เส้นทางผู้ว่าฯกทม.รอบ2อภิรักษ์ไม่รื่น! ป.ป.ช.จ่อสอบ2ปมทุจริต อาจต้องส่งศาลรธน.ชี้ขาดพักงานหรือไม่

"อภิรักษ์" อ่วม! ยังไม่ทันนั่งผู้ว่าฯกทม. เจอสอบ 3 เรื่องทุจริตเลือกตั้ง กกต. นัดถก 8 ต.ค. รับรองหรือสอบก่อน ป.ป.ช. จ่อสอบคดีสร้างทางลอด 16 สาย -เรือรถดับเพลิง กทม. ก่อนชงศาลรธน. ชี้ขาดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครหมายเลข 5 พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดว่า กกต.จะประชุมในวันที่ 8 ต.ค. นี้ เพื่อพิจารณาว่า จะประกาศรับรองนายอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯกทม.ไปก่อน แล้วค่อยพิจารณาเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้งในภายหลังหรือไม่ เนื่องจากตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบบริหารราชการ กทม.พ.ศ.2528 ได้กำหนดให้ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ต้องเข้ารับตำแหน่งภายใน 7 วัน แต่หากพบว่า มีเรื่องร้องเรียนที่จะต้องสอบเพิ่มเติม กกต.ก็สามารถขยายเวลารับรองผลได้ภายใน 30 วัน

นายประพันธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องร้องเรียนทุจริตการเลือกตั้ง ขณะนี้มีทั้งสิ้น 3 รื่อง เป็นเรื่องที่ร้องเรียนนายอภิรักษ์ทั้งหมด ได้แก่ เรื่องป้ายประชาสัมพันธ์ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ, การแจกการ์ดไวไฟ และเรื่องป้ายหาเสียงมีขนาดไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะอนุกรรมการ กกต.กทม.

ทั้งนี้ กกต.กทม.ได้รายงาน กกต.กลาง ถึงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยผู้ที่มีคะแนนสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.นายอภิรักษ์ ได้ 991,018 คะแนน คิดเป็น 45.93% 2.นายประภัสร์ จงสงวน หมายเลข 10 ได้ 543,488 คะแนน คิดเป็น 25.19% 3.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หมายเลข 8 ได้ 340,616 คิดเป็น 15.79% 4.นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ หมายเลข 2 ได้ 260,051 คะแนน คิดเป็น 12.05% และ 5.นางลีนา จังจรรจา หมายเลข 7 ได้ 6,267 คิดเป็น 0.29% ส่วนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,087,329 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 2,214,320 คน คิดเป็น 54.18% บัตรดี 2,157,599 บัตรเสีย 19,376 และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 37,345

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเป็นผู้ว่าฯกทม.สมัยที่ 2 แม้จะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยลงกว่าครั้งที่ผ่านมา และได้ไม่ถึง 1 ล้านเสียงก็ตาม แต่ก็ดีใจที่ได้เสียงมากกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งภารกิจแรกที่จะเข้าไปดูแลคือ การแก้ปัญหาน้ำท่วม แก้ปัญหาจราจร

"ทีมรองผู้ว่าฯกทม. 4 คน จะได้รายชื่อทั้งหมดหลัง กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ โดยการแต่งตั้งจะเป็นลักษณะผสมผสานระหว่างคนเก่ากับคนใหม่ พิจารณาตามความเหมาะสมตามนโนบายที่จะทำต่อไป ที่สำคัญจะตั้งทีมที่ปรึกษาควบคู่ไปด้วย โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ให้อยู่จนครบวาระ แต่อาจมีการเปลี่ยนตำแหน่งกันเพื่อความเหมาะสมของงาน" นายอภิรักษ์กล่าว และว่า ไม่กังวลกับเรื่องที่ถูกร้องเรียน

ด้าน น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับนายอภิรักษ์ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) คือ โครงการการก่อสร้างถนนทางลอด 16 สาย ของ กทม. และคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ว่า หาก กกต.ประกาศรับรองให้นายอภิรักษ์เป็นผู้ว่าฯกทม. และในอนาคต ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด อาจจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะส่วนหนึ่งอาจมองว่า เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระแม้จะอยู่ในตำแหน่งเดิม ขณะที่ส่วนหนึ่งอาจเห็นว่า ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน

ด้านนายประภัสร์แถลงร่วมกับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ ส.ส.กทม.พปช. โดยกล่าวยอมรับผลเลือกตั้ง พร้อมแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ และขอให้นายอภิรักษ์ รักษาสัญญาที่เคยพูดไว้ในตอนหาเสียง

"คะแนนที่ได้กว่า 5 แสน ทำให้ภูมิใจ เพราะมีเวลาหาเสียงจำกัด และ พปช.อยู่ในฐานะเสียเปรียบ เพราะมีปัญหารุมเร้า ทั้งจากภายในและภายนอก ก็ทำให้ขาดสมาธิในการผนึกกำลังกัน"  นายประภัสร์กล่าว และว่า ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อนแล้วค่อยคิดว่า จะทำอะไรต่อไป แต่ยอมรับว่ากำลังพิจารณาจะกลับไปทำงานในรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่งก็มีหลายแห่งที่น่าสนใจและกำลังพิจารณา โดยเฉพาะการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ซึ่งยังขาดผู้บริหารอยู่มาก ทั้งเรื่องการก่อสร้างและการแก้ปัญหามลภาวะทางเสียงของประชาชนรอบสนามบิน ตลอดจนปัญหาความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างที่ยังหมักหมม

ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ได้ขึ้นรถแห่ขอบคุณคน กทม.ที่ลงคะแนนให้กว่า 2.6 แสนคะแนน จากนั้นกล่าวว่า จากนี้ไปจะใช้เวลากับการทำงานเพื่อสังคม โดยจะบริหารกองทุนเวลาเพื่อสังคม ช่วยเหลือคนจน ผู้เดือดร้อนโดยไม่ใช้เงิน ส่วนอนาคตทางการเมืองยังไม่ปิดกั้น พร้อมลงเล่นการเมืองต่อ แต่ขอดูสถานการณ์บ้านเมืองก่อนจะตัดสินใจลงสนามเลือกตั้งสนามไหน