วันที่ 8 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมเหตุการณ์ “7ตุลาทมิฬ “
นำอุปกรณ์อาวุธปืนและกระสุนปืนระเบิดแก๊สน้ำตาทั้งชนิดกระสุนและชนิดถอดสลักมาชี้แจงแสดงให้สื่อมวลชนดู จากนั้นได้สาธิตการโยนระเบิดแก๊สน้ำตาแบบสลัก บริเวณลานอำนวยการ บช.น. เพื่อคลายความเคลือบแคลงสงสัย
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บรวม 20 ราย ส่วนหนึ่งถูกยิงด้วยกระสุนปืน ซึ่งมีทั้งปืนออโต และปืนกล ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลได้แจ้งความที่ สน.ดุสิตว่า ปืนกลและปืนพกหายไปจากคลังในทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้นำมากล่าวหาว่านำมาใช้ในเหตุการณ์นี้ แต่เหตุการณ์พอปะติดปะต่อได้ว่า การยิงที่หน้ารัฐสภา ตำรวจก็ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ต.อำนวย กล่าวยืนยันถึงอานุภาพของระเบิดแก๊สน้ำตาว่า ไม่สามารถทำอันตรายจนถึงขั้นขาดขาดได้ พร้อมอ้างถึงภาพข่าวใน นสพ.คมชัดลึก ที่ปรากฎรูปตำรวจถือระเบิดชนิดหนึ่งอยู่ในมือว่า เป็นระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดถอดสลักขว้าง ใช้กรณีที่ผู้ชุมนุมเข้ามาระยะประชิดหากถูกร่างกายจะมีผลให้ระคายเคืองปวดแสบปวดร้อนเท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ตำรวจไม่มีการใช้อาวุธอย่างอื่นในการสลายการชุมนุม มีเพียงอุปกรณ์ที่นำมาแสดงตรงนี้เท่านั้น เป็นอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนแบบยิงและแบบขว้าง ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามภาพที่ปรากฎไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ตำรวจมีอยู่อย่างแน่นอน เพราะแก๊สน้ำตามีอานุภาพแสบร้อน ไม่ได้ทำให้เกิดการฉีกขาดของอวัยวะมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในบริเวณที่เกิดเหตุ พบชิ้นส่วนระเบิดปิงปอง และในตัวผู้ชุมนุมมีการพกพาระเบิดปิงปองด้วย
“ เรายืนยันว่า เมื่อมีการปะทะครั้งใด เราจะพบภาพเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงไปกว่าสิ่งที่เราใช้อยู่ ส่วนเรื่องที่มีแขนขาด ขาขาดนั้น เราจะตรวจสอบ ไม่อยากกล่าวหาเป็นบุคคลที่สามหรืออะไร สำหรับอาวุธปืนยิงแก๊สน้ำตาที่ตำรวจใช้นั้น บรรจุกระสุนแก๊สน้ำตาขนาด 38 มม. ใช้ยิงครั้งละ 1 นัด ระยะไกลประมาณ 150 เมตร ส่วนตำแหน่งยิงนั้น หากยืนอยู่ใกล้ ก็ยิงด้วยวิถีโค้ง หากยืนอยู่ไกล ก็ยิงวิถีตรง หากกระสุนกระทบร่างกายเพียง จะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน แต่ไม่มีอานุภาพทำลายล้างและไม่ก่อบาดแผลฉีกขาด “ โฆษก สตช.กล่าวและว่า
ถ้ามีกระแสลมพัดไปทางเป้าหมาย ตำรวจจะยิงให้ตกทางต้น เพื่อให้ลมพัดไปยังผู้ชุมนุม แต่ถ้ากระแสลมนิ่ง จะยิงไปในฝูงชนที่เป็นเป้าหมายเพื่อสลายการชุมนุม นอกจากนี้ ตำรวจยังมีแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง ซึ่งไม่ใช่ระเบิดสังหาร แต่เป็นวัสดุพลาสติก รูปร่างคล้ายระเบิดปิงปอง มีภาพถ่ายจับตอนที่ตำรวจกำลังขว้าง ขอยืนยันเป็นแก๊สน้ำตา การใช้ชนิดขว้างต้องเป็นระยะกระชั้นชิด โดยใช้ชนิดนี้บริเวณหน้ารัฐสภาในเช้าวันนั้นเพื่อต้องการเปิดทางให้ ส.ส.และส.ว.เข้าประชุมแถลงนโยบายได้ด้วยดี
ต่อข้อถามว่า เหตุใดผู้บังคับบัญชาจึงมอบหมายให้ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ปฏิบัติการครั้งนี้ทั้งที่วิธีการฝึกของ ตชด.นั้นส่วนใหญ่ใช้ในพื้นที่ป่ามากกว่าการสลายการชุมนุม พล.ต.ต.สุรพล ชี้แจงว่า เพราะ หน่วยงาน ตชด.มีกองร้อยควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกอย่างดี ส่วนกรณีที่มีข่าวหรือภาพการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เกินเลยนั้น จะตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รวมถึงกรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาดด้วย น่าเชื่อว่าเป็นผลกระทบที่มีต่อผู้ชุมนุม ซึ่งเกินขอบเขตของอุปกรณ์ตำรวจ และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
