เป็นความเหมือนที่แตกต่างกรณีตำรวจจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายไชยวัฒน์ ถูกจับหลังออกจากม็อบเดินทางไปโน่น ไปนี่ ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำ
จนถูกตำรวจเพ่งเล็งตั้งแต่แรก
ส่วนพล.ต.จำลอง นั้น ชัดเจนว่า"เจตนา"เพื่อให้ตำรวจจับ!?
เพราะนอกจากจะประกาศล่วงหน้าแล้ว ยังเขียนจดหมายถึงผู้ชุมนุม แถมโทรศัพท์สั่งเสียถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำอีกคนหนึ่ง
จากนั้นก็ออกจากทำเนียบไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จึงถูกล็อกตัวที่คูหา
ในส่วนของตำรวจเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมีหมายจับเป็นชนักติดหลังคาอยู่
แม้ฝ่ายการเมืองจะอยู่ในขั้นตอนเจรจา แต่หากเห็นผู้ต้องหาเดินลอยชายไปมาแล้วนิ่งเฉย คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
และเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ความน่าสนใจในความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ในช่วงหลังการขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดูเหมือนจะลดดีกรีลง
ประการหนึ่งเพราะบุคลิกของนายสมชายที่อ่อนน้อมถ่อมตน แตกต่างจากนายสมัคร สุนทรเวช ที่ยิ่งพูดหรือแสดงออกก็เหมือนเพิ่มคะแนนให้พันธมิตร
รวมไปถึงปัญหาเศรษฐกิจระดับโลก ที่กำลังลามเข้ามาเอเชียและเมืองไทย
สำคัญที่สุดคือความยืดเยื้อของม็อบพันธมิตร และจุดหมายที่ยังดูคลุมเครือ เรียกร้องในสิ่งที่ยังไม่สุกงอม
ทำให้มีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการที่พล.ต.จำลอง ออกจากทำเนียบฯมาให้ตำรวจจับ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่!?
เพราะเพียงไม่กี่อึดใจที่พล.ต.จำลองถูกจับกุม แกนนำก็พร้อมหน้ากันเต็มเวที
ประกาศเชิญชวนให้คนมาร่วมชุมนุมกันมากๆ
พูดกันว่าอาจจะเป็นแผนเดิมเหมือนสมัยพฤษภาทมิฬ ซึ่งพล.ต.จำลองเป็นแกนนำเดินขบวนออกมาให้ทหารจับกุม
อย่างที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผอ.กอ.รมน. เพื่อนร่วมรุ่นจปร.7 เคยออกมาบอกก่อนหน้านี้ว่า สมัยพฤษภาทมิฬ มีการวิเคราะห์กันว่าฝ่ายพล.ต.จำลองจะชนะได้ก็ต่อเมื่อทหารทำร้ายประชาชน
หรือพล.ต.จำลอง ถูกจับ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะทันทีที่พล.ต.จำลองถูกทหารจับกุม เหตุการณ์ก็บานปลาย
กระนั้นก็ตามแม้ท้ายที่สุดฝ่ายพล.ต.จำลองจะชนะ
แต่ก็เป็นชัยชนะบนกองศพของประชาชน!!
กลายเป็นวลีติดตัวว่า"จำลอง...พาคนไปตาย"
เวลาล่วงผ่านมา 16 ปี พล.ต.จำลอง เป็นแกนนำพันธมิตร เดินออกมาให้ถูกจับอีกครั้ง
ทำให้ม็อบที่เหงาๆ มาหลายวัน เริ่มมีแอ๊กชั่นให้กระชุ่มกระชวย
ทั้งยังฉวยโอกาสนี้เคลื่อนพลจากทำเนียบ
ไปปิดล้อมรัฐสภา ทันที!!