ไม่ว่าจะบังเอิญหรือจงใจ แต่เขาก็มาได้จังหวะทุกที
ในบรรยากาศที่กลิ่นฉุนปฏิวัติ อาการหวาดระแวงรัฐประหารถูกรัวตีปี่บออกมาจากเวทีม็อบแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ท้องสนามหลวง
เร้ากระแสรวมพลคนเสื้อแดง ขวางลำอำมาตยาธิปไตย
ก็เริ่มปรากฏโฉมของ “นายกฯคนกลางอาชีพ” อย่างนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ออกหน้ามาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.ท.เมธี ชาติ-มนตรี หัวหน้าการ์ดม็อบพันธมิตรฯที่เสียชีวิตคาซากรถจี๊ปเชโรกีระเบิด
ท่ามกลางแกนนำม็อบพันธมิตรฯและแกนนำพรรคประชาธิปัตย์นั่งล้อมหน้าล้อมหลัง
พร้อมกับตระเวนเดินสายเยี่ยมนางวิชุดา ระดับปัญญาวุฒิ มารดาของ “น้องโบว์” น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่เสียชีวิตจากเหตุสลายม็อบหน้ารัฐสภา โดยปล่อยประโยคแหลมๆคมๆ
การฆ่าประชาชนไม่ใช่สิ่งสวยงาม
แต่ช็อตทีเด็ดที่เป็นไฮไลต์ หนังสือพิมพ์หยิบเอามาพาดหัว กับลีลาอดีตนายกฯอานันท์
“ขอกล่าวด้วยความเคารพว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นรู้สึกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นคนเดียวที่จะปลดล็อกได้”
“ไม่ได้กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลังเหตุวุ่นวาย แต่ดูจากเหตุการณ์ทั่วไป และเหตุที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ออกมาปลดล็อก”
มุกผู้ดี โยนไฟใส่กันนิ่มๆ
และก็เป็นอะไรที่ต้องออกมาสวนทันควัน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว อดีตนายกฯทักษิณ รีบบอกปัด ไม่มีความจำเป็นต้องนำข้อเสนอของนายอานันท์ไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ
เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่ปลดล็อกได้จริง ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ
“เช่น ม็อบในทำเนียบฯ ใครจะไปสั่งให้ออกได้ คนที่สั่งได้จริง คือ บุคคลที่ทำให้ เกิดเรื่อง รวมทั้งสถานการณ์ขณะนี้ มีคนที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ซึ่งผมไม่ขอบอก”
สวนหมัด โต้กันเนียนๆ
“ขาใหญ่” เปิดหน้ามาเล่นกัน ค่อยๆคลี่โฉมผู้กำกับฉากอยู่เบื้องหลัง
ในขณะที่เกมกำจัด “นอมินี” ก็มาถึงจุดที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ใช้คำบรรยายได้เห็นภาพ
รายการระดมเท้าเข้าใส่พรรคพลังประชาชน
จากคิวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ควักใบแดงแจกนายนายประสิทธิ์ วุฒินันชัย ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 รวมทั้งให้ใบเหลืองนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 พรรคพลังประชาชน นายนิมุคตาร์ วาบา ส.ส.ปัตตานี เขต 2 พรรคเพื่อแผ่นดิน นายยุซรี ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี เขต 2 พรรคเพื่อแผ่นดิน
แทรกคิวคดีใหญ่ที่จังหวัดอุบลราชธานีของนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีก
ไล่เลี่ยๆกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่อัยการสูงสุดขอให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย
เหมาเข่ง 3 พรรคร่วมรัฐบาล
และอยู่ๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งคนหน้าคุ้นๆอย่างนาย กล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ออกมาแถลง นัดชี้ชะตานายกฯสมชาย ในคดีค้างเก่าตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม
ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ สั่งระงับเรื่องไม่ดำเนินคดีกับนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิต สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 70 ล้านบาท จากการขายทอดตลาดที่ดินศาลจังหวัดธัญบุรี
เหมือนลัดคิวจัดให้โดยเฉพาะ
และไม่พลาดตกขบวนตามแห่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ได้ส่งเรื่องที่ ส.ว. 15 คน นำโดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. “ลากตั้ง” เข้าชื่อเพื่อขอให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯสมชาย ที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ขณะเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ว่า มีการถือครองหุ้นของบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) ที่อาจเข้าลักษณะสัมปทาน หรือเป็นคู่สัญญากับรัฐ
มีผลให้ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี
สารพัดแข้ง หมัด เท้า เข่า ศอก ระดมเข้าใส่ ดักหน้าดักหลังต้อน “สมชาย” เข้ามุมอับ
อยู่ที่จะโยนผ้ายอมแพ้หรือโดนน็อกคาเวที.