พันธมิตร-นักวิชาการแนะ"ทักษิณ เลียนแบบปรีดีเว้นวรรคการเมือง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนักวิชาการประสานเสียง "ทักษิณ" ประกาศลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี บนเวทีปราศรัย 3 มี.ค.ท้องสนามหลวง พร้อมเว้นวรรคทางการเมือง เปิดทางปฏิรูปการเมือง ดู "ปรีดี พนมยงค์" เป็นตัวอย่าง
วันที่ 2 มี.ค.คณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนและนักวิชาการทั่วประเทศ ประมาณ 60 คน นำโดย ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง "ผ่าทางตัน เว้นวรรคทักษิณ ปฎิรูปการเมือง" เผยแพร่ผ่านทางเวบไซต์ มีความยาวประมาณ 5 หน้ากระดาษ A4
เนื้อหาแห่งแถลงการณ์นอกจากเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เว้นวรรคทางการเมืองแล้ว ยังเสนอให้ขจัดระบอบทักษิณ เพราะเป็นระบอบที่ใช้อำนาจทางการเมืองที่ถูกผูกขาดไว้ในมือของบุคคลเพียงบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชนชั้นนำ โดยปราศจากการตรวจสอบและกำกับจากสังคม ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของอำนาจในการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง หรือกำหนดความสัมพันธ์กับกลุ่มอื่นๆ แต่อย่างใด
การปฏิรูปการเมืองจึงต้องเกิดขึ้นโดยการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้คนในสังคมต่อปัญหาที่นำมาสู่วิกฤติในครั้งนี้ การปฏิรูปการเมืองที่จะตอบสนองต่อคนทุกๆ กลุ่มไม่อาจเกิดขึ้นได้จากอำนาจนอกระบบ เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติในมาตราใดของรัฐธรรมนูญรับรองไว้ ไม่ว่าจะเป็นการยึดอำนาจโดยทหาร หรือการเรียกร้องรัฐบาลพระราชทาน ก็ล้วนแต่จะเป็นรัฐบาลซึ่งประชาชนไม่อาจตรวจสอบและกำกับได้ จึงไม่เป็นหลักประกันใดๆ ต่อการสร้างสังคมที่เข้มแข็งในระยะยาว
เพราะฉะนั้น นอกจากการเคลื่อนไหวเพื่อขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ให้พ้นจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีแล้วทางมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนและพันธมิตรนักวิชาการ ขอเรียกร้องต่อสังคมไทยให้ร่วมกันยืนหยัดและผลักดันในประเด็นดังต่อไปนี้
1. การปฏิรูปการเมืองที่จะบังเกิดขึ้นต้องไม่ใช่เพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป้าหมายหลักต้องอยู่ที่การสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย และตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนในสังคมไทย ด้วยการให้อำนาจแก่ประชาชนในการเข้าถึงและใช้อำนาจได้อย่างเท่าเทียม รวมถึงการสร้างกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่มีประสิทธิภาพโดยสังคม
2. การปฏิรูปการเมืองต้องดำเนินไปตามหลักการของระบอบประชาธิปไตย โดยขอปฏิเสธอำนาจนอกระบบทุกประเภทว่า มิใช่ทางออกของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้
พันธมิตรแนะดู"ปรีดี พนมยงค์"
ขณะเดียวกันเวลา15.00 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ กองเลขานุการพันธมิตรฯ ร่วมกันแถลงข่าวแนวทางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายสุริยะใส กล่าวว่า พันธมิตรฯเห็นว่า แม้การชุมนุมในวันที่ 3 มีนาคม เป็นสิทธิที่จะสามารถชุมนุมได้ แต่เป็นความพยายามที่กำลังลากสังคมไทย เข้าสู่ความรุนแรงและการเผชิญหน้า เพราะการปราศรัยครั้งนี้เป็นการจัดชุมนุมเพื่อเชียร์และสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ โดยหวังผลทางจิตวิทยาและอาจมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดม็อบชนม็อบ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า แม้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้เวทีการชุมนุมครั้งนี้ทำสัญญาประชาคมซ้ำซากกับชาวบ้านที่มาชุมนุม โดยแถลงบนเวทีว่าหลังเลือกตั้ง 2 เม.ย.พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยจะเป็นเจ้าภาพแก้รัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือนหรือ 180 วัน หลังจากนั้นจะยุบสภาอีกครั้งเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
"วิธีการแบบนี้เป็นการเปลือยธาตุแท้ผู้นำประเทศที่เอาระบบการเมืองทั้งการเลือกตั้งและการยุบสภามาฟอกตัวเองเพียงเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่ได้สนใจและคำนึงถึงวิกฤตการณ์บ้านเมืองที่กำลังขยายตัวทั้งด้านกว้างและด้านลึกอันเนื่องมาจากผู้นำขาดความชอบธรรมนายสุริยะใส กล่าวและว่า
พ.ต.ท.ทักษิณเปรียบเสมือนผู้ใหญ่บ้านที่ถูกลูกบ้านจับได้คาหนังคาเขาว่าขโมยเงินวัด แต่อยู่ ๆ มาประกาศเป็นเจ้าภาพทอดกฐินเสียเองก็อยากถามประชาชนทั่วไปในฐานะลูกบ้านว่าจะยอมทำบุญร่วมกับผู้นำที่ทำบาปหรือยังไง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่าพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวบนเวทีปราศรัยวันที่ 3 มี.ค.อย่างไร นายสุริยะใส กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง แม้นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะลาออก ก็ยังลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่งซึ่งหมายความว่าพร้อมจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก ขณะที่ประชาชนต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศวางมือการเมือง
วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะแก้ได้ก็ต่อเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรีและเว้นวรรคทางการเมือง ซึ่งจะเป็นการเสียสละอันใหญ่หลวง เหมือนเช่นในอดีตที่นายปรีดี พนมยงค์ เคยทำมาแล้ว และสุดท้ายเมื่อท่านลงจากอำนาจ ก็สละซึ่งทรัพย์สมบัติทั้งหมด คงเหลือไว้เพียงชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเลือกที่จะเผชิญหน้า นายสุริยะใส กล่าวและว่า
พันธมิตรฯ ไม่เคยหารือถึงจะต้องใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ มาแก้ไขปัญหา เพราะยังไม่ถึงทางตัน สถานการณ์เช่นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องเสียสละ แต่ถ้ายังดื้อดึงต่อไป ก็จะเป็นการลากสังคมเข้าสู่ทางตัน
นายนิติรัตน์ กล่าวถึงรูปแบบการจัดการชุมนุมวันที่ 5 มีนาคม ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประธิปไตยว่า จะยังคงมีการเปิดปราศรัยเช่นเดิม โดยจะเพิ่มเติมข้อมูลในการปราศรัยให้มีความเข้มข้นมากขึ้นเพื่อชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการซุกหุ้นภาค 2 การเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-สหรัฐ (เอฟทีเอ) การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ โดยจะเชิญนักวิชาการเข้ามาร่วมมากขึ้น
นอกจากนี้ กิจกรรมบนเวทีจะมีสีสันและความหลากหลาย โดยเฉพาะการแสดงงิ้วการเมือง และการแสดงดนตรีเพื่อชีวิต โดย "พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ" ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัย พันธมิตรฯได้เตรียมการไว้อย่างหนาแน่น โดยมีอาสาสมัครจากองค์กรภาคประชาชนกว่า 1,000 คน และจะเปิดรับสมัครเพิ่มเติมในวันที่ 5 มีนาคม