เขมรเปิดฉากยิง ไทยโต้กลับ เด็ดหัว1-เจ็บไป4

สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนและยังหาข้อยุติไม่ได้ เริ่มตึงเครียดเขม็งเกลียวมาตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา

โดยสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาประกาศท่าทีแข็งกร้าวให้ทางการไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งกัมพูชาอ้างว่าเป็นของกัมพูชาภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งทางการไทยก็ออกมาตอบโต้ทันควันยืนยันจะไม่ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ตามคำขู่ของทางการกัมพูชาอย่างเด็ดขาด พร้อมกันนี้บรรดา ผบ.ทั้ง 3 เหล่าทัพของไทยได้ร่วมประชุมหารือร่วมกัน ยืนยันพร้อมตอบโต้ทุกกรณีหากมีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ขณะเดียวกัน ก็มีการประชุมร่วม 2 ฝ่าย ระหว่างไทยและกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 13-14 ต.ค. บริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นให้แต่ละฝ่ายถอยกำลังออกห่างจากกันอีก 200 เมตร เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันโดยไม่จำเป็นนั้น แต่ความพยายามที่จะเจรจาอย่างสันติก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อเกิดการยิงปะทะกันขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 ต.ค. ยังผลให้ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาบาดเจ็บล้มตายทั้ง 2 ฝ่าย 

โดยก่อนหน้าที่จะเกิดการยิงปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ต.ค. ที่กองยุทธการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เรียกประชุมทหารฝ่ายยุทธการเพื่อวางแผนในการตรึงกำลังและตอบโต้หากมีการรุกล้ำ หรือโจมตีฝ่ายไทยนานกว่า 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 เผยเพียงสั้นๆว่า มีการปรับเสริมกำลังใหม่ ใช้กำลังทหารราบซึ่งเป็นหน่วยรบหลักรวมทั้งรถถังและปืนใหญ่ อีกจำนวนหนึ่ง เข้าไปสนับสนุนกำลังทหารพรานที่รักษาพื้นที่ตั้งแต่แนวผามออีแดง เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารไปจนถึงภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระยะทางประมาณ 3 กม. ขอยืนยันว่าทหารไทยพร้อมที่จะรักษาอธิปไตยทุกตารางนิ้ว ไม่ให้ใครมารุกราน แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างตึงเครียด ฝ่ายกัมพูชาก็มีการเสริมกำลังเข้ามามากเช่นกัน ส่วนการเจรจาปัญหาระหว่าง 2 ฝ่าย ได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 16 ต.ค.นี้

ต่อมาเวลา 14.15 น. วันที่ 15 ต.ค. ขณะที่กำลังทหารพรานร้อย ทพ.ที่ 2302 กรม ทพ.ที่ 23 กำลังปฏิบัติ หน้าที่บริเวณฐาน ตชด.เก่า

เขตรอยต่อบนภูมะเขือ-ห้วยตามาเลีย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา เข้ามาประมาณ 1 กม. และอยู่ห่างปราสาทพระวิหารไปทางทิศตะวันตกประมาณ 3 กม. โดยทหารฝ่ายกัมพูชาที่ตั้งมั่นอยู่บนเนินเขาติดชายแดนไทยได้เปิดฉากยิงถล่มเข้าใส่ฐาน ตชด.ด้วยอาวุธปืน ค.81 และจรวดอาร์พีจีนับสิบนัด เสียงแตกระเบิดดังกึกก้องมาถึงบริเวณศูนย์บัญชาการส่วนหน้า กองกำลังสุรนารีที่บริเวณผามออีแดง ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 3 กม. ตามมาด้วยเสียงปืนยิงตอบโต้กันอย่างดุเดือด พร้อมกันนี้กำลังทหารพรานร้อย ทพ.ที่ 2302 ได้วิทยุแจ้งขอกำลังสนับสนุน เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงถล่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทหารพรานบาดเจ็บ 3 นาย