“ ผมอยากท้าวความไปถึงตอนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาเลือกตั้งนั้นเพื่อต้องการให้ตำรวจจับกุม และเป็นการเรียกร้องให้ประชาชนต่างจังหวัดเข้ามาสบทบ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด ประชาชนต่างจังหวัดอาจมาด้วยความรักชาติ และต้องการประท้วงดำเนินกิจกรรมใดๆ ขอเรียนให้ทราบว่ามีบุคคลหลายคนที่พยายามใช้ชีวิตเลือดเนื้ออุดมการณ์มาแลกกับความสำเร็จในการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งตำรวจคงไม่ยอมให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “ รอง โฆษก สตช.กล่าวในที่สุด
พล.ต.ต.สุรพล ยังกล่าวถึงเหตุระเบิดรถจิ๊ป สีขาว บริเวณหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย ถนนพิชัยว่า บุคคลที่เสียชีวิตภายในรถคันดังกล่าว เป็นนายตำรวจนอกราชการ ยศ พ.ต.ต. และเป็นพันธมิตรฯจังหวัดบุรีรัมย์ รวมถึงมีญาติที่มีความใกล้ชิดกับผู้ร่วมชุมนุมระดับนำในกลุ่มพันธมิตรฯด้วย จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่า มีการขนระเบิดเพื่อมาปฎิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อให้เกิดบาดเจ็บ แต่ผู้นำมาปฎิบัติการพลาดและเสียชีวิตเอง ขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตตำรวจที่เสียชีวิตทราบชื่อพ.ต.ต.เมธี ชาติมนตรี น้องเขยนายการุณ ใสงาม อดีตสว.แกนนำพันธมิตร ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกราชการคือสวป.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ จากนั้นเป็นแกนนำกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินของพันธมิตร ที่จ.บุรีรัมย์
รองผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ ชี้แจงกรณีหมอไม่รักษาตำรวจ
เมื่อเวลา14.45 น. รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รองผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ ให้สัมภาษณ์ทางรายการทีทีวี ชี้แจงกรณีนายแพทย์สุเทพ พลชาติวิทย์ พร้อมคณะแพทย์ และพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาฯปฎิเสธการให้การรักษาเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทางโรงพยาบาลจุฬาฯ ไม่มีนโยบายฝักใฝ่ฝ่ายใด ทางโรงพยาบาลยึดหลักการสภากาชาติไทยคือการช่วยเหลือชีวิตผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร พรรคใดฝ่ายไหน เชื้อชาติใดเมื่อเข้ามาเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาฯ ก็จะต้องทำการรักษาอย่างเต็มที่แน่นอน
และขณะนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้มีการเรียกประชุมคณะเเพทย์และพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ และตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยสอบถาม นพ.สุเทพเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว แต่ทางโรงพยาบาลจุฬายืนยันว่าจะทำการรักษาผู้ป่วยทุกคนที่เข้ามารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯทุกคนอย่างเต็มที่
ตำรวจแถลงโต้หลังคมชัดลึกเปิดโปงภาพระเบิดในมือ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ตำรวจแถลงโต้หลังคมชัดลึกเปิดโปงภาพระเบิดในมือ
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!