เดลินิวส์
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (20 มิ.ย.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลป รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางให้ความช่วยเหลือในส่วนต่างๆ แล้ว ซึ่งมีบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ประมาณ 700 หลัง ส่วนบ้านที่เสียหายและต้องซ้อมแซมบางส่วนประมาณ 2,000หลัง ทั้งนี้บ้านที่เสียหายทั้งหลังมูลนิธิไทยคมจะสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้มูลค่าหลังละประมาณ 1 แสนบาท โดยทางจังหวัดจะเข้ามาดูพื้นที่ที่จะจัดสร้างบ้าน และมีเงินช่วยเหลือจากทางราชการอีก 3 หมื่นบาทต่อครอบครัว แต่หากผู้ประสบภัยไม่ต้องการบ้านน็อคดาวน์ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็น 6 หมื่นบาท
ต่อข้อสักถามในเรื่องที่ ผู้ใหญ่บ้านในจ.อุตรดิตถ์ ระบุว่าส่วนราชการจะยัดเยียดบ้านน็อคดาวน์ให้ประชาชนทั้งที่ประชาชนจะขอรับเงินสนับสนุนนั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า ไม่มีการยัดเยียดใดๆ จะรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับความประสงค์และความสมัครใจของประชาชน เพราะหลักเกณฑ์จริงๆ เราช่วยเป็นเงินจำนวน 3 หมื่นบาทแล้วปรับเป็น 6 หมื่นบาทต่อครอบครัว แต่มูลนิธิไทยคมเห็นใจประชาชน ที่ประสบภัยก็เลยเสนอสร้างบ้านน็อคดาวน์ให้ ซึ่งใครอยากได้ก็บอก ใครไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีการบังคับ ซึ่งบ้านน็อคดาวน์ของมูลนิธิไทยคม ถือว่าเราได้ฟรีไม่ต้องใช้งบประมาณของราชการ ทั้งนี้การช่วยเหลือใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับสึนามิ อย่างไรก็ตามเมื่อมีข่าวอย่างนี้เกิดขึ้นตนจะมอบหมายให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ที่ประสบภัย ได้ชี้แจงกับประชาชนว่า จะรับบ้านหรือไม่ก็ให้ เป็นความสมัครใจ
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งศูนย์เตือนภัย ว่าขณะนี้นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ นำเรื่องทั้งหมดไปทบทวนอยู่ เพราะเราต้องการให้เป็นศูนย์เตือนภัยระดับชาติ ดูแลปัญหาภัยธรรมชาติทั้งประเทศ ดังนั้นจึงต้องปรับระบบการทำงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ การบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรับส่งข้อมูลและเตือนภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที โดยเป็นภาพรวมทั้งประเทศ ส่วนในพื้นที่เสี่ยงภัยถือเป็นภาระกิจเร่งด่วนที่จะต้องติดตั้งสัญญาณเตือนภัย โดยจะติดตั้งในพื้นที่ภาคเหนือเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ติดว่าใน 2 สัปดาห์นายปลอดประสพจะเสนอครม.เพื่อพิจารณาการตัดตั้งสัญญาณเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัยก่อน ส่วนภาพรวมในการติดตั้งระบบเตือนภัยทั้งประเทศจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน เพราะต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาท จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบและคุ้มค่า
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยนั้น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันนี้ทางกระทรวงมหาดไทยจะของบประมาณเพิ่มเติมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเขตภาคเหนืออีกประมาณ 400-500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนายเสริมศักดิ์บอกว่า สถานการณ์ฝนในปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ไม่น่าเป็นห่วง โดยขณะนี้ไม่มีพื้นที่ใดที่จะต้องสั่งการอพยพประชาชนในกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าจะสามารถดูแลได้.