ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างทหารไทย-กัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (15 ต.ค.)
จนทำให้ทหารทั้งฝ่ายบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ล่าสุด เมื่อกลางดึกวานนี้ ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 20 นาย ต้องวางกำลังคุมเข้มสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อป้องกันมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ
พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ยังสั่งการให้ตำรวจสายตรวจ และตำรวจดูแลความปลอดภัยหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ตรวจตรารถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ เนื่องจากเกรงว่าอาจมีวัยรุ่นคึกคะนองมาก่อกวน และสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
ทางด้าน พล.ต.ท.กฤษฎา พันธ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ปฏิบัติภารกิจที่ จ.ยโสธร พร้อมสั่งกำชับตำรวจภูธร และตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา จัดเวรยามออกลาดตระเวนเฝ้าระวังเหตุร้ายตลอด 24 ชั่วโมง
ผบช.ภ.3 กล่าวว่า แผนการเตรียมพร้อมอพยพชาวบ้านเขตวิถีกระสุนปืนใหญ่ ได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 หากมีการสู้รบเกิดขึ้น ตำรวจจะเข้าอพยพชาวบ้านไปอยู่ที่ปลอดภัยทันที อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอีก แต่ตำรวจได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด