ศาลออกหมายจับ "ทักษิณ-พจมาน" หลังไม่มาฟังคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ พร้อมนัดฟังคำตัดสิน 21 ต.ค. อัยการยังเฝ้ารอตำรวจประสานให้ช่วยขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ด้าน ตร.ยกสารพัดขั้นตอนก่อนส่งอัยการ แถมหมายใหม่ก็ยังไม่ได้รับ
ในที่สุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา เพิ่มอีก 1 คดี หลังจากทั้งคู่ไม่มารับฟังคำพิพากษาคดีการจัดซื้อที่ดินรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 17 กันยายน
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 17 กันยายน นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญา หรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 100 และ 122 ประมวลกฎหมายอาญามาตาร 33, 83, 86, 91, 152 และ 157 จากกรณีที่คุณหญิงพจมานเข้าประมูลซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษก 4 แปลง มูลค่า 772 ล้านบาทเศษจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
โดยอัยการโจทก์เดินทางมาศาล แต่จำเลยทั้งสองและทนายความจำเลยไม่มา ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลติดประกาศหมายนัดฟังคำพิพากษาให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่มาฟังคำพิพากษา จึงต้องออกหมายจับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 32 วรรคสอง จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 14.00 น. พร้อมมีคำสั่งให้ออกหมายจับทั้งสองมาฟังคำพิพากษาต่อไป
ทั้งนี้ ศาลยังได้แจ้งให้อัยการโจทก์ทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2551 ที่จำเลยทั้งสองโต้แย้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 100 และ 122 ที่ยื่นฟ้องคดีนี้ว่า ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เรื่องการถือครองทรัพย์สินของบุคคล โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว เห็นว่า พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.ดังกล่าว ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26-29, 39 และ 43
นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ หัวหน้าคณะทำงานรับผิดชอบคดี กล่าวภายหลังรับทราบคำสั่งศาลว่า เมื่อจำเลยหลบหนีไม่มาศาลแล้วศาลออกหมายจับก็เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในการติดตามตัวจำเลยทั้งสอง หาก สตช.ประสานมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน อัยการก็มีคณะทำงานเตรียมพร้อมดำเนินแล้ว
"ก่อนหน้านี้คณะทำงานได้ประสานขอข้อมูลการฟ้องคดี พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ว่ายื่นฟ้องแล้วกี่คดี และคดีอยู่ในชั้นใดเพื่อเตรียมส่งข้อมูลให้อัยการฝ่ายต่างประเทศยื่นคำร้องขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน อย่างไรก็ดี หากศาลนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 ตุลาคม ยังไม่ได้ตัวจำเลยทั้งสองมาก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะอ่านคำพิพากษาลับหลังหรือไม่" อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษกล่าว
ตร.อ้างรอหมายจากศาลก่อนประกาศจับ
ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผบช.ก. ในฐานะรองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ หลังเจตนาหลบหนีคดี ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ให้แก่รัฐบาลพม่า วงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์บริษัทในเครือตระกูลชินวัตรว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งออกหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องรอศาลส่งหมายจับนั้นมา ก่อนเข้าสู่กระบวนการออกประกาศสืบจับ โดยกองทะเบียนประวัติอาชญากร แล้วกระทำการกระจายประกาศสืบจับไปยังสถานีตำรวจ และด่านตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่อติดตามจับกุมตัวตามคำสั่งศาล ก่อนรายงานผลติดตามการจับกุมไปยังอัยการต่อไป ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหมายจับจากศาล
ส่วนเรื่องการดำเนินการประสานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ขณะนี้ศาลฎีกาได้ออกหมายจับใหม่มา ก็ต้องพิจารณาดูว่าจะมีผลต่อหมายจับเก่าที่เคยออกมาในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ อย่างไรก็ตาม อัยการต้องพิจารณาว่า จะเลือกใช้หมายไหน สำนักงานตำรวจแห่งชาติกองคดีก็จะพิจารณาดูว่าหมายจับเก่าสิ้นสุดหรือไม่ด้วย
2 คดีโดนไป 3 หมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมายจับในคดีที่ดินรัชดาฯ ถือเป็นหมายจับใบที่ 3 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยหมายจับใบแรกออกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่ยอมมารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามกำหนดนัดในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก หลังได้ขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศ แต่กลับหลบหนีไปอยู่ประเทศอังกฤษ
ส่วนหมายจับใบที่ 2 ออกเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 ในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) จำนวน 4,000 ล้านบาทให้แก่รัฐบาลพม่า แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมมาศาลในการพิจารณาคดีนัดแรกในวันดังกล่าวหลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้รับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา ศาลจึงได้ออกหมายจับเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาฟังคำพิพากษาต่อไป
ขณะที่หมายจับใบที่ 3 ออกเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551 โดยเป็นการออกหมายจับในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก เป็นใบที่ 2 เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไม่ยอมมาฟังคำพิพากษาตามกำหนดนัด จึงถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับให้มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 ตุลาคม 2551 สรุปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จึงถูกออกหมายจับใน 2 คดี รวม 3 ใบ
มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในเช้าวันเดียวกัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี 1 ใน 47 จำเลยในคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) เดินทางมายังศาลฎีกาเพื่อยื่นคำร้อง และหลักทรัพย์มูลค่า 2 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวด้วย