พันธมิตรฯ พร้อมบุก สตช.จี้รับผิดชอบเหตุนองเลือด 7 ตุลา เดินเกมเผยแพร่รูปถ่าย-วีซีดี 5 แสนแผ่นแจกทั่วกรุง ไม่หวั่น นปช.-สล้างป่วนยึดทำเนียบฯ คืนเตรียมป้องกันตัวเต็มที่
ย้ำไม่รับคนกลางสอบเหตุปะทะ ชี้ตั้งโจรสอบโจรเรื่องตลก เผย 3 แนวทางลุยเอาคนผิดมาลงโทษ ทั้งรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1 พันล้านและต้องหาตัวไอ้โม่งสั่งสลายการชุมนุมให้ได้ ตร.สันติบาลเย้ยจะเปิดพื้นที่หน้า สตช.ฟังพันธมิตรฯ ให้โอวาทแบบมาดีก็ต้อนรับ แต่หากทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ
ที่ห้องสื่อมวลชน ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น. วันที่ 11 ตุลาคม นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ แถลงถึงกรณีที่พันธมิตรฯ นัดรวมพลกันบริเวณน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค.นี้ว่า จะไปชุมนุมอย่างเปิดเผยไม่ใช่การปิดล้อม แต่ไปเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจรับผิดชอบกับการเข่นฆ่าประชาชน ทำให้มีผู้ได้รับบาดและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์ 7 ตุลา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ประจักษ์ไปทั่วโลกแล้วว่า ตำรวจกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ส่วนการชุมนุมจะใช้เวลานานเท่าใดนั้นยังบอกไม่ได้ ต้องหารือในที่ประชุมก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรอง อ.ตร.ประกาศว่าใน 4-5 วันจะเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลคืน ทางพันธมิตรฯ ได้เตรียมการอย่างไรไว้บ้าง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไร เพราะผู้ชุมนุมจะเดินทางมามากขึ้นตั้งแต่วันนี้ หากมีคนมารังแกทำร้าย ตามสัญชาตญาณของมนุษย์แล้วก็จะต้องป้องกันตัวเอง ตลอดมาพันธมิตรฯ ไม่เคยไปรังแกใคร และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นอกจากว่าเขามาไล่พันธมิตรฯ อย่างนี้ก็ต้องป้องกันตัว เพราะตามกฎหมายอาญาบุคคลมีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัว แม้แต่การเคลื่อนไหวไปที่หน้า สตช. หากพันธมิตรฯ ไปถึงก่อนแล้ว กลุ่ม นปช.ก็ไม่ควรจะเข้ามาปั่นป่วน
เมื่อถามว่าหลังจากไปที่หน้า สตช.แล้วจะเคลื่อนไปที่ไหนต่อ นายสมศักดิ์กล่าวว่า จะนำภาพถ่าย แผ่นวีซีดี คลิปวิดีโอ พร้อมเอกสารบันทึกเหตุการณ์ 7 ต.ค.ตำรวจทำร้ายประชาชน จำนวน 500,000 แผ่น จัดทีมออกไปแจกให้ประชาชนทั่วกรุงเทพฯ ส่วนการตั้งคณะกรรมการกลางร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 7 ต.ค. ไม่รู้ว่าจะตรวจสอบหาอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าตำรวจยิงคนตายโดยไม่สมควรแก่เหตุ พันธมิตรฯ รู้อยู่แล้วว่านายสมชายเป็นคนสั่งจึงไม่จำเป็นต้องสอบสวน ถึงแม้จะมีการเสนอชื่อคนกลางตรวจสอบก็ไม่สนใจ เพราะประธานสภาฯ เป็นนายชัย ชิดชอบ
"โจรจะตั้งโจรไปสอบโจรถือเป็นเรื่องตลก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรสิทธิมนุษยชนฯ จะดีกว่า และถึงแม้จะให้หมอพรทิพย์เข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ก็ไม่จำเป็นเพราะหลักฐานหายหมดแล้ว และสังคมพิพากษาไปแล้ว ซึ่งทางพันธมิตรฯ ได้เตรียมดำเนินคดีตามาตรา 200 กับตำรวจที่ตั้งใจจงใจฆ่าประชาชน และพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง" นายสมศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เลื่อนกำหนดไปต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนด ทางพันธมิตรฯ มีความเห็นอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ แต่เป็นที่รู้กันว่านายกฯ อยู่เพื่อบัญชาการบางสิ่งบางอย่าง เพราะเป็นคนสั่งการที่จะให้ ส.ส.เข้าประชุมสภาฯ ในวันที่ 7 ต.ค.ให้ได้ ถือเป็นคำสารภาพว่าให้ตำรวจทำร้ายประชาชน ส่วนกรณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นั้น ต้องการให้ พล.อ. อนุพงษ์พูดให้ชัดเจนมากกว่านี้ ว่าจะให้รัฐบาลรับผิดชอบอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์มีความคลุมเครือมาโดยตลอด ถ้าหากจะให้รัฐบาลรับผิดชอบก็ควรให้ลาออกจากตำแหน่งไป ไม่ควรมาบริหารประเทศอีก ซึ่งพันธมิตรฯ เรียกร้องมาโดยตลอด
ขณะที่นายวีระ สมความคิด แนวร่วมพันธมิตรฯ กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ เมื่อเวลา 11.30 น. ว่าทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงปล่อยให้ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว เพราะศาลปกครองก็มีคำสั่งคุ้มครองแล้ว ว่าห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ความรุนแรงในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ก็มีวิธีการโดยการใช้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้ามาปะทะกับพันธมิตรฯ แทน ซึ่งตอนนี้นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ ก็ประกาศว่าจะมารวมกับกลุ่มของ พล.ต.อ.สล้างแน่นอน
