3ทัพแข็งกร้าว ไม่ถอนกําลังทหาร

กรณีสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยื่นคำขาดให้รัฐบาลไทยถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ภายใน 24 ชม. หรือภายในเวลา 12.00 น. วันที่ 14 ต.ค. ภายหลังเสร็จสิ้นการเยือนกัมพูชาของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์ชายแดนของ 2 ประเทศเกิดความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นนั้น 

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ต.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.
 
ได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะประเด็นข้อพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหาร โดยมี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. รวมทั้งเชิญเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์
โดยระบุว่า ได้สั่งให้ พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผบ.กองพลทหารราบที่ 6 และ ผบ.กองกำลังสุรนารี นำกำลังเข้าไปเสริมในพื้นที่ชายแดนดังกล่าว


พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงผลการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า
 
กองทัพไทยจะยังคงกำลังทหารอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิเหนือพื้นที่นั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ประสานการปฏิบัติทุกระดับเพื่อให้ดำเนินการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนจากทั้ง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ ทั้ง 3 เหล่าทัพยืนยันกองทัพมีความพร้อมทั้งด้านกำลังเผชิญหน้าในพื้นที่และกำลังสนับสนุน รวมทั้งศักยภาพยุทโธปกรณ์ในการปกป้องรักษาอธิปไตย


ด้านนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า
 
ไทยไม่สามารถดำเนินการตามที่นายกฯกัมพูชาต้องการได้ เพราะดินแดนดังกล่าวเป็นพื้นที่ทหารไทยดูแลอยู่มากว่า 20-30 ปีแล้ว ถือเป็นดินแดนของไทย ทั้งนี้ จุดที่มีปัญหามี 3 จุด คือบริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ใกล้ปราสาทพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ยืนยันว่าไทยไม่ได้รุกล้ำดินแดนกัมพูชา ส่วนกำลังทหารไทย 80 นาย ที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหารนั้น เป็นการไปเก็บกู้ระเบิด ขณะไปเยือนกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ก็เข้าใจดี แต่พอเดินทางมาประเทศไทยกลับมีข่าวยื่นคำขาด ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังทูตานุทูตต่างประเทศและสหประชาชาติแล้วว่าทหารไทยไม่ได้รุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา รวมทั้งจะรักษาอธิปไตยของไทยไว้อย่างเหนียวแน่นและจะไม่เป็นฝ่ายที่รุกล้ำหรือปะทะก่อน


ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะยุติปัญหาโดยนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก นายสมพงษ์ตอบว่า

กัมพูชาต้องการให้เรื่องสู่ศาลโลกอยู่แล้ว เมื่อไปถึงขั้นนั้นเราต้องยอมรับคำตัดสินของศาลโลก แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายอยากให้เจรจาในระดับทวิภาคี คณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (อาร์บีซี) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 ต.ค. และวันที่ 21 ต.ค.นี้ก่อน 

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว
 
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงและ ผบ.เหล่าทัพเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. เข้าร่วมหารือ


นายสมชายแถลงภายหลังประชุมว่า

ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาหารือรับทราบข้อมูลชายแดนไทย-กัมพูชา เราจะไม่เป็นผู้บุกรุกหรือรุกรานชายแดนของเพื่อนบ้าน จะอยู่เฉพาะในที่ตั้งดินแดนของไทย เฝ้าระมัดระวังดินแดนของเราอย่างเดียว หากมีเหตุเกิดขึ้นและมีการกระทบกระทั่งกัน ก็ยืนยันว่าจะใช้วิธีการเจรจาสันติวิธี จะไม่เป็นผู้รุกรานหรือใช้กำลังอย่างใดทั้งสิ้น สำหรับ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์