ปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหารกลายเป็นเรื่องแก่งแย่งดินแดนที่ทับซ้อนหาแนวเขตที่ชัดเจนไม่ได้ จากเดิมที่คนไทยคนเขมรไปมาหาสู่กันได้ตามปกติสุข กลายเป็นการมีทหารของทั้งสองประเทศตรึงกำลังเผชิญหน้ากัน ภายใต้ข้อตกลงล่าสุดว่าพยายามไม่ใช้อาวุธ ซึ่งดูไม่ง่ายที่จะควบคุม
ปัญหาอาณาเขตพื้นที่ของประเทศ ไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทยประเทศเขมร แต่มีทั่วโลกเป็นปกติ เราเคยฟังข่าวต่างประเทศเกี่ยวกับการประท้วง เพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ในเกาะแก่งกลางทะเลกันอยู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าประชาชนของเขามีการกระตุ้นอารมณ์รักชาติรุนแรง เหมือนที่เกิดขึ้นกับคนไทยคนเขมรอยู่ในขณะนี้หรือเปล่า
ที่สำคัญคือคนไทยมัวทะเลาะกัน เต็มไปด้วยความขัดแย้งในทุกระดับ จึงทำให้ไม่มีสมาธิสติและปัญญารับมือกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หากนำมาเปรียบเทียบกับปัญหาความไม่สงบทางสามจังหวัดชายแดนใต้แล้ว ทำไมผู้คนจึงดูไม่สนใจเท่าไร ทั้งที่พื้นที่ปราสาทพระวิหารมีเนื้อที่ไม่กี่ตารางกิโลเมตร ต่างจากพื้นที่และความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติของสามจังหวัดชายแดนใต้เป็นอย่างมาก หรือเป็นเพราะมีการเสนอข่าวร้ายจากชายแดนใต้ต่อเนื่องมาหลายปี จนเลิกให้ความสนใจ ทั้งที่เป็นเรื่องการแบ่งแยกดินแดนเช่นกัน
ที่สุดแล้วดูเหมือนคนไทยส่วนใหญ่จะรักชาติแต่ปาก
การเลือกตั้งก็ผ่านมานานหลายเดือนแล้ว รัฐบาลยังไม่อาจสร้างผลงานได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะมัวแต่คอยซ่อมเติมคณะรัฐมนตรี ซึ่งถูกถอดถอนตามข้อกำหนดรัฐธรรมนูญที่เปรียบเสมือนตะแกรงกรองด้านคุณธรรมที่ถี่ขึ้น แทนที่นักการเมืองจะตั้งหน้าตั้งตาสร้างผลงานให้ประจักษ์ กลับพยายามหาทางแก้กฎระเบียบหาทางถ่างตะแกรง
ใครก็ตามที่คิดจะเข้าสู่ภาคการเมือง ต้องเข้าใจว่าควรมีความพร้อมที่จะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ สามารถละวางการแสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบ ที่สำคัญต้องถูกกำกับติดตามตรวจสอบอย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าคนกลุ่มอื่นๆ
ขณะนี้ความขัดแย้งในคนไทยด้วยกันได้ลุกลามไปยังต่างจังหวัด ต่างฝ่ายต่างมีอารมณ์จนเกิดการปะทะกัน น่าหดหู่ใจยิ่งนัก ปากบอกว่ารักชาติกันทุกคน แต่ดูๆ แล้วทุกฝ่ายล้วนกำลังนำหายนะมาสู่แผ่นดิน
ความระส่ำที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยขาดพลังในการร่วมใจกันแก้ปัญหา ยามนี้ประเทศไทยต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างยิ่ง ศึกปราสาทพระวิหารและสถานการณ์ชายแดนใต้ อาจทำให้ประเทศไทยพ่ายแพ้