สุเทพ มั่นใจ เอาผิด ปชป. ไม่ได้ ทรท.ท้า สุเทพ เปิดหลักฐานเด็ด

มติชน

วันที่ 15 มิ.ย. 2549

"สุเทพ" ปัด ทุกข้อกล่าวหา สงสัยอนุฯ ทำไมสนใจเรื่องขัดขวางการรับสมัครที่สงขลาเป็นพิเศษ เชื่อข้อกล่าวหาทำให้ยุบปชป. ไม่ได้ เพราะพรรค-กก.บริหารไม่ได้ทำ เผยมีหลักฐานสำคัญที่จะเอาผิดผู้ว่าจ้าง เป็นสมุดบัญชีที่มีการโอนเงินไปมา ระบุ อนุฯ ขอเทปคำให้สัมภาษณ์เพิ่ม 2 กรณี แปลกใจไม่ยอมเปิดเผยรายชื่ออนุฯทั้งหมด

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีพรรคไทยรักไทยกล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์จ้างพรรคการเมืองเล็กล้มการเลือกตั้ง ที่มีนายสุริยา ทรงวิทย์ อดีตรองอัยการสูงสุด เป็นประธานในวันนี้(15 มิ.ย.) ว่า การชี้แจงในวันนี้ตนได้ทำบันทึกการให้ถ้อยคำเป็นลายลักษณ์อักษรที่เตรียมมาอ่านให้คณะอนุฯ ฟัง พร้อมทั้งยื่นเอกสารหลักฐานเป็นซีดีบันทึกคำให้การของพยานกรณีพรรคการเมืองหนึ่งว่าจ้างพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย รวมทั้งหลักฐานการเช่าโรงแรมกานต์มณี เพื่อปลอมแปลงเอกสารการสมัคร รวมถึงหลักฐานการโอนเงินไปมาระหว่างผู้จ้างและผู้ถูกจ้างและตัวอย่างหลักฐานเอกสารของคนที่พรรคหมายตาว่าจะให้ลงสมัคร ซึ่งได้แฟกซ์ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หลักฐานการศึกษา เพื่อมาทำการปลอมแปลงล่วงหน้า

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า คณะอนุฯ ได้สอบถามเพิ่มในหลายประเด็น และสนใจเป็นพิเศษเรื่อง การขัดขวางการรับสมัครที่ จ.สงขลา โดยถามตามโผที่เตรียมมา เช่น นายชาลี นพวงศ์ เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ และรู้จักกันหรือไม่ ตนก็ชี้แจงว่า ไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับพรรค และถามว่าใบปลิวที่ จ.สงขลาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะมีชื่อนายถาวร เสนเนียม อยู่ท้ายเอกสาร ตนก็บอกว่า พรรคไม่ได้ทำ ถ้าสงสัยก็ให้เรียกนายถาวรมาสอบ และมีการถามถึงการขัดขวางพรรคเล็กลงสมัคร ตนก็บอกไปว่า เป็นเรื่องการแสดงออกทางการเมืองของคนในพื้นที่เอง

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คณะอนุฯ ยังสนใจเรื่องการว่าจ้างผู้สมัครพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย โดยตนได้ชี้แจงว่า ผู้สมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าได้เดินทางมาหาตนเอง เพราะเกรงว่า หากสมัครไปแล้วและคุณสมบัติไม่ครบจะผิดกฎหมาย ตนจึงแนะนำให้ลาออกจากพรรคไปเสียจะได้ขาดคุณสมบัติและเป็นเหตุบรรเทาโทษ แต่ทั้ง 3 คนก็บอกว่าลาออกไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าพรรคอยู่ที่ไหน ตนเห็นเป็นเรื่องตลกจึงนำมาแถลงข่าวกับสื่อ ทั้งนี้ ตนต้องการส่งสัญญาณว่า หากมาสมัครโดยคุณสมบัติไม่ครบจะผิดกฎหมาย และการแถลงข่าววันนั้นก็ไม่ได้พูดถึงพรรคไทยรักไทยแต่อย่างใด

"คณะอนุกรรมการพยายามสอบถามเรื่องการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงและพยายามให้อธิบายคำว่า "ระบอบทักษิณ" ว่าหมายความว่าอย่างไร ซึ่งผมก็ได้อธิบายไปว่า เป็นระบอบที่พ.ต.ท.ทักษิณ กุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ครม.ไม่มีส่วนตัดสินใจ รวมทั้งเข้าไปแทรกแซงสื่อ ระบบราชการและองค์กรอิสระ และมุ่งประโยชน์ส่วนตน ผมคิดว่า อนุฯ คงเข้าใจ ซึ่งหากยังไม่พอใจผมก็ยินดีมาชี้แจงอีก และส่งหลักฐานเพิ่มเติมให้ แต่คิดว่าเอกสารที่นำมาในวันนี้หากดูโดยละเอียดก็น่าจะเพียงพอแล้ว" นายสุเทพกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้จะทำให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เชื่อว่ากรณีนี้จะยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะพรรคและกรรมการบริหารไม่ได้ทำอะไรผิด การไม่ส่งผู้สมัครเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักไทยก็เคยไม่ส่ง และเมื่อพ.ศ. 2495 ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ส่ง ส่วนประเด็นการรณรงค์ให้ไม่ลงคะแนนในช่องงดออกเสียงก็ไม่ใช่ความผิดซึ่งคนมีสิทธิลงหรือไม่ลงคะแนนให้ใครก็ได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนของหลักฐานการโอนเงินว่าจะสามารถเอาผิดผู้ว่าจ้างได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า หลักฐานที่มีเป็นคำให้การของพยานว่าได้รับเงินจากคนชื่อนั้นชื่อนี้มากี่งวด และงวดสุดท้ายในวันที่ 7 มีนาคมได้รับจำนวน 140,000 บาท เมื่อโอนเงินมา แต่ไม่สามารถจัดผู้สมัครได้ทัน ผู้รับจ้างจึงโอนเงินคืนไปให้ โดยหลักฐานมีทั้งสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารและใบโอนที่บอกชื่อคนโอนและคนรับ ส่วนเรื่องการโยงถึงผู้ว่าจ้างหรือไม่นั้น ผู้ว่าจ้างมีหลายระดับ มีตั้งแต่ผู้ใหญ่ และผู้รับคำสั่ง มาว่าจ้างอีกที โดยการโอนเงินครั้งนี้เป็นระดับผู้รับคำสั่ง ซึ่งก็อาจจะโยงถึงผู้ว่าจ้างได้

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คณะอนุฯ ได้ขอให้ตนนำหลักฐานมาเพิ่มเติม สองอย่างคือ 1.เทปที่ตนให้สัมภาษณ์ในวันที่ 12 มีนาคม กรณีที่ 3 ผู้สมัคร พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า มาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวที่พรรค ซึ่งคณะอนุฯ เชื่อว่าตนได้พูดถึงพรรคไทยรักไทย และ 2.คณะอนุฯ ขอให้นำเทปคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่พูดกับสื่อว่า "นั่งเครื่องบินแล้วคิดได้เลยมาสั่งการครม.ไ และ "รัฐมนตรีไม่ต้องคิดอะไรนายกคิดให้หมดแล้ว" ซึ่งตนจะนำมาให้ภายใน 2-3 วันนี้

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การสอบถามของกรรมการในวันนี้ มีโผคำถาม ที่ตนทราบเพราะคณะอนุกรรมการ มีการสะกิดและบอกให้อนุกรรมการ ผลัดกันถามข้อต่างๆ เช่น ข้อ 28 บ้าง ข้อ 36 บ้าง ตนก็เลยบอกว่า ให้ถามมาตามโผเลย ซึ่งเลขานุการคณะอนุฯ ก็ร้อนตัวรีบชี้แจงว่า โผคำถามนี้ไม่มีใครสั่งมาแต่เป็นคำถามที่คณะอนุกรรมการเตรียมกันมาเอง อย่างไรก็ตามในวันนี้ตนตั้งข้อสังเกตว่าคณะอนุฯ มีความเป็นมิตรมากกว่าเมื่อวานนี้ ที่ดูแข็งขันไปหน่อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงตอนนี้ คณะอนุฯ ยอมเปิดเผยรายชื่อของคณะอนุฯหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนได้ยื่นหนังสือให้คณะอนุกรรมการแล้ว แต่ทางคณะอนุฯ จะขอนำไปให้ กกต. อนุมัติเสียก่อน

ทรท.ท้า "สุเทพ" เปิดหลักฐานเด็ด

วันที่ 15 มิ.ย. 2549

ทรท.ท้า "สุเทพ" เปิดหลักฐานเด็ด คาดเป็นเช็คระหว่าง "ชวการ" ถึง "สุขสันต์" เชื่อคดีจ้างพรรคเล็กมัดตัวปชป. ข้องใจมาตรฐานสอบอนุกรรมการ เหตุแกนนำทรท.ไม่ถูกเรียกไปชี้แจง

วันนี้(15 มิ.ย.) ที่พรรคไทยรักไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเปิดหลักฐานการโอนเงินกรณีจ้างพรรคเล็กเพื่อใช้สู้บนชั้นศาลว่า หลักฐานที่นายสุเทพ เปิดมาแต่ละตอนไม่สามารถเอาผิดใครได้ เช่น กรณีพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าในจ.ตรัง กรณีของนางฐัติมา ภาวลี อดีตผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคแผ่นดินไทย และกรณีภาพวงจรปิดของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกอย่างไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงขอท้าให้นายสุเทพ เอาเช็คออกมาเปิดเผยหากมีหลักฐานจริง แต่ถ้าเป็นเช็คระหว่างนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคพัฒนาชาติไทย ที่โอนให้นายสุขสันต์ ชัยเทศ ผู้อำนวยการพรรคพัฒนาชาติไทย จากสาขาสะพานควาย ไปจ.นครพนม ซึ่งปรากฏในสำนวนของนายนามมาแล้ว ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคไทยรักไทย

"การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับคณะอนุกรรมการสอบสวนนั้น ตนมองว่า อนุกรรมการสอบสวนพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเป็นธรรมมากกว่าอนุกรรมการสอบสวนพรรคไทยรักไทย ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน เพราะนายนาม ไม่เคยเชิญผู้ถูกกล่าวหา คือ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทยมาชี้แจงแต่อย่างใด ทำให้อนุกรรมการสอบสวนพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องให้ความยุติธรรมโดยวางรูปแบบเพื่อสร้างความสบายใจกับผู้ถูกกล่าวหา" รองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า จากสำนวนที่พรรคไทยรักไทยฟ้องพรรคประชาธิปัตย์นั้น เชื่อว่ากรณีการจ้างพรรคเล็กจะถือเป็นประเด็นหลักที่สุด อย่างไรก็ตามกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กควรสรุปผลก่อนการเลือกตั้ง และในการสอบสวนต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 พรรค โดยอยู่บนข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ไม่ใช่หลักฐานที่มาจากการสร้างขึ้น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์