"ตอนนี้ตำรวจไม่มีอำนาจสลายการชุมนุมแล้ว รัฐบาลจึงต้องการใช้กลุ่ม นปช.มาสลายพันธมิตรฯ แทน ส่วนที่ ส.ต.ต.ณัฐวุฒิ จันทร ตำรวจที่นั่งชันเข่าถือปืนแล้วอ้างว่าเล็งไปที่ยางรถยนต์นั้น ไม่เป็นจริง แถวนั้นไม่มีรถเพราะถนนถูกปิดหมดแล้ว แล้วยังอ้างอีกว่าพลขับต้องมีอาวุธป้องกันฝูงชน แต่คนที่ปราบม็อบโดยตรงกลับไม่มีอาวุธ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ต้องเอาผิดกับผู้บังคับบัญชาที่อนุญาตให้พกพาอาวุธเข้าไป" นายวีระกล่าว
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พันธมิตรฯ เตรียมการไว้ 3 แนวในเรื่องเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ดังนี้ 1.เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ 2.รัฐบาลต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้สมราคาที่สุด ซึ่งทนายพันธมิตรฯ เตรียมเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน 1,000 ล้านบาท 3.ต้องหาตัวไอ้โม่งที่มีคำสั่งสลายกลุ่มผู้ชุมนุมมาลงโทษโดยการพ้นจากการเมือง นอกจากนี้จะต้องหยุดกระบวนการที่ตำรวจทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ คณะกรรมการกลางที่รัฐบาลจะตั้งขึ้น พันธมิตรฯ ไม่ต้องการนายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้มาร่วมกับกรรมการชุดนี้ เพราะที่ผ่านมานายชัยวัฒน์โจมตีพันธมิตรฯ มาตลอด ซึ่งกรรมการชุดนี้จะเป็นใครก็ได้แต่สังคมต้องยอมรับเท่านั้น
ด้านนายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ เปิดเผยถึงกระแสข่าวว่ากลุ่มชมรมคนรักอุดรฯ มีการระดมพลเคลื่อนไหว เพื่อจะเดินทางไปชุมนุมต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้นั้น ว่าไม่เป็นความจริง มีสำนักข่าวบางแห่งเสนอข่าวบิดเบือนความจริง ซึ่งอาจจะฟังคำสัมภาษณ์ออกอากาศทางสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดรฯ ที่สัมภาษณ์ พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน แล้วนำไปเขียนอย่างผิดๆ ตนไม่คิดที่จะนำคนไปเคลื่อนไหว ณ ขณะนี้ทางกลุ่มขออยู่ในที่ตั้งก่อน
นายขวัญชัยกล่าวอีกว่า ทางชมรมคนรักอุดรฯ ได้มีการประชุมปรึกษากับสมาชิก มีมติพร้อมกันจะจัดงานใหญ่กินเลี้ยงสังสรรค์ผ่อนคลายความเครียด หลังต่อสู้กับพันธมิตรหลายเดือนจนเหนื่อย เป็นการผ่อนคลายความเครียด ในวันที่ 16 ตุลาคม 2551 งานนี้ได้เชิญนักสู้เพื่อประชาธิปไตย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ชุมชนคนแท็กซี่, นายวิภูแถลง พัฒนาภูมิไทย กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ สื่อมวลชนทุกแขนงพร้อมบุคคลสำคัญๆ อีกหลายคนร่วมงานในครั้งนี้ สีสันบนเวทีภายในงานจะเน้นความบันเทิงเป็นส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับสมาชิกชมรมคนรักอุดรฯ ให้มากที่สุด ซึ่งจะมีสมาชิกกว่า 3,000 คนร่วมงานในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันเดียวกันนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบข้อซักถามถึงการที่ พล.ต.อ.สล้าง ประกาศจะยึดทำเนียบรัฐบาลคืนให้ โดยยืนยันว่ายังไม่ทราบเรื่อง และพูดแบบกระอักกระอ่วนว่าคิดว่าให้มันจบด้วยดีดีกว่า พวกเราก็พอจะวิเคราะห์กันได้ คิดว่านักข่าวที่ถามก็รู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว
รายงานแจ้งว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ทำหน้าที่เป็นประธานประชุมนายตำรวจ เรื่องมาตรการรับมือการเคลื่อนขบวนชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันที่ 13 ต.ค.นี้ โดยมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นรองประธานในที่ประชุม
ทั้งนี้ การประชุมใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ โดยผู้เข้าร่วมประชุมไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองสารนิเทศ แจ้งว่าวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันตำรวจแห่งชาติ จะมีเพียงพิธีวางพานพุ่มที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 4 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ตำรวจที่เสียชีวิตในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ โดยจะทำพิธีให้เสร็จก่อนเวลา 08.00 น. จากนั้นจะทำการปิดประตูทางเข้า-ออกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อป้องกันพันธมิตรฯ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ในฐานะผู้บัญชาการดูแลเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่จะเคลื่อนขบวนมาที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่จะมีผู้ใหญ่มาให้โอวาท