ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว 5 ฉบับ ส่วนคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ถูกออกหมายจับ 3 ฉบับ ประกอบด้วย
หมายจับฉบับที่ 2 ในคดีเดียวกันระหว่างการสืบพยาน พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ขออนุญาตศาลฎีกาฯเดินทางไปประเทศจีนและประเทศญี่ปุ่น โดยศาลอนุญาตและให้ทั้งสองเดินไป โดยให้เดินทางกลับมารายงานตัวในวันที่ 11 สิงหาคม แต่ทั้งสองหลบหนีไปประเทศอังกฤษ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองกลับมาดำเนินคดีในประเทศ
และต่อมาในคดีเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯจึงออกหมายจับฉบับที่ 3 ให้นำตัวมาฟังคำพิพากษา
หมายจับฉบับ 4 นายปัญญา สุทธิบดี รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะ 9 คน คดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำเลยคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ให้กับรัฐบาลพม่า จำนวน 4,000 ล้านบาท มีคำสั่งให้ออกหมายจับ หลัง พ.ต.ท.ทักษิณไม่เดินทางกลับมาตามกำหนดนัดพิจารณาคดีครั้งแรก
หมายจับฉบับที่ 5 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายรุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว ( หวยบนดิน) กรณีที่ร่วมกันมีมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2546 ให้ดำเนินโครงการออกสลากพิเศษ ที่ออกสลากตั้งแต่งวดวันที่ 1 สิงหาคม 2546-26 พฤศจิกายน 2549 โดยได้ยกเว้นและลดหย่อนภาษี ตาม พ.ร.บ.การพนัน 2478 และภาษีตามประมวลรัษฎากรโดยถือว่าเป็นสลากการกุศลนั้น มติดังกล่าวเป็นการขัดต่อกฎหมาย เพราะเป็นมติที่ฝ่าฝืนต่อพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยที่ 1 ในวันนัดตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล พฤติการณ์มีเหตุควรน่าสงสัยว่าจะหลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 และให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ออกจากสารบบความเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะได้นำตัวมาพิจารณาคดี"