ในฐานะนักการเมือง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ออกตัวนิ่มๆ
“คงจะเห็นแล้วใช่หรือไม่ว่า อันนี้มีหมายศาลมาตั้งนานหลายเดือนมาแล้ว ก่อนผมเป็นนายกรัฐมนตรีเสียอีก
ต้องคิดว่าเป็นส่วนของกระบวนการยุติธรรม”
ในภาษาของอดีตผู้พิพากษา นายกฯสมชายพูดชัด
“ผมคิดว่าใครไปแทรกแซง ไปสั่งไม่ได้หรอก แม้แต่ตำรวจเวลาจับแล้วก็มา สอบสวน เราก็สั่งว่าให้เป็นไปอย่างนั้น สั่งไม่ได้ครับ กฎหมายเขาเขียนไว้แน่นอน ถ้าขืนไปทำตามคำสั่งอะไรเนี่ย ถือว่าการสอบสวนไม่ชอบ”
สรุปก็คือ รัฐบาลไม่ได้อยู่เบื้องหลังสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำม็อบพันธมิตรฯ ในขณะออกจากทำเนียบรัฐบาลไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
แต่ก็ไม่มีผลอยู่แล้ว
เพราะทันทีที่ตำรวจเข้าไปแสดงหมายจับ “มหาจำลอง” คาหน่วยเลือกตั้ง กล้องทีวีของม็อบพันธมิตรฯก็ถ่ายทอดนาทีสำคัญไปถึงเครือข่ายทั่วทุกหัวเมือง
ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการส่งสัญญาณเรียกพล ขนคนจากต่างจังหวัดขึ้นรถไฟ รถบัส ดาหน้าเข้ามาสมทบกับม็อบพันธมิตรฯที่ทำเนียบรัฐบาล
เข้าล็อกแผน “ล่อให้จับเพื่อระดมพล” ที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี เพื่อนรักร่วมรุ่น จปร.7 ของ “มหาจำลอง” ออกมาอ่านไต๋เพื่อนเกลอ
เน้นยุทธวิธีตามแผนสู้รบ
ว่ากันตามประสา “ทหารเฒ่า” ไม่มีวันตาย
แต่อีกมุมก็มองกันได้ตามแนวของนักวิชาการอย่างนายไชยันต์ ชัยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองฉีกไปในมุมการเมือง อ่านทาง พล.ต.จำลองคงจะคิดว่า
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมอบตัว
ดังนั้น จึงเห็นว่าขณะนี้แกนนำม็อบพันธมิตรฯที่เหลือควรจะมอบตัว และย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยแกนนำจะต้องมีการประชุมเพื่อวางแผนในเรื่องของการเมืองใหม่ที่จะส่งไม้ต่อให้แกนนำรุ่น 2
หักมุม กลายเป็นอารมณ์ของการหาทางลง
ก็อย่างที่เป็นข่าว ก่อนถูกจับกุม “มหาจำลอง” เป็นแกนนำม็อบพันธมิตรฯคนเดียวที่ต่อสายคุยกับ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ พูดจาภาษาดอกไม้ในฐานะ “ลูกรักป๋า” และยังได้พบ “เสธ.หมึก” พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ เพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ในฐานะลูกน้อง “บิ๊กจิ๋ว” เข้าไปนั่งคุยกลางวงม็อบ
ท่าทีอ่อน น้ำเสียงเริ่มอ่อย รับมุกเกาะไต่บันไดลง
และที่น่าแกะรอยต่อจากนั้นก็คือปมที่นายไชยันต์ทิ้งทุ่นไว้
“มหาจำลอง” ไปใช้สิทธิเลือกตั้งของตัวเองตามหน้าที่ เนื่อง จากไม่อยากถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งการแสดงตนว่ามาเลือกตั้ง ถือเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต
พล.ต.จำลองจะเอาสิทธิการเมืองไปทำอะไร
คำถามนี้มันก็เกี่ยวโยงไปถึงการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับรอรับพิมพ์เขียวการเมืองใหม่ จะลงสนามเล่นอะไรหรือเปล่า
งานนี้ต้องอ่านกันข้ามช็อต แต่กับปมใหม่ที่เพิ่งโผล่มาสดๆร้อนๆ
ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Sunday Mirror ของอังกฤษ รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและครอบครัว ได้ยื่นเรื่องขอลี้ภัยทางการเมืองในสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการแล้ว
จากการยืนยันของกระทรวงมหาดไทยเมืองผู้ดี ระบุอดีตนายก-รัฐมนตรีของไทย วัย 59 ปี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ได้ระบุเหตุผลด้านความไม่ปลอดภัยในชีวิตและความไม่เป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
เป็นเหตุผลหลักในการขอลี้ภัยในสหราชอาณาจักรในครั้งนี้
และแน่นอนกับภาพม็อบพันธมิตรฯระดมพลป่วนรัฐบาลหลังตำรวจจับ “มหาจำลอง” น่าจะมีน้ำหนักต่อการรับพิจารณาของรัฐบาลอังกฤษ
สถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ม็อบต่อต้านยึดทำเนียบรัฐบาล ในอารมณ์เคียดแค้นที่แกนนำถูกจับ
กระแสเข้าทาง “นายใหญ่” พอดีเหมือนกัน.