คำต่อคำ สมชาย แถลงขอทำงานต่อ ให้รอผลสอบใน 15 วัน

อ้างมี 3 งานใหญ่ต้องเดินหน้า -วอนปชช.หยุดทะเลาะวิวาท

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวโดยมีตัวแทน พรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมแถลง ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทย นางอุไรวรรณ เทียนทอง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ว่า

พี่น้องประชาชนที่เคารพ จากที่เป็นข่าวเป็นคราวหลายๆเรื่องที่ผ่านมา คิดว่ารัฐบาลซึ่งมีพรรคการเมืองร่วมทั้ง 6 พรรค ควรได้มีการชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงการทำงานของรัฐบาล ความร่วมมือของ 6 พรรคที่มีอยู่

การแถลงคราวนี้เป็นการแถลงตามปกติของสื่อมวลชน หากมีเรื่องที่เป็นที่น่าสนใจ รัฐบาลก็ควรจะแสดงให้ประชาชนทราบ เพราะรัฐบาลชุดนี้ที่เรียกเต็มปากเต็มคำว่ามาในระบอบประชาธิไตย การเลือกตั้งของปชช.ทั้งประเทศ ฉะนั้นจึงควรรายงานให้ประชาชนทราบ เรารับผิดชอบต่อผู้ส่งให้เรามาบริหารบ้านเมือง จึงถือว่าเป็นเรื่องปกติ 
      
จากที่มีข่าว ผมอยากจะเรียนว่าการทำงานของรัฐบาล จุดมุ่งหมายเมื่อมาแล้วไม่มีเป้าประสงค์จะทำเฉพาะการเมือง เรามีความกังวลจะต้องดูแลประชาชนทุกภาคส่วนโดยเสมอภาคกันทั้งประเทศ นโยบายของเรามีหลายอย่าง ครอบคลุมถึงการทำมาหากินของพี่น้องทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหลวง ชนบท การอำนวยความสะดวกเรื่องน้ำ ไร่นา ราคาสินค้า ไฟฟ้า รถใต้ดิน บนดิน ทุกภาคส่วน
      
อยากจะพูดเรื่องที่ให้ความสนใจ ปัญหาเที่เกิดเป็นข่าวคราวจากการแถลงนโยบายว่าตกลงเป็นอย่างไรแน่ อยากจะเรียนว่า เมื่อรัฐบาลได้รับพระบรมราชโองการ เป็นกฎหมายข้อบังคับของรธน.ต้องแถลงนโยบายใน 15 วันหลังจากการถวายสัตย์ปฏิภาณ

ฉะนั้นประธานสภาที่ทำหน้าที่ก็ได้กำหนดนัดวันประชุม วันที่ 7 ต.ค.ก็เป็นกำหนดของท่านประธานสภา วันที่ 6 ต.ค. ได้รับข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลเข้าไปปิดการเข้าสภา มีการใช้กุญแจไปล็อค มีมวลชนเข้าไปปิดทางเข้า-ออก ผมก็กังวล จึงได้เชิญครม.ทั้งคณะมาประชุมเป็นการเร่งด่วนฉุกเฉิน

ตอน 5 ทุ่ม ซึ่งก็เกรงใจบรรดาคณะรัฐมนตรี แต่ภารกิจอย่างนั้นก็ไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรคนเดียว และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีข่าวว่าจะมีการปิดล้อมดังกล่าว ที่ประชุมให้ความเห็นหลากหลาย หลายท่านเสนอให้ย้ายที่ประชุม ตนก็เห็นด้วย เพื่อจะได้ไม่ไปรบรากับใคร แต่ก็มีเสียงส่วนหนึ่งเสนอว่าการประชุมนัดโดยประธานสภา ต้องฟังว่าจะประชุมสภากันอย่างไร สรุปสุดท้ายว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปสภาตามนัด
 
และจะดูว่าแถลงได้หรือไม่ ถ้าไปไม่ได้ก็รอฟังท่านประธานสภาว่าจะนัดหมายหรือย้ายที่อย่างไรหรือไม่ ในคืนนั้น เมื่อสรุปครม.ก็ได้มอบหมายให้พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นเป็นผู้รับภาระ ประสานงานและดูแลในส่วนที่มีการปิดล้อมสภาอยู่ อันนี้เป็นส่วนที่เล่าให้ฟังว่าการประชุมจบตรงนี้
     
ขอคิดว่าสิ่งนี้หลายท่านไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไร ต้องรับผิดตรงไหน ผมจึงตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งเซ็นโดยผมและให้รองรับโดยรัฐบาลเพื่ออำนวยความสะดวก เช่นต้องมีการใช้จ่ายงบ เรียกเอกสารสอบสวนบุคคลใดก็ได้

โดยภาครัฐอำนวยความสะดวกให้ แต่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำหน้าที่ ยืนยันว่ากรรมการมีอิสระ และมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการไป ขอบอกว่าท่านประธานเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ผมเคยเรียนกับประธานว่าอยากให้เสร็จโดยเร็ว คาดหมายว่าใน 15  วันน่าจะทราบผล

เมื่อเป็นเรื่องของกรรมการอิสระ ก็มีอำนาจหน้าที่ ผลออกมาอย่างไรรัฐบาลจะยอมรับตามนั้น ถ้ามีส่วนใด ใครผิดก็ต้องยอมรับตามนั้น ไม่มีความประสงค์จะหลีกเลี่ยงอะไรทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เกิดเราไม่อยากให้เกิดขึ้น เราก็ต้องคอยฟังท่าน
      
ขอแจ้งว่าในการทำงานรัฐบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งไม่สามารถละทิ้งหน้าที่ได้ เรามีงานใหญ่ๆอีก 3 งานอย่างน้อย 3 ครั้ง รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน

งานแรก 14-19 พ.ย.งานพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ รัฐบาลได้เตรียมงานนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ให้ข่าวเป็นระยะแล้ว ทุกอย่างเตรียมแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีพิธียกฉัตรที่พระเมรุ โดยในหลวงจะเสด็จ 20 ต.ค.นี้ ขอเชิญประชาชนให้ความร่วมมือร่วมใจกัน รัฐบาลทุ่มเทให้อย่างสมพระเกียรติ

2.งานเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ประชาชนรอคอย เพื่อแสดงความจงรักภักดี เป็นสิ่งที่เราต้องเฉลิมฉลองโอกาสที่เป็นมงคล ขอเรียนว่างานที่เป็นศูนย์รวม ขอให้หยุดการวิวาทบาดหมาง ขอให้ร่วมมือร่วมใจกันถวายพระเกียรติให้สมพระเกียรติด้วย

3.งานที่ต้องแสดงให้มีความพร้อมคืองานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ผู้นำทุกประเทศที่มาในครั้งนี้จะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าในหลวง ซึ่งรัฐบาลกำลังประสานงาน ขอให้ช่วยกันรักษาหน้าตาของเรา งานนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามหาศาล อยากให้ร่วมมือกันเพื่อจัดงานได้บรรลุดีกว่าให้เขานินทาว่าเรามัวแต่ทะเลาะกัน 
      
ส่วนเรื่องการเมือง การปฏิรูปการเมือง รัฐบาลเคยพูดแล้วว่าเราสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องอยู่ต่อไป แต่เห็นว่าเป็นทางออกของปัญหา และได้เชิญท่านประธานสภา ประธานวุฒิ แกนนำทุกพรรคเข้าประชุมและหารือกัน เป็นนิมิตรที่ดีเป็นทางออกในการพัฒนาการเมือง

หลังจากนั้นรัฐบาลก็พร้อมคืนอำนาจให้กับประชาชน ผมคิดว่ามีความชอบธรรม รัฐบาลก็ไม่สบายใจที่มีเสียงวิจารณ์จะทำงานด้วยความเข้มแข็งอดทน การมาไปของรัฐบาลมีกำหนดกฎเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญ และยึดประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และเห็นว่าเป็นแนวทางร่วมกันจึงแถลงในวันนี้