"ป๋าเหนาะ”หนุน“สมชาย”นั่งแท่นนายกฯ ระบุ เป็นคนใต้และมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำเจอหน้า“สมัคร”จะก้มกราบขอบคุณ
(13ก.ย.) เวลา 16.00 น.ที่บ้านเมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาช่วง 2-3 วันนี้ประชาชนอาจสับสนที่การประชุมสภาฯไม่สามารถเลือกนายกฯได้ แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมาประชาชนเลือกพรรคใหญ่ให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาเมื่อมีผู้หวังดีไปต่อต้าน เกิดเป็นลัทธินอกระบบ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ตนมานอนคิดเมื่อคืนวันที่ 11ก.ย.หลังพรรคพลังประชาชนมีมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งคิดว่านายสมัครไม่ใช่คนที่ไม่ดีแต่รู้ว่ากลับมาแล้วจะมีเหตุรุนแรงและวิกฤตเกิดขึ้นอีก
ในที่สุดก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจนเที่ยงคืนก็ได้โทรไปปลุกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย มาพูดคุยด้วยเหตุและผล ซึ่งนายบรรหารก็เคยเป็นนายกฯมาแล้ว เพราะเราต้องเอาประเทศชาติบ้านเมืองไว้ก่อน เมื่อเห็นตรงกันก็ได้โทรปลุกติดต่อกับทุกพรรคและทุกพรรคก็เห็นด้วยว่าถ้านายสมัครเข้ามาก็วุ่นวายอีก ทุกคนจึงเห็นว่าควรเลื่อนการโหวตนายกฯออกไปก่อน เพื่อซื้อเวลาแล้วจึงต่อสาย ถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่าถ้าหากจะเลื่อนไม่ให้มีการประชุมที่ดีที่สุดคือการไม่ให้ครบองค์ประชุม
ในที่สุดก็ไม่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นผู้ที่ตั้งนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์เข้าประชุมเต็มที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนส่วนหนึ่งก็เข้ามาทำท่าว่าจะครบองค์ประชุม แต่ไม่ทันไรนายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯแต่เดชะบุญที่องค์ประชุมไม่ครบ หากครบองค์ประชุมก็เท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งนายสมัครกลับคืนมาอีกครั้ง
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชาชนมีแนวโน้มที่จะเลือก 1 ใน 3 ส.ขึ้นมาเป็นนายกฯ นายเสนาะกล่าวว่า 3 ส.หรือ 4 ส.ก็ไม่สำคัญเท่ากับเอาคนที่มีปัญหาน้อยที่สุด ตนไม่ได้ยึดติดว่าต้องร่วมรัฐบาลเพราะพรรคประชาราชมีอยู่ 4-5 เสียงและจุดยืนของตนขณะนี้คือไม่ต้องการให้ประเทศถอยหลัง เพราะฉะนั้นอยากฝากว่าพรรคพลังประชาชนพยายามคัดคนที่มีปัญหาน้อยสุด แม้แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่บังเอิญเป็นน้องเขยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่หากเราเอาบ้านเมืองไว้ต้องแยกแยะ
ส่วนตัวเห็นว่าถ้านายสมชายเป็นนายกฯเชื่อว่านายสมชายจะพูดอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ได้เพราะแท้จริงแล้วนายสมชายแท้ที่จริงเป็นคนใต้แทบจะเป็นลูกหลานของพรรคประชาธิปัตย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมได้เพราะนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนตั้ง และเป็นลูกศิษย์นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์สมัยก่อน แต่บังเอิญว่ามันเกิดวิกฤติก็ต้องแยกแยะ หากดึงพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาลหรือดึงสองพรรคใหญ่เอานายสมชายเป็นนายกฯแล้วมาบริหารบ้านเมือง เพราะจะให้เป็นรัฐบาลแห่งชาติมันคงยาก หากทั้งสองพรรคใหญ่จับมือกันให้พรรคประชาราชไปเป็นฝ่ายค้านก็ยอม
“ตอนนี้เราต้องเอาบ้านเมืองไว้อย่ามาถืออะไรกัน ถ้านายสมชายเป็นนายกฯเป็นเรื่องดี เพราะมันมีอุทาหรณ์ให้เห็นว่าอะไรที่ไม่ดี ถึงแม้ว่าจะเป็นเขยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็รู้อยู่ว่าอะไรที่เป็นปัญหาก็จะได้ไม่ทำ ถ้าทำพวกเราก็ไม่ยอม สื่อก็ไม่ยอม ผมพูดแต่แรกว่า นายสมชายเหมาะสมแต่ต้องแยกแยะออก “นายเสนาะกล่าว
นายเสนาะ กล่าวว่า การหารือของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรคที่บ้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตกรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย 111 คน ทั้งหมดเห็นพ้องต้องการว่าต้องการให้พรรคพลังประชาชนเสนอคนที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุดหรือใครก็ได้ 1 คน เราพร้อมที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อไป เราไม่ได้ออกมาบอกอย่างเป็นทางการว่าจะให้ใครเป็นนายกฯแต่ใครก็ได้ที่ออกมาเป็นคนกลาง ๆ และเห็นตรงกันว่าไม่ควรไปกดดันพรรคพลังประชาชน
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่นายสมัครปฏิเสธไม่รับตำแหน่งนายกฯนั้นตนยังไม่ได้มีการโทรศัพท์หานายสมัคร เอาไว้โอกาสหากให้ตนกราบนายสมัครก็จะกราบ
นายเสนาะยังกล่าวถึงการยกเลิกพ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า เพื่อให้บ้านเมืองเป็นปกติ ซึ่งกองทัพและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคิดว่าตอนนี้ประเทศชาติอยู่เหนือเหตุผลทุกอย่าง จึงขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ภาพพจน์ของประเทศกลับคืนมาเป็นปกติและอยากให้กองทัพไปคุยกันในเมื่อเงื่อนไขของกลุ่มพันธมิตรฯที่ไม่ให้แตะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็ไม่แตะต้องอยู่แล้วอะไรที่ไม่ดีก็ให้จับเข่าคุยกัน