ซึ่งทางตำรวจก็ไม่ได้จัดกำลังอะไรเป็นพิเศษ แต่จะดูแลไปตามปกติ เพราะตำรวจกับพันธมิตรฯ ไม่ใช่ศัตรูและไม่ได้มีความขัดแย้งกัน หากพันธมิตรฯ จะมาก็ทำได้ตามใจ ในส่วนตำรวจจะจัดเตรียมพื้นที่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไว้ให้ เปรียบเสมือนมีผู้ใหญ่มาเยือนหน้าบ้าน เราก็ต้องต้อนรับและตนจะไม่หนีไปไหน แต่จะลงมาด้านล่างเพื่อยืนฟังพันธมิตรฯ ให้โอวาทเหมือนที่พูดบนเวทีทุกคืน ไม่เป็นไรและคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ พยายามเชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากว่า ก็อยากจะทำความเข้าใจกับประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมว่า อย่าทำอะไรที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะถ้ามาดีตำรวจก็ยินดีต้อนรับ แต่ถ้ามาแล้วฝ่าฝืนกฎหมายและละเมิดสิทธิผู้อื่น เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ตำรวจก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
พล.ต.ท.ธีระเดช กล่าวถึงสถานการณ์ในขณะนี้ว่า เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วได้รับการประกันตัวออกมา ส่วนการควบคุมสถานการณ์ภายหลังมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นนั้น เชื่อว่าฝ่ายพันธมิตรฯ ซึ่งมีผู้ใหญ่หลายท่านโดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ จะสามารถยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นอีก
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงและเป็นปกติ หลังจากแกนนำพันธมิตรฯ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมมักจะส่องลำแสงสีแดงเข้ามาที่ บช.น.ในเวลากลางคืน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดความไม่สบายใจ ซึ่งก็ต้องเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยในวันเสาร์-อาทิตย์นี้ จะมีการเพิ่มกำลังตำรวจจากภูธรภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 เข้ามาด้วย
ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจตกเป็นจำเลยของสังคมจากเหตุสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้มีหลายองค์กรที่มาเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับฝากถึงพันธมิตรฯ ที่จะเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันจันทร์นี้ว่า ไม่อยากให้พกพาอาวุธไปในระหว่างการชุมนุมเพื่อความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ไปเป็นประธานในพิธีเปิดนิคมการเกษตรพืชอาหารและพืชพลังงานทดแทน ที่สหกรณ์การเกษตรคณฑีพัฒนา จำกัด บ้านโคนใต้ หมู่ที่ 2 ต.คณฑี อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร โดยมีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้กล่าวรายงาน ปรากฏว่ามีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.กำแพงเพชร ประมาณ 200 คนได้มาชุมนุมใช้มือตบและตะโกนไล่ จนต้องใช้ตำรวจปราบจลาจลจาก สภ.คลองขลุง 40 นายมาดูแลเหตุการณ์ จนนายบรรหารและนายสมศักดิ์เดินทางกลับ กลุ่มผู้ประท้วงจึงสลายการชุมนุม
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ดาวกระจายไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีข่าวว่ากลุ่ม นปช.เตรียมการบุกยึด สตช.ก่อนที่พันธมิตรฯ จะเดินทางไปถึง คาดว่าน่าจะเป็นแผนลับ ลวง พราง มากกว่า เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.จะถือโอกาสใช้ความรุนแรงเพื่อประโยชน์ต่อการลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พันธมิตรฯ ก็ยังยืนยันที่จะไปที่ สตช.ต่อไปโดยไม่หวั่นไหว ส่วนการประเมินกำลังกลุ่ม นปช.นั้น เชื่อว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นช่วง 3 วันอันตราย หากเกิดเหตุปะทะขึ้นทางพันธมิตรฯ เตรียมป้องกันโดยใช้สันติวิธีและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ความรุนแรง ถ้าหากเกิดความรุนแรงขึ้นจริง ทหารมีสิทธิ์ทำการรัฐประหารได้ ซึ่งเป็นความคิดของกองทัพที่สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่าทางพันธมิตรฯ ไม่ต้องการให้เกิดการทำรัฐประหาร
"ทหารจะยอมทุกครั้งเมื่อฝ่ายการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งวิกฤตินี้ทหารสามารถเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์โดยไม่ต้องนำรถถังออกมา ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ต้องพร้อมถูกให้วิพากษ์วิจารณ์จากสังคมด้วย" นายสุริยะใสกล่าว.