ด้าน พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กองกำลังสุรนารี  ได้สั่งการให้นำกำลังทหารอีก 2 กองร้อยเดินทางเข้าไปสนับสนุนทันที

รวมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์กันชีพอีก 2 ลำบินขึ้นสนับสนุนทางอากาศ เพื่อกดดันฝ่ายกัมพูชาให้หยุดยิง แต่เสียงปืนยังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลา 15.30 น. เสียงปืนของทั้งสองฝ่ายจึงค่อยๆเงียบเสียงลง แต่เกิดการยิงปะทะกันขึ้นอีก 1 จุด บริเวณทางขึ้นผามออีแดง ใกล้ตัวปราสาทพระวิหาร โดยทหารกัมพูชาที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่บนปราสาทพระวิหารหลัง ที่สอง ได้เปิดฉากยิงอาวุธปืนไร้แรงสะท้อน (ปรส.) ขนาด 105 มม. ลงมายังพื้นล่างเขตไทย บริเวณสถูปคู่ทางขึ้นผามออีแดงซึ่งอยู่ห่างประมาณ 1 กม. จนได้รับความเสียหาย ทำให้ทหารพรานที่คุมพื้นที่อยู่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 นาย นอกจากนี้ยังมีกระสุน ปรส. อีก 2 ลูกไปตกบริเวณด้านหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่อยู่ห่างจากตัวสถูปคู่ไปอีก 500 เมตรแต่หัวกระสุนทั้ง 2 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ต้องสั่งอพยพเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และครอบครัวรวม 30 คน กลับลงไปด้านล่างทันที พร้อมทั้งปิดล้อมบริเวณดังกล่าวเอาไว้เพื่อรอการเก็บกู้ทำลายระเบิดทั้ง 2 ลูกในภายหลัง โดยฝ่ายไทยไม่ได้ยิงตอบโต้ในจุดดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะพลาดไปถูกตัวปราสาทพระวิหารเสียหาย 

หลังเสียงปืนเงียบสนิทลง เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. กองกำลังทหารได้เข้าเคลียร์พื้นที่ทั้ง 2 จุดที่มีการยิงปะทะกัน พบว่าทหารไทยได้รับบาดเจ็บรวม 7 นาย

ประกอบด้วย 1. ร.ท.ธนพล พงษ์เสือ ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 2309 ที่รักษาความสงบอยู่บริเวณผามออีแดง ถูกสะเก็ดระเบิด ปรส.ที่สะโพกซ้าย 2. อส.ทพ.จรวย วงศ์คำ สังกัดร้อย ทพ.ที่ 2309 ถูกสะเก็ดระเบิดที่หน้าอก ทั้ง 2 นายมีอาการสาหัสต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงส่งรพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี 3. อส.ทพ.กิติศักดิ์ เพชรภักดี สังกัดร้อย ทพ.ที่ 2302 ถูกสะเก็ดระเบิดที่เอวขวา 4. อส.ทพ.วิรัตน์ บุญมาก สังกัดร้อยทพ.ที่ 2302 ถูกยิงที่ขาขวา 5. อส.ทพ.ทองสา คำนนท์ สังกัดร้อย ทพ.ที่ 2302 ถูกยิงที่ลำตัวนำส่ง รพ.กันทราลักษ์ 6. จ.ส.อ.แสวง สมอินทร์ สังกัดร้อยจู่โจมเบาถูกยิงที่ลำตัว และ 7. อส.ทพ.บุญฤทธิ์ ขันตี สังกัดร้อย ทพ.ที่ 2302 ถูกสะเก็ดจรวดอาร์พีจีที่ศีรษะด้านขวาต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เช่นกัน  

ขณะเดียวกันก็มีรายงานความเสียหายของฝ่ายกัมพูชา โดยวิทยุของทางการกัมพูชาซึ่งรับฟังได้ในฝั่งไทย

รายงานข่าวการยิงปะทะกับฝ่ายไทย โดยระบุว่าฝ่ายไทยเปิดฉากยิงโจมตีทหารกัมพูชาที่ตั้งมั่นอยู่บริเวณแนวชายแดนข้อพิพาทใกล้ปราสาทพระวิหารก่อน ทำให้ ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 4 นาย ทหารกัมพูชาจึงยิงตอบโต้กลับไป และทำให้ทหารไทยบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ วิทยุของทางการกัมพูชาได้ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนชาวกัมพูชาออกมาแสดงพลังต่อต้านการกระทำของไทยด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าทันทีเกิดการยิงปะทะกัน ทหารไทยได้สั่งปิดเส้นทางเข้าเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารทันที

โดยกองทัพสื่อมวลชนที่เข้าไปรายงานข่าวเกาะติดสถานการณ์ได้เพียงบริเวณด่านเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทพระวิหารประมาณ 10 กม. และได้สั่งอพยพชาวบ้านในพื้นที่ชายแดนแล้ว โดยจุดแรกคือชาวบ้านใน 7 หมู่บ้านของ ต.เสาธงชัยที่อยู่แนวชายแดนข้อพิพาท โดยใช้โรงเรียนบ้านตาแท่น ต.เสาธงชัย เป็นศูนย์ที่รองรับผู้อพยพประมาณ 100 ครอบครัวหรือประมาณ 500 คน ขณะเดียวกันก็สั่งชาวบ้านในพื้นที่ข้างเคียงปราสาทพระวิหารให้เตรียมตัวอพยพหากมีการยิงปะทะในบริเวณดังกล่าวด้วย

ด้าน พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าเมื่อเวลา 14.30 น. ได้มีการปะทะเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณทิศตะวันตกของเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ

โดยทหารกัมพูชาได้นำกำลังลาดตระเวนมาเข้าตีฐานที่ตั้งของฝ่ายทหารไทยบริเวณรอยต่อของภูมะเขือ-ห้วยตามาเลีย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทำให้ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บอีก 6 นาย ฝ่ายไทยบาดเจ็บ 7 นาย ขณะนี้ได้มีการหยุดยิงและจะมีการเจรจาทำความเข้าใจ โดยมีการปรับกำลังเพื่อที่จะมีการเจรจากันในโอกาสต่อไป ต่อข้อถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันว่า ทหารกัมพูชายิงเราก่อน จึงจำเป็นต้องป้องกันและตอบโต้หรือเปล่า พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ตอบว่า ถูกต้อง และตรงนี้เราก็ต้องปฏิบัติตามภารกิจว่า เราพร้อมในการตอบโต้ ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงและเข้าตีฐานฝ่ายเราก่อน ซึ่งจุดที่ตั้งอยู่ในเขตแดนไทยแน่นอน เราจำเป็นต้องใช้อาวุธตอบโต้ไป สำหรับทหารที่บาดเจ็บทั้ง 7 นายขณะนี้อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย และรักษาตัวที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อมีการตกลงแล้วแต่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้น มันก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ อย่างนี้ขึ้นตลอดได้ ฉะนั้น การเจรจาคงจะมีขึ้นต่อไป

แต่จะมีผลมากน้อยแค่ไหนตนไม่ทราบ ซึ่งการเปิดฉากยิงปะทะกันใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งตอนนี้เหตุการณ์ก็มีการหยุดยิงกันแล้ว ต่อข้อถามถึงกองทัพภาคที่ 2 จะเสริมกำลังทหารไปสนับสนุนเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ท. วิบูลย์ศักดิ์ตอบว่า เรามีการปรับกำลัง ปรับแผนเพื่อให้ มีความพร้อมที่จะรองรับสถานการณ์ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป “ล่าสุดมีกำลังทหารกัมพูชาหลายร้อยนายถูกส่งไปประชิดที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ถึง 5 กม. เราพร้อมตอบโต้หากเปิดฉากยิงเราอีก ผมจะไม่ยอมให้มีการรุกล้ำเข้ามาเด็ดขาด และผมยืนยันว่าจะไม่มีการถอนกำลังอย่างแน่นอน” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์