก็ล่าถอยกลับไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรวันนี้ การนำป้ายโปสเตอร์ประณามการสลายการชุมนุม มีรูปนายสมชาย พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พ.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง และข้อความโจมตี ท่ามกลางประชาชนผ่านไปมา ที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยบางกลุ่มที่ทำงานที่ถนนสีลมได้โบกมือและนำมือตบมาเขย่าต้อนรับ ส่วนที่ไม่เห็นด้วยเพราะหงุดหงิดจากรถติด ก็จะบีบแตรดังยาว แต่ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้พันธมิตรเดินรณรงค์ผ่านถนนสีสม และถนนสุรศักดิ์ ก่อนที่จะเดินทางกลับ
อัยการสูงสุดตั้งคณะล่าพวกหนีหมายศาล
นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ได้ตั้งคณะทำงานอัยการชุดใหญ่ในการติดตามตัวนักการเมืองที่หลบหนีหมายจับไปอยู่ต่างประเทศ เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กลับมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลในประเทศไทย มีนายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน มีอัยการจากฝ่ายคดีต่างประเทศและอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 10 คน เป็นคณะทำงาน มีตนเป็นเลขานุการ
“คณะทำงานชุดใหญ่จะแบ่งกันดูแลเป็นคดีๆ ไป โดยคดีแรกที่อัยการจะดำเนินการ ตามหมายจับของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ การขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก ที่หลบหนีไปอยู่ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี หรือรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯ” นายศิริศักดิ์กล่าวโดยต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลในวันที่ 21 ตุลาคมนี้เสียก่อน
"สนธิ"อัดพล.อ.อนุพงษ์ฟอกตัวเอง
เมื่อเวลา 20.45 น. แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ขึ้นเวทีปราศรัยต่อผู้ชุมนุมภายในทำเนียบรัฐบาล โดยนายสนธิกล่าวปราศรัยว่า การแถลงข่าวของ พล.อ.อนุพงษ์ และผู้นำเหล่าทัพต่างๆ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม เห็นว่าเป็นรายการบันเทิงเพียงรายการหนึ่ง และเป็นรายการที่ต้องการจะเคลียร์ตัวเองของ พล.อ.อนุพงษ์เท่านั้น เพราะหาก พล.อ.อนุพงษ์ มีความจริงใจ ตนเห็นว่าการแถลงข่าวดังกล่าวของผู้บัญชาเหล่าทัพจะต้องมีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่กองทัพไทย ไม่ใช่ไปแถลงข่าวกันที่ช่อง 3 ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้สัมภาษณ์
นายสนธิกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์หยุดฟอกตัวเองได้แล้ว รวมทั้งขอเรียกร้องไปยังกองทัพไทย ให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เพื่อเอาคนที่เกี่ยวข้องไปลงโทษให้ได้
นายสนธิกล่าวต่อว่า หลายคนมีความรู้สึกตื่นเต้นในการออกมาแถลงข่าวของผู้นำ และหลายคนต่างพูดกันว่าเป็นการปฏิวัติเงียบ แต่สำหรับตนขอพูดได้คำเดียวว่า “ถุย” การแถลงข่าวดังกล่าวมองเป็นเพียงรายสีสันบันเทิงของ ผบ.ทบ.เท่านั้น ในวันนี้เรารู้ตัวตนที่แท้จริงของ ผบ.ทบ.แล้ว การแถลงข่าวดังกล่าวของผู้นำเหล่าทัพ สงสัยว่าทำไมผู้นำเหล่าทัพถึงต้องปล่อยให้เวลาผ่านมาเป็นเวลากว่า 10 วัน
"ผมสงสัยว่า ทำไม พล.อ.อนุพงษ์ เพิ่งออกมาพูดและแถลงข่าวกัน เรื่องนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นการสมคบร่วมคิดกันกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ผมอยากจะบอก พล.อ.อนุพงษ์ว่า ผมได้ผ่านการทำงานของ ผบ.ทบ.มาหลายต่อหลายคนแล้ว ขอยืนยันว่าไม่มียุคไหนที่ทหารไทยมีความตกต่ำเท่าในยุคที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.อีกแล้ว" นายสนธิกล